ร้อนจัดทนไม่ไหว! จี้ทปอ.เลิก เปิด-ปิดเทอมตามอาเซียน

การขอความร่วมมือให้ทุกสถาบันอุดมศึกษา เปิด-ปิดภาคเรียนตามอาเซียน ของที่ประชุมอธิการบดี หรือ ทปอ. เป็นมติตั้งแต่ปี 2557 ภาคเรียนที่ 1 จะเปิดเดือนสิงหาคมถึงเดือนธันวาคม ภาคเรียนที่ 2 จะเปิดเดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม แต่นับตั้งแต่มีการเปิด-ปิดภาคเรียนแบบใหม่นี้ กลับพบว่า มีคนจำนวนไม่น้อยได้รับผลกระทบ



เดือนเมษายน นับเป็นเดือนที่ร้อนที่สุด อีกทั้งเดือนนี้ สภาคณาจารย์ฯ ยังได้รับเรื่องร้องเรียนมากที่สุด เพราะอากาศร้อนมากจนทำการเรียนการสอนไม่ได้ ในการศึกษาผลกระทบจากการปรับเปลี่ยนการเปิดภาคเรียนของสถาบันอุดมศึกษาภายหลังการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน จึงมีผู้ไม่เห็นด้วยกับการเปิดปิดภาคเรียนแบบนี้สูงถึงร้อยละ 86.33 โดยร้อยละ 72.10 อยากให้กลับมาเปิดปิดเทอมแบบเดิม ขณะที่ร้อยละ 62.33 คิดว่าเปิดปิดเทอมตามอาเซียนส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต

นักศึกษาสาขาครุศาสตร์มีปัญหากับการฝึกงานเด็กในชั้นการศึกษาขั้นพื้นฐานที่เปิด-ปิดเทอมไม่ตรงกัน ซ้ำยังพลาดโอกาสกับการสอบบรรจุครูที่เกิดขึ้นก่อนการฝึกงานเสร็จสิ้น ขณะที่ผู้ที่ได้รับการผ่อนผันการเกณฑ์ทหารก็ไปสมัครงานยังไม่ได้ เพราะ
ยังไม่ได้ใบผ่านทหาร กระทั่งวิถีชีวิต พ่อแม่เป็นอาจารย์ต้องทำการสอนในเดือนเมษายน แต่ลูกปิดเทอมในช่วงนี้ ขณะที่นักศึกษาไม่สามารถกลับบ้านได้ในวันหยุดเทศกาลยาวๆ



ในส่วนของสถาบันการศึกษา มีปัญหาตั้งแต่การเปิดเทอมที่ไม่ตรงปีงบประมาณ การประเมินผลปฎิบัติงานคนละช่วง ซ้ำยังมีรายจ่ายของสถาบันเพิ่มเท่าทวีคูณ จากการใช้ไฟที่สูงขึ้นเป็น 2-3 เท่าในหน้าร้อน

ที่น่าสนใจคือใน 10 ประเทศอาเซียน มีแค่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในขณะนี้ ที่เปิด-ปิดเทอมในช่วงดังกล่าว ขณะที่นักเรียนไทยที่จะไปเรียนต่ออาเซียนยังมีตัวเลขที่น้อยมาก เช่นเดียวกับประเทศอาเซียนมาเรียนต่อไทยก็น้อยมากเช่นกัน



ความไม่เหมาะสมนานานัปการของการเปิดปิดภาคเรียนตามอาเซียน ยังมีการส่งเสียงถึงที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ต่อเนื่องจนกว่า ทปอ.จะหันกลับมาพิจารณาใหม่ และทบทวน