ปิดตำนาน "ซีอุย" ที่หลายคนตราหน้าเขาว่า "มนุษย์กินคน" กว่า 60 ปี
ซีอุย เป็นชื่อของชาวจีนที่ถูกประหารชีวิตฐานฆ่าเด็ก เขาถูกจับกุมฐานฆ่าเด็กชายสมบุญ บุญยกาญจน์ที่จังหวัดระยองในปี 2501 ต่อมาตำรวจสืบสวนจนได้คำรับสารภาพจากซีอุยว่าก่อคดีอีกอย่างน้อย 6 คดีในช่วงปี พ.ศ. 2497–2501 แบ่งเป็นที่ประจวบคีรีขันธ์ 4 คดี กรุงเทพมหานครและนครปฐมแห่งละ 1 คดี ศาลอุทธรณ์ตัดสินประหารชีวิตเฉพาะคดีฆ่าเด็กชายสมบุญ บุญยกาญจน์ อย่างไรก็ดี สื่อมวลชนในขณะนั้นเขียนว่าศพในคดีที่ซีอุยรับสารภาพมีการหั่นศพและอวัยวะภายในหายไป ทำให้มีข่าวว่าซีอุยเป็นมนุษย์กินคน ต่อมาผู้ใหญ่มักขู่เด็กว่า "ซีอุยจะมากินตับ" เพื่อให้อยู่ในโอวาท
ตำนาน ประวัติ ซีอุย
ซีอุย มีชื่อจริงว่า หลีอุย แซ่อึ้ง แต่คนไทยเรียกเพี้ยนเป็น ซีอุย เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2470 ตำบลฮุนไหล จังหวัดซัวเถา ประเทศจีน โดยเป็นลูกคนสุดท้องจากจำนวนพี่น้องทั้งหมด 4 คน ของนายฮุนฮ้อกับนางไป๋ติ้ง แซ่อึ้ง ครอบครัวมีอาชีพทำไร่ และมีฐานะยากจน เขาตระเวนตามที่ต่างๆ อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง มักถูกเด็กด้วยกันทำร้ายและเอาเปรียบจนเกิดความแค้นในใจ
ซีอุยวัย 18 ปี ถูกเกณท์ทหารที่มณฑลเอ้หมึง ในสงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง ระหว่างสงครามมีครั้งหนึ่งซีอุยตกอยู่ในวงล้อมญี่ปุ่นพร้อมกับทหารจีนคนอื่น เมื่อเสบียงเริ่มหมดลง ซีอุยใช้มีดกรีดศพเพื่อนทหารเพื่อควักหัวใจ ตับและไส้ออกมาต้มกิน หลังสงครามยุติ บ้างว่าซีอุยกลับบ้านเกิดที่ซัวเถา แต่ด้วยมีฐานะยากจน จึงพยายามดิ้นร้นเพื่อย้ายเข้ามาทำงานในประเทศไทย บ้างว่าต่อมาเพื่อนทหารรุ่นเดียวกันชวนซีอุยสมัครเข้าทำงานกับบริษัทเดินเรือทะเล ทำได้อยู่ปีเศษ ก็ลอบหนีเข้าประเทศไทยตามเพื่อน บ้างก็ว่าซีอุยถูกเกณฑ์ไปรบกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนอีก จึงหนีทหารเข้ามาในประเทศไทย
ก่อนจะหนีเข้ามาประเทศไทย ในวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2489 ทางเรือโปรดิว เมื่อซีอุยขึ้นฝั่งประเทศไทย ก็ถูกกักตัวอยู่ที่กองตรวจคนเข้าเมือง 10 วัน ก่อนที่นายทินกี่ แซ่อึ้ง จะมารับรองออกไปได้ จากนั้นก็พักอยู่จังหวัดพระนครที่โรงแรมเทียนจิน ตรอกเทียนกัวเทียน ประมาณ 5-6 วัน ก่อนจะเดินทางไปทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตรงกับคำให้การวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2501 ยืนยันว่า "มาอยู่เมืองไทยครั้งแรกที่ตำบลทับสะแก ประจวบคีรีขันธ์" หลังจากนั้นซีอุยก็เดินทางไปมาทำงานรับจ้างอยู่หลายที่ ก็ย้ายที่อยู่ไปไม่มีหลักแหล่ง และยากที่จะจัดลำดับได้เนื่องจากคำให้การแต่ละครั้ง ซีอุยระบุชื่อเจ้าของบ้านที่ไปพักไม่ค่อยตรงกัน และมักจะเป็นการอยู่ชั่วคราวสั้นๆ ขึ้นอยู่กับอายุงาน
ซีอุยถูกจับขณะกำลังพยายามเผาทำลายศพเด็กชายสมบุญ บุญยกาญจน์ เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2501 ซีอุยถูกจับได้พร้อมกับหลักฐานอวัยวะในถ้วยชาม แต่แพทย์ไม่ได้ยืนยันว่าเป็นของมนุษย์ หลังถูกจับได้ สื่อเผยแพร่ภาพเขาหาวอ้าปากกว้างโดยนำไปสร้างความสยดสยอง
ซีอุยถูกจับในคดีเด็กชายสมบุญ ที่ระยอง คดีดังกล่าวถูกเชื่อมโยงเข้าคดีเก่าอีก 2 คดี คือ คดีฆาตกรรมที่สถานีรถไฟสวนจิตรลดา เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2489 ที่กรุงเทพมหานคร และคดีฆาตกรรมที่องค์พระปฐมเจดีย์ ที่นครปฐม เมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2500 โดยรูปแบบและการฆาตกรรมลักษณะเดียวกัน ตำรวจจึงมุ่งเป้าไปที่ซีอุย ซีอุยถูกนำตัวมาสอบสวนตั้งแต่คืนวันที่ 27 มกราคม 2501 มีการบันทึกคำเป็นหลักฐานลงในวันที่ 30 มกราคม เนื่องจากซีอุยพูดและอ่านเขียนไทยไม่ได้การสอบสวนแต่ละครั้งจึงมีล่ามจีนอยู่เสมอ เนื้อหาของบันทึกปากคำฉบับวันที่ 30 มกราคม มี 3 เรื่องใหญ่ๆ คือ ยอมรับคดีที่ระยอง และปฏิเสธข้อกล่าวหาคดีกรุงเทพและคดีนครปฐม ซีอุยยอมรับคดีที่ระยองว่าเป็นการกระทำผิดครั้งแรก โดยกล่าวนัยว่า "ไม่เคยฆ่าคนเพื่อจะเอาตับและหัวใจมากินเลย"
รายชื่อผู้เสียหายที่รับสารภาพ
ตำรวจได้คำรับสารภาพจากซีอุยในคดีฆ่าเด็กทั้งหมด 7 คน ดังนี้
- เด็กหญิงบังอร ภมรสูตร
วันที่และสถานที่ 8 เมษายน 2497 อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ลักษณะการทำร้าย ถูกเชือดคอ แต่รอดชีวิต - เด็กหญิงนิด แซ่ภู่
วันที่และสถานที่ 10 พฤษภาคม 2497 อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ศพถูกชำแหละ อวัยวะภายในหายไป - เด็กหญิงลิ้มเฮียง แซ่เล้า
วันที่และสถานที่ 20 มิถุนายน 2497 อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ลักษณะการทำร้าย ถูกเชือดคอ และถูกข่มขืนกระทำชำเรา - เด็กหญิงกำหงัน แซ่ลี้
วันที่และสถานที่ 27 ตุลาคม 2497 อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ลักษณะการทำร้าย ถูกเชือดคอ - เด็กหญิงลี่จู แซ่ตั้ง
วันที่และสถานที่ 28 พฤศจิกายน 2497 อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร
ลักษณะการทำร้าย ศพถูกชำแหละ - เด็กหญิงซิ่วจู แซ่ตั้ง
วันที่และสถานที่ 5 กุมภาพันธ์ 2500 อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม
ลักษณะการทำร้าย ศพถูกชำแหละ อวัยวะภายในหายไป - เด็กชายสมบุญ บุญยกาญจน์
วันที่และสถานที่ 27 มกราคม 2501 อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง
ลักษณะการทำร้าย ศพถูกชำแหละ ตับและหัวใจหายไป และพยายามอำพรางศพด้วยการเผา (ศาลอุทธรณ์พิพากษาประหารชีวิต)
การพิจารณาและคำพิพากษา
เริ่มการพิจารณาคดีซีอุยเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2501 เขารับสารภาพทุกข้อกล่าวหา มีน้องของผู้เสียหายที่มีอายุ 6 ขวบให้การว่าเห็นเขาพาน้องสาวจากงานตรุษจีนในไชนาทาวน์ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2497 ซึ่งเป็นคืนก่อนพบศพเธอ การพิจารณาคดีเขากินเวลา 9 วัน ศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิต แต่ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิตเพราะจำเลยยอมรับสารภาพ แต่ตำรวจอุทธรณ์เพราะเห็นว่ามีหลักฐานเพียงพอ เขาจึงถูกศาลอุทธรณ์ตัดสินประหารชีวิตเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2501 และมีการประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2502 และหลังจากถูกประหารชีวิต ศพของซีอุยถูกนำมาดองเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ ภายในโรงพยาบาลศิริราชนับแต่นั้น
คืนความยุติธรรม คืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ให้กับซีอุย
การเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเข้าชื่อกันผ่านเว็บไซต์ change.org เมื่อเดือน พ.ค. ปี 2562 ให้โรงพยาบาลศิริราชปลดป้าย "มนุษย์กินคน" ที่ติดอยู่ใกล้กับร่างของซีอุย และนำร่างของนายซีอุยออกจากการจัดแสดง เพื่อคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้กับผู้เสียชีวิตรายนี้ ส่วนผู้ตั้งแคมเปญในเว็บไซต์ตังกล่าวก็ระบุว่า ซีอุย อาจไม่ใช่มนุษย์กินคนอย่างที่หลายคนเข้าใจ
หลังจากนั้นโรงพยาบาลศิริราชก็ปลดป้ายมนุษย์กินคนออก และยกย่องให้ซีอุยเป็น "อาจารย์ใหญ่" ทั้งยังประกาศตามหาญาติของผู้เสียชีวิต เพื่อนำร่างไปประกอบพิธีตามความเชื่อ
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นญาติกลับไม่มีเอกสารที่ยืนยันตัวตนได้ จึงยังไม่ได้จัดงานฌาปนกิจ จนมีการพูดคุยกันของหน่วยงานต่างๆ และนำมาสู่การที่เรือนจำกลางบางขวาง จ.นนทบุรี จะเป็นผู้ดำเนินการฌาปนกิจในวันที่ 23 ก.ค 2563