ออมเงินสไตล์คนรุ่นใหม่ ออมด้วยวิธีไหนกันบ้าง?

ออมเงินสไตล์คนรุ่นใหม่ ออมด้วยวิธีไหนกันบ้าง?

ออมเงินสไตล์คนรุ่นใหม่ ออมด้วยวิธีไหนกันบ้าง?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การวางแผนการเงิน เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็สามารถออกแบบเองได้ เนื่องจากไม่มีกฎตายตัว เพราะทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเป้าหมาย และแผนในอนาคตของแต่ละคน อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่าการออมเงินเป็นสิ่งที่สำคัญ แถมยังเป็นเครื่องยืนยันว่าอนาคตของเราจะมั่นคง มีเงินใช้จ่ายเพื่อตัวเอง รวมถึงคนที่เรารัก

ซึ่งสำหรับคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในช่วงสร้างเนื้อสร้างตัว โดยอาจจะเพิ่งเริ่มต้นทำงาน แถมยังสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างง่ายดาย และเป็นกลุ่มที่มีภาระทางการเงินยังไม่สูงนั้น มีวิธีวางแผนทางการเงินหรือออมเงินที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง เราไปดูกัน…

แบ่งเงินออมจากเงินเดือน แยกบัญชีเงินเก็บ หรือฝากประจำ โดยหักบัญชีอัตโนมัติ

First Jobber ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือเด็กจบใหม่ ที่อยู่ในช่วงอายุตั้งแต่ 22 ปีขึ้นไป มักจะมีวิธีการออมเงินในแบบฉบับมนุษย์เงินเดือน โดยแบ่งเงินอย่างน้อย 10 เปอร์เซ็นต์จากเงินเดือน โอนเข้าบัญชีเงินเก็บที่ถูกแยกไว้ทุกเดือน เพื่อสะสมเป็นเงินเก็บของตนเองไว้ใช้ในอนาคต

ทั้งนี้ บางคนมักจะไม่ทำบัตร ATM ของบัญชีเงินเก็บไว้ เพื่อป้องกันการถอนเงินเก็บไปใช้จ่ายโดยไม่จำเป็นนั่นเอง แต่หากเป็นคนหลง ๆ ลืม ๆ คนรุ่นใหม่บางคนก็มีวิธีออมเงิน โดยการฝากประจำแบบหักเงินอัตโนมัติทุกเดือน โดยที่ไม่ต้องมานั่งโอนเอง ซึ่งถือว่าเป็นวิธีที่ดี ทำให้ออมเงินได้อย่างเป็นระเบียบ

ออมหุ้น / ออมทอง

การออมหุ้น คือการเลือกฝากเงินผ่านบัญชีธนาคาร โดยมีอัตราการฝากเงินเป็นประจำ จำนวนเท่ากันทุกเดือน โดยเงินฝากก้อนนี้จะนำไปลงทุนในหุ้นต่าง ๆ ที่ทางธนาคารหรือโบรกเกอร์ตัวแทน ข้อดีของการออมหุ้น คือเป็นการออมเงินด้วยการลงทุน ที่ให้ผลประโยชน์มากกว่าดอกเบี้ยประจำ

ส่วนออมทองคือการซื้อทองเก็งกำไร สะสมไว้ทีละเล็กทีละน้อย เพื่อรับผลตอบแทนจากราคาทองในอนาคต ปัจจุบันการออมทองถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกยอดนิยมในการลงทุนของคนรุ่นใหม่ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องลงทุนเต็มจำนวน เพราะมีร้านทองหลายแห่งเปิดให้เลือกออมทอง โดยการทยอยซื้อได้ในจำนวนเงินที่ต้องการ เช่น ออมทองเดือนละ 1,000 บาท เมื่อครบบาทก็สามารถถอนทองที่ออมไว้ ออกมาในรูปแบบทองคำแท่ง หรือขายคืนเป็นเงินสดก็ได้

ซื้อกองทุนรวม LTF / RMF

คนรุ่นใหม่หันมาสนใจซื้อกองทุนรวมมากขึ้น โดย 2 กองทุนที่คุ้นกันดี ก็คือ LTF หรือกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ต้องการลงทุนในหุ้นระยะยาว แต่อาจไม่มีความชำนาญ เกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น หรือไม่มีเวลาติดตามการลงทุนอย่างใกล้ชิด ซึ่งผู้ลงทุนจะต้องเข้าใจและยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุน รวมทั้งเงื่อนไขเกี่ยวกับระยะเวลาในการลงทุนได้ ลงทุนแล้วถือยาว ๆ ไป 7 ปีจึงจะขายคืนได้

ส่วน RMF หรือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการออมเพื่อการเกษียณ มีนโยบายการลงทุนหลากหลาย เน้นการลงทุนระยะยาวเพื่อวัยเกษียณ โดยจะต้องลงทุนไปต่อเนื่องทุกปีจนถึงอายุ 55 ปี และมีระยะเวลาลงทุนต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ปี

ซื้อสลากออมสิน

สลากออมสินเป็นรูปแบบหนึ่งของการออมเงิน โดยผู้ฝากจะได้รับดอกเบี้ยตามอัตราที่กำหนด พร้อมมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลทุกเดือน ครบกำหนดได้เงินต้นคืนพร้อมดอกเบี้ย ซึ่งแน่นอนว่าข้อดีคือ ได้สิทธิ์ลุ้นรับโชคใหญ่จากการถูกรางวัลอย่างต่อเนื่องทุกเดือนนานถึง 36 เดือน หากถูกรางวัล เงินยังได้รับการยกเว้นภาษี แถมสามารถใช้เป็นหลักประกันเงินกู้กับธนาคารออมสิน ได้วงเงินสูงถึง 95 เปอร์เซ็นต์ ของมูลค่าสลากที่มีอีกด้วย

ลงทุนบิตคอยน์

อิปซอสส์ (ไทยแลนด์) ได้เปิดเผยผลสำรวจออนไลน์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา พบว่ามีคนไทย 68 เปอร์เซ็นต์ สนใจลงทุนในบิตคอยน์ โดยให้เหตุผลว่า ต้องการผลกำไรที่รวดเร็ว 68 เปอร์เซ็นต์ ต้องการศึกษาข้อมูลเงินดิจิทัล 59 เปอร์เซ็นต์ และประสงค์จะลงทุนเพื่อสร้างรายได้ระยะยาว 42 เปอร์เซ็นต์ เพราะช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ราคาบิตคอยน์เป็นขาขึ้น ทุกคนที่เข้าลงทุนได้กำไรหมด ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาตามกลุ่มอายุพบว่า กลุ่มคนหนุ่มสาว อายุ 18-29 ปี เป็นกลุ่มที่สนใจลงทุนในบิตคอยน์มากที่สุดถึง 72 เปอร์เซ็นต์

Bitcoin เป็นสกุลเงิน Digital ที่อยู่ภายใต้การดูแลของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลก ตัวย่อคือ BTC เป็นสกุลเงินที่ไม่ต้องมีการพิมพ์ธนบัตรเหมือนกับสกุลเงินทั่วไป ข้อดีที่สำคัญของการลงทุนบิตคอยน์ คือ ไม่ได้อยู่ในการควบคุมดูแลของธนาคารกลางประเทศใด ๆ และบิตคอยน์จะมีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะผู้คนเริ่มมีความต้องการบิตคอยน์มากขึ้น หากเลือกลงทุนและซื้อบิตคอยน์เก็บไว้ในอนาคตราคาจะสูงขึ้น ในขณะที่ครอบครองจำนวนบิตคอยน์เท่าเดิม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook