สวยมากความสามารถ "มินนี่ รัตน์ดาพร" ผู้เข้าประกวดมิสทีนไทยแลนด์ ดีกรีไอซ์ฮอกกี้ทีมชาติ
วัยรุ่นและเยาวชนรุ่นใหม่ล้วนแต่มีความสามารถ และประสิทธิภาพในหลากหลายแนว และหลากหลายความฝัน เพียงแค่ได้ลองทำและค้นหาตัวเองว่าสิ่งไหนใช่และไม่ใช่ก็ไม่แปลกอะไรที่ได้ทดลองและตามความฝันตัวเอง
วันนี้ทาง Sanook! Campus จะพาไปรู้จักกับสาวสวยหน้าตาดี มากความสามารถทั้งการเรียน กีฬา และวงการบันเทิง เรียกได้ว่าเธอคนนี้มีการค้นหาตัวตนและความพยายาม จริงจังกับทุกด้าน
เธอคนนี้คือ "น้องมินนี่ รัตน์ดาพร เชิง" อายุ 18 ปี ดีกรีนักกีฬาไอซ์ฮอกกี้ทีมชาติไทย และผู้เข้าประกวดมิสทีนไทยแลนด์ 2017 เป็นอีกหนึ่งสาวอายุน้อยมากความสามารถและอนาคตไกลอีกหนึ่งคน
ทางด้านการศึกษา มินนี่ ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2 คณะวิทยาศาสตร์ชีวะภาพ มหาวิทยาลัยนานาชาติมหิดล อายุเพียงเท่านี้เรียนขนาดนี้นั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เพราะการเรียนของน้องนั้นศึกษาเกี่ยวกับ ชีวภาพต่างๆ ของสิ่งมีชีวิต ที่มินนี่เลือกการเรียนวิชานี้เพราะเป็นคนไม่ชอบวิชาบริหารสักเท่าไหร่ และ เป็นคนชอบวิทยาศาสตร์มากกว่า
ส่วนเรื่องกีฬาไอซ์ฮอกกี้นั้นเริ่มต้นมาจาก เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาเพื่อนที่สนิทมาชวนให้ไปลองเล่นไอซ์ฮอกกี้ด้วยกัน ให้ลองเล่นดูไหมเพราะกีฬาไอซ์ฮอกกี้ของผู้หญิงก็มี ซึ่งตัวมินนี่เองก็สนใจก็เลยไปลองดู และได้ซ้อมกับทีม ซึ่งก็ชอบเพราะเคยเล่นไอซ์สเก็ตมาอยู่แล้วก็เลยฝึกฝน ซ้อมไปนานๆ เลยลองไปคัดทีมชาติจนติดทีมตัวแทนประเทศค่ะ ซึ่งติดทีมชาติครั้งแรกตอนอายุ 17 ปี นอกจากความสามารถทางด้านกีฬาตัวมินนี่เองก็ช่วยเป็นฝ่ายประสานงานเวลาไปต่างประเทศอีกด้วย และได้มีผลงานได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ในการแข่งขันที่ไทยได้เป็นเจ้าภาพกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งทีมหญิงอีกด้วย
มินนี่ คิดว่า กีฬาไอซ์ฮอกกี้ เพิ่มทักษะตัวเอง ในเรื่องของการ อดทน เพราะใช้เวลาสักระยะหนึ่งเลย โดยเริ่มจากไอซ์สเก็ต แล้วค่อยมาเป็นฮอกกี้ ซึ่งเดิมเคยเล่นกีฬาอื่นๆมาด้วยชอบเล่นกีฬาอยู่แล้วค่ะ และรู้สึกว่ากีฬาทุกชนิดฝึกความอดทนและความพยายาม
ส่วนทางการประกวดมิสทีนไทยแลนด์ เหตุผลที่ตัดสินใจมาลงประกวดเวทีนี้ เพราะมีคนแนะนำมาว่าให้ลองไปประกวดดู ซึ่งตัวมินนี่เองก็สนใจ โดยส่วนตัวมีความคิดว่าการประกวดเป็นหน้าต่างบานแรกในการเข้าสู่วงการบันเทิง ซึ่งตัวมินนี่เองก็อยากที่จะลองประสบการณ์หลายๆแบบ และก็อยากลองเข้าวงการบันเทิงดูสักครั้ง เพราะช่วยในการฝึกฝนความกล้าแสดงออก กล้าพูด เหมือนเป็นการฝึกทักษะตัวเองในหลายๆด้าน
โดยความคาดหวังในเวทีนี้คืออยากเข้ารอบไปถึง 5 คนสุดท้ายค่ะ ซึ่งสิ่งที่เป็นจุดเด่นในการแข่งขันของเรา คือ "ความเป็นตัวของตัวเองค่ะ น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด"
การแบ่งเวลาเรียน ของมินนี่ คือ ต้องจัดตารางตัวเองอย่างหนักเลยค่ะ เพราะทั้งซ้อมไอซ์ฮอกกี้ด้วย เก็บตัวของมิสทีมไทยแลนด์ด้วย ก็มีลาเรียนบ้าง แต่พยายามจัดเวลาเรียนไม่ให้ตรงกับการซ้อมต่างๆให้ไม่เสียในเรื่องการเรียนให้มากที่สุดค่ะ
ทั้งหมดที่ทำมาทั้งเรียนชีวภาพที่มหาวิทยาลัย เป็นนักกีฬาฮอกกี้ ประกวดมิสทีน เรียกได้ว่าทั้งหมดนี้ เรายังทำได้ดีกว่านี้ ทำได้สุดกว่านี้ ทั้งการเล่นกีฬาฮอกกี้ การเรียนเราก็ได้ความรู้เพิ่มเติม เวทีมิสทีนไทยแลนด์ก็ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ เรียกได้ว่าแต่ละสิ่งให้อะไรที่แตกต่างกัน เหมือนช่วงเก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหม่ๆในชีวิตที่สามารถทำอะไรได้อีกเยอะแยะเลยค่ะ เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่กำลังค้นหาตัวเองว่าชอบอะไรที่สุดมากกว่า ด้วยการลองทำมันหลายๆอย่างซะเลย
ตอนนี้ลุยเวทีประกวดมิสทีนไทยแลนด์เลยรู้สึกว่าชอบวงการบันเทิงมากที่สุดค่ะ เพราะเหมือนการเปิดประสบการณ์ใหม่ในการลองทำดู และไม่เคยทำ เลยสนใจในวงการบันเทิงตอนนี้ และเป็นสิ่งที่สามารถทำให้ส่งตัวเองในการเรียนต่อปริญญาโทได้อีกด้วย
โดยส่วนตัวแล้วอยากเป็น นักแสดง มากที่สุดในวงการบันเทิงค่ะ เพราะเคยเล่นละครเล่นละเวทีของโรงเรียนในตอนสมัยมัธยม อาจจะมีประสบการณ์มานิดหน่อยและเป็นสิ่งที่ท้าทายในชีวิตเหมือนกัน
มองมุมของวัยรุ่นในการเลือกสิ่งที่ตัวเองรักและชอบสักอย่างหนึ่ง ตัวมินนี่เองมองว่า เวลาเราคิดไม่ออกว่าเราควรเลือกอะไร ก็มีการสอบถามจากผู้ปกครอง หรือผู้มีประสบการณ์ เพื่อน ต่างก็สามารถช่วยเราตัดสินใจได้ แต่บางทีคำตอบอาจจะยังไม่ใช่เสมอไป สิ่งหนึ่งที่เป็นตัวเลือกในการตัดสินใจเลยคือตัวเราเองนี่แหละ ทำอะไรแล้วสบายใจแล้วมีความสุขนั่นก็อาจจะเป็นสิ่งที่เราชอบและเลือกมันแล้วค่ะ
เรียกได้ว่าเป็นสาวน้อยที่อายุเพียง 18 ปี แต่มีประสบการณ์อย่างมากมาย เรียกได้ว่าเป็นสาวที่อยากทดลอง การใช้ชีวิตในหลากหลายด้าน เป็นอีกหนึ่งสาว เยาวชนไทยที่น่าสนใจ และน่าติดตามมากว่า เหรียญจะออกไปที่ด้านไหนที่สาวน้อยคนนี้ตัดสินใจเลือก ไม่ว่าจะเป็น วงการบันเทิง นักกีฬาไอซ์ฮอกกี้ หรือจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านชีวภาพ มีแต่อาชีพที่ท้าทายทั้งนั้น อย่าลืมติดตามและส่งกำลังใจให้ "น้องมินนี่ รัตน์ดาพร เชิง" กันด้วยนะ รอบตัดสินมิสทีนไทยแลนด์ในวันที่ 24 มกราคม 2561 นี้แล้วติดตามกันได้นะ