"น้องมุก" ว่าที่นิสิตแพทย์อันดับ 1 ของประเทศ เผยเคล็ดลับ

"น้องมุก" ว่าที่นิสิตแพทย์อันดับ 1 ของประเทศ เผยเคล็ดลับ

"น้องมุก" ว่าที่นิสิตแพทย์อันดับ 1 ของประเทศ เผยเคล็ดลับ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"น้องมุก" ว่าที่นิสิตแพทย์อันดับ 1 ของประเทศ เผยเคล็ดลับ ตั้งใจสอบ วางแผนอ่านหนังสือตั้งแต่ ม.5 แนะอยากให้ครูเน้นฝึกให้เด็กทำโจทย์ เพราะสามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้ในการทำข้อสอบแต่ละข้อได้

ที่ตึกอดุลยเดชวิกรม โรงพยาบาลศิริราช นพ.รุ่งนิรันดร์ ประดิษฐสุวรรณ รองคณบดีฝ่ายการศึกษาก่อนปริญญา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) แถลงข่าวเปิดตัวนักเรียนที่สอบได้คะแนนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศ จากการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต ในระบบรับตรง ปีการศึกษา 2559 ของกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) โดย นพ.รุ่งนิรันดร์กล่าวว่า จากการประมวลผลการสอบของ กสพท. พบว่าปีนี้นักเรียนที่ทำคะแนนสูงสุดของประเทศ สอบติดที่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มม. ได้แก่ น.ส.แสงทิพย์ โชคอำนวย หรือน้องมุก นักเรียนชั้น ม.6 รร.เตรียมอุดมศึกษา ทำคะแนนได้ 82.83 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน ซึ่งมีคะแนนใกล้เคียงกับผู้ที่ทำคะแนนได้สูงสุดของประเทศในปีที่ผ่านมา

โดยในส่วนของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชฯ มีผู้สอบผ่านการคัดเลือกและมีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ 281 คน สละสิทธิ์ 16 คน เหลือ 265 คน ซึ่งสัดส่วนในการแข่งขัน 1 ต่อ 18 คน ทั้งนี้ ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะต้องเตรียมคะแนนแบบทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต มายื่นภายในวันที่ 20 เมษายน พ.ศ.2559 โดยนักเรียนคนใดมีคะแนนโอเน็ตน้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนดคือ 60% จะถูกตัดสิทธิ์การเข้าศึกษาต่อ

"น่าดีใจที่จากการสอบถามนักเรียนพบว่า ทุกคนอยากเรียนแพทย์เพราะชอบ มีแรงบันดาลใจ และตั้งใจเป็นแพทย์จริงๆ ไม่ได้ถูกใครบังคับให้มาเรียน จึงถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี ไม่ถูกค่านิยมของสังคม รวมถึงผู้ปกครองบังคับ เมื่อเด็กเข้ามาเรียนก็รู้สึกเป็นทุกข์ และไม่ประสบความสำเร็จในการเรียน โดยในแต่ละปีจะมีนักศึกษาที่ต้องลาออกกลางคัน แม้ตัวเลขจะอยู่ที่ปีละประมาณ 1 คน แต่ก็ถือเป็นความสูญเสียในการลงทุนผลิตแพทย์ของประเทศและเสียเวลาด้วย" รองคณบดีฝ่ายการศึกษาก่อนปริญญากล่าว ด้าน น.ส.แสงทิพย์กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่สอบติดแพทย์ศิริราชซึ่งเลือกไว้เป็นอันดับที่ 1 แต่ไม่คิดว่าจะได้คะแนนสูงที่สุดของประเทศ อยากเป็นแพทย์ตั้งแต่เด็ก เพราะชอบเรียนด้านชีววิทยาและร่างกายมนุษย์ อีกทั้งปัจจุบันมีผู้ป่วยเยอะ รวมทั้งมีโรคต่างๆ มากมาย ดังนั้นหากได้เป็นแพทย์ก็จะช่วยเหลือคนได้เยอะ ส่วนการเตรียมตัวสอบ ตั้งใจเรียนในห้องเรียนมาโดยตลอด แต่ในช่วงปิดภาคเรียน ม.5 เริ่มจริงจังวางแผนอ่านหนังสือและเรียนกวดวิชา เน้นคอร์สตะลุยโจทย์ ซึ่งการเรียนกวดวิชาช่วยเสริมให้มั่นใจมากขึ้น แต่การอ่านหนังสือจะเป็นพื้นฐานที่ดีมากกว่า อย่างไรก็ตาม ข้อสอบในปีนี้บางวิชายากกว่าปีที่ผ่านมา แต่บางวิชาก็ง่าย แต่ทุกวิชาก็ไม่ได้ออกเกินหลักสูตรและเนื้อหาที่เรียนในห้องเรียน ส่วนลักษณะการสอบนั้น ต้องยอมรับว่าการสอบในชั้นเรียนกับการสอบแข่งขันเข้ามหาวิทยาลัยแตกต่างกัน อยากให้ครูเน้นฝึกให้เด็กทำโจทย์มากขึ้น เพราะจะทำให้เด็กสามารถฝึกการนำความรู้มาประยุกต์ใช้ในการตอบข้อสอบแต่ละข้อได้

"อาชีพแพทย์ยังคงเป็นอาชีพที่มีเกียรติและเสียสละ อีกทั้งกว่าจะสอบเข้าได้ก็ต้องพยายาม ทุ่มเทอย่างเต็มที่ คงไม่มีใครอยากสละสิทธิ์ ทั้งนี้ สำหรับการที่จะนำข้อสอบอัตนัยมาใช้ในการสอบคัดเลือกการเข้าสถาบันอุดมศึกษานั้น โดยส่วนตัวไม่เห็นด้วย เพราะการนำข้อสอบอัตนัยมาใช้ในการตอบเป็นไปตามความคิดเห็นและความเข้าใจของเด็กก็จริง แต่ไม่มั่นใจว่าเกณฑ์ในการตรวจคำตอบเป็นเช่นใด ดังนั้น การสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยควรเป็นปรนัยแบบเดิม ส่วนการสอบอัตนัยน่าจะเหมาะสมกับการสอบในชั้นเรียน" น้องมุกกล่าว.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook