"แนน" ศุภรัตน์ รัตยัง อเมริกาประสบการณ์ที่น่าลอง

"แนนเรียนเซนต์โยเซฟมาตั้งแต่เด็ก ฉะนั้นจึงเน้นเรื่องภาษามาเป็นหลัก พอเข้ามหาวิทยาลัยเราก็มองว่า คนไทย ไม่ได้เน้นการเรียนภาษาอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นหลัก แต่จะเรียนเป็น Bilingual คือ การเรียนแบบ 2 ภาษา แต่พอเริ่มเข้ามาทำงาน ก็รู้เลยว่าคนเราจะใช้ภาษาและพัฒนามันได้ก็ต่อเมื่อเราได้ใช้งานมันจริงๆ"

"แนน - ศุภรัตน์ รัตยัง พิธีกรดำเนินรายการ ทางช่อง TRAVEL CHANNEL" ได้ชิมลางถึงแนวความคิด ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องของภาษากันไปพอสมควรแล้ว คงพอจะเดาออกว่าโลกปัจจุบันนี้ต้องการคนเก่งภาษามากขนาดไหน ไม่ว่าใครก็ต้องกระตือรือร้นที่จะเรียน ที่จะศึกษา และฝึกฝนตนเองในด้านนี้ ตัวของพี่แนนเองก็เหมือนกันที่มองความต้องการของการใช้ภาษาต่อหน้าที่การงานและชีวิตประจำวันออก เธอจึงตัดสินใจเลือกไปเรียนต่อทางด้านภาษาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ใจรักภาษาเป็นทุนเดิม "

จบมาพี่ก็ทำงานในส่วนของฟิสเนทก่อน

เพราะรักที่จะใช้ภาษา รักที่จะพูด ผิดๆ ถูกๆ ก็ฝึกฝนกันไป ผู้ใหญ่ก็ให้คำแนะนำตลอด สุดท้ายเราก็ทำมันออกมาได้ดี การพัฒนาในหน้าที่การงาน ด้านภาษา อะไรต่างๆ นาๆ ดีขึ้นหมด และตอนนั้นพี่ก็มีไอเดียอยู่แล้วว่าอยากไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ แต่พี่รู้สึกว่าการไปต่างประเทศมันยาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่อยู่อาศัย สภาพแวดล้อม อากาศ แต่พี่ก็ตัดสินใจที่จะไป ไปลองสักครั้งในชีวิต เริ่มแรกจากการขอวีซ่าเข้าประเทศเขาเลย ต้องบอกว่ามันยากมากในการทำเรื่องเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา เขาต้องตรวจสอบทุกอย่างว่า เราไปแล้วจะไม่ไปตั้งถิ่นฐานที่นั่น ตรวจสอบถึงฐานะ หน้าที่การงาน และความมั่นคง อยากฝากบอกถึงคนที่จะไปว่าพยายามเอาเอกสารออกจากตัวเราให้น้อยที่สุด เพราะทาง ตม. เขาจะซักไซ้ไล่เรียงกันแบบลงลึกมาก เขาจะขอเอกสารทุกอย่างจากเราไป เราก็ควรจะบ่ายเบี่ยงที่จะให้เอกสารกับเขาไปให้น้อยที่สุด เพื่อเป็นผลดีต่อตัวเราคะ"

เรียนนอก(กรอบ)ประสบการณ์

"ไปอยู่เมืองนอกพี่ชอบตรงที่เราเป็นอิสระ จะทำอะไรก็ได้ ที่นั่นไม่มีขีดจำกัด อยู่ที่เราเลือกที่จะทำมันเอง ปรสบการณ์ต่างไม่ได้มาจากห้องเรียน หรือการเรียนการสอนเพียงเท่านั้น มันมีอยู่ทุกที่ที่เราไป ทุกครั้งที่เราสัมผัส ทุกย่างก้าวที่เราเดิน ฉะนั้นไปอยู่เมืองนอกควรรีบกอบโกยเอาประสบการณ์ที่หาไม่ได้ในเมืองไทยกลับมา อย่าอาย อย่าเขิน ถ้าเราอยากได้ภาษาและประสบการณ์ดีๆ พอพูดถึงสิทธิต่างๆ ของการไปเมืองนอกแบบนักท่องเที่ยวกับการไปแบบนักเรียน โอกาสจะต่างกันมากคะ เพราะการไปแบบนักเรียนทุกสิ่งจะอำนวยความสะดวกให้หมด สถาบันการศึกษาทุกที่เปิดโอกาสให้คนที่มีวีซ่านักเรียนได้เข้าเรียนง่ายกว่า คนที่มีวีซ่าเป็นนักท่องเที่ยว ทุกอย่างล้วนเอื้อกับคนที่มาเพื่อศึกษา เพราะทางต่างประเทศสนับสนุนและต้องการพัฒนาในด้านของการเรียนมากกว่าด้านอื่นๆ จึงไม่แปลกเลยที่คนมีวีซ่านักเรียนจะได้รับสิทธิพิเศษเหนือกว่า"

เรียนทำอาหารนานาชาติ

"การเรียนของที่นู่นมีหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่คนไทยจะไปเรียนแบบคอร์สสั้นๆ เรียนภาษาบ้าง เรียนแฟชั่นดีไซน์บ้าง แต่ที่ตั้งใจไป คือ เรียนทำอาหารคะ คนไทยที่ไปทำงานร้านอาหารส่วนใหญ่ก็เพื่อที่จะไปเรียน แล้วนำกลับมาประยุกต์ใช้กับร้านตัวเองนี่ละคะ ที่พี่ดูไว้มันจะเป็นคอร์สสั้นๆ ประมาณ 8 เดือน เรียนครอบคลุมเรื่องการทำอาหารทั้งหมด จะเรียกว่าเป็นการเรียนสูตรนานาชาติก็ได้คะ อยากจะแนะนำว่าถ้าอยากไปเรียนอเมริกา เลือกเรียนภาษาจะดีที่สุด ด้วยสภาพแวดล้อมที่บังคับให้เราต้องพูด ต้องทำในสิ่งที่ไม่เคยมาก่อน มันจะเป็นผลดีกับตัวเราโดยไม่รู้ตัวคะ แต่ถ้าไปก็เรียนแบบสั้นๆ ก็พอ แล้วนำประสบการณ์ที่ได้มาพัฒนาต่อที่เมืองไทยจะดีกว่าคะ "

"พอกลับมาเมืองไทยทางช่องทราเวล ชาเนล ก็ให้โอกาสพี่เข้ามาเป็นพิธีกรรายการเลยคะ เรียกได้ว่าไม่ต้องรองานใหม่เลย ได้ใช้ภาษากับหน้าที่การงานแบบใจหวังเลยคะ เพราะในรายการจะเชิญแขกที่เป็นฝร่งมา เราก็มีหน้าที่สทื่อสารกับเขา เรียกว่าได้ว่าแบ่งเบาภาระของพี่ๆ ทีมงานได้เยอะเลย (หัวเราะ) ซึ่งตอนนี้พี่ก็มีความสุขกับการทำงานตรงนี้มาก ได้ใช้ทั้งภาษา ได้ทั้งท่องเที่ยว ลงตังมากคะสำหรับชีวิตในตอนนี้"

ฝากถึงน้องๆ ที่รักในการใช้ภาษาและอยากไปเรียนเมืองนอก

"ก่อนจะไปควรจะมีแผนการเตรียมไว้ก่อน คิดไว้เลยว่าตั้งใจจะไปเรียนอะไร พักที่ไหน ทำงานอะไรได้บ้าง เพราะการไปในแต่ละครั้งย่อมมีเงินลงทุน อาจเป็นเงินของพ่อแม่ เราก็ต้องคิดเสมอว่ามันเป็นเงินก้อนใหญ่นะ ไม่ได้หามาง่ายๆ ทำอะไรก็ควรทำให้คุ้มค่า แต่ก่อนที่จะตัดสินใจ เราควรถามตัวเองก่อนว่า ไปแล้วอยู่ได้ไหม ทนได้ไหม เรียนได้ไหม ไม่อยากให้ไปแค่คำว่า ค่านิยม ซึ่งมันจะทำให้เราเสียทั้งเงินทอง วันเวลา และโอกาสดีๆ คะ"

ที่มา "การศึกษาวันนี้"
ผู้เขียน : ST.Moolthep ช่างภาพ : อำพล อยู่ถนอม