ท่านเคยเบื่ออะไรที่สุดครับ ถ้าเคยท่านจัดการกับความเบื่ออย่างไร

ท่านเคยเบื่ออะไรที่สุดครับ ถ้าเคยท่านจัดการกับความเบื่ออย่างไร

ท่านเคยเบื่ออะไรที่สุดครับ ถ้าเคยท่านจัดการกับความเบื่ออย่างไร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“ปุจฉา-วิสัชนาระหว่างคนหนุ่มสองฝั่ง ฝั่งทางธรรม – ท่าน ว.วชิรเมธี พระนักเทศน์ ผู้สร้างปรากฏการณ์ธรรมะมิใช่ยาขม กับฝั่งทางโลก – 20 คนหนุ่มนักคิดจากแวดวงต่างๆ คัดคำถามเด็ดๆ จากหนังสือเข็นธรรมะขึ้นภูเขา เรียบเรียงโดย ภาวนา แก้วแสงธรรม ทุกคำตอบเป็นวิสัชนาอันคมคาย ลุ่มลึก และกระจ่างชัด ช่วยแนะแนวทางให้คนรุ่นใหม่ให้เข้าใจในโลกและชีวิต”

สำหรับคำถามครั้งนี้ถูกตั้งโดย แทนคุณ จิตต์อิสระ นักการเมืองหนุ่มที่มีบทบาทโดดเด่น อดีตนักแสดงวัยรุ่นที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้ยังผ่านบทบาทพิธีกรรายการโทรทัศน์ และครูสอนภาษาจีน แทนคุณยังอุทิศตัวเองให้กิจกรรมทางพระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง เป็นตัวอย่างชายหนุ่มที่จิตใจงามและมีคุณภาพอีกด้วย

Q ท่านเคยเบื่ออะไรที่สุดครับ ถ้าเคยท่านจัดการกับความเบื่ออย่างไร (ท่านเคยคิดจะไปอยู่ที่ไหนไกลผู้คนไหมครับ ถ้าเคยที่นั่นคือที่ไหน)

A ในชีวิตสิ่งที่อาตมาเคยเบื่อคือ การที่ไม่สามารถบริหารจัดการสภาพการณ์ภายในของคณะสงฆ์ได้ ครั้งหนึ่งเคยเบื่อรุนแรงถึงขั้นเตรียมลาสิกขา อาตมามองดูโบสถ์ วิหาร ซึ่งสกปรก เห็นคลองมีน้ำเน่า วันดีคืนดีก็มีปลาตายลอยฟ่อง สะท้อนถึงคุณภาพน้ำให้นักท่องเที่ยวเห็น แล้วบางครั้งพระสงฆ์ของเราแทนที่จะอยู่กันในฐานะกัลยาณมิตร อยู่กันในฐานะเป็นพี่น้องทางธรรมด้วยความรักและความสมัครสมานสามัคคี แต่อาตมากลับค้นพบว่าในความสงบนั้นมีความเคลื่อนไหว และภายใต้ดวงหน้าที่ดูเหมือนสงบสำรวมนั้น กลับเต็มไปด้วยความริษยาและฝักใฝ่การเมือง

บางครั้งอาตมาถามตัวเองว่า อาตมากำลังดำรงสมณเพศอยู่ท่ามกลางพระสงฆ์ ซึ่งเป็นชุมชนของผู้ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยหรือท่ามกลางนักการเมืองกันแน่ อาตมาเคยเบื่อถึงขีดสุดจนกระทั่งโทรศัพท์เรียกเพื่อนลงมาจากเชียงรายแล้ววางแผนลาสิกขากัน คิดว่าชีวิตนี้จะไม่แวะเวียนในพระศาสนากันอีก

แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่ง อาตมาก็ค้นพบว่าเมื่อเราเดินออกจากสภาพแวดล้อมที่เราเบื่อไปที่อื่น จิตของเราก็พลิกไปอีกอารมณ์หนึ่ง อารมณ์เบื่อมันก็หายไป เกิดความคิดใหม่ขึ้นมาว่า สิ่งที่เราเบื่อทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เราบริหารจัดการไม่ได้เลย เพราะมันเป็นตัวแปรอิสระทั้งหมด แต่ตัวเรานี้เป็นตัวแปรหลัก ชาตินี้ถ้าเราจะรอให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่เป็นตัวแปรอิสระ บางทีชาตินี้ทั้งชาติเราเองอาจจะทำไม่สำเร็จ แต่ถ้าเราหันกลับมาเปลี่ยนโลกภายในของเราเอง มันจะดีกว่าไหม

ตั้งแต่นาทีนั้นเป็นต้นมา อาตมาไม่ได้สนใจความเกะกะ ไร้ระเบียบ ความยุ่งเหยิง ความอิจฉาตาร้อนอีกต่อไป อาตมาคิดว่า เราทุกคนมาสู่โลกนี้โดยมีภารกิจส่วนตัวกันคนละภารกิจ ชีวิตที่เหลืออาตมาจะไม่ไปยุ่งกับการแบกภารกิจให้คนอื่น แต่อาตมาจะแบกเฉพาะภารกิจของตัวเอง อาตมาขีดวงชีวิตของตัวเองให้แคบเข้า ใช้เวลาทั้งหมดอ่านพระไตรปิฎก และไปฝึกวิปัสสนากรรมฐานในป่า จนกระทั่งมั่นอกมั่นใจว่า วิถีชีวิตที่ตัวเองเลือกนั้นเป็นทางที่ถูกต้อง แล้วอาตมาก็ลงมือสร้างวัดป่ากับเพื่อน เมื่อปีพุทธศักราช 2545 ที่จังหวัดเชียงราย จากพื้นที่ 4 ไร่ ตอนนี้เป็น 80 ไร่แล้ว

อาตมารู้สึกว่าเราเป็นยานอวกาศที่มีภารกิจหนึ่งเดียว คือเราจะมุ่งไปที่เป้าหมายของเราเท่านั้น อะไรที่ไม่ใช่เป้าหมายเราจะไม่ไปข้องแวะมัน พร้อมๆ กับต้นไม้ในวัดป่าที่เจริญเติบโต อาตมาคิดว่าภายในของอาตมาก็ได้เติบโตขึ้นด้วย ความรู้สึกเบื่อคณะสงฆ์ เบื่อวัดที่ขาดการบริหารจัดการ เบื่อการแก่งแย่งแข่งขันกันขุนนางพระก็ไม่เข้ามาในชีวิตอาตมาอีก เมื่อกลับมาพิจารณาก็ค้นพบว่าสาเหตุที่เราเบื่อสุดๆ ก็เพราะเราเอาตัวเองเข้าไปแบกเราจึงเบื่อ พอเรามองดูสิ่งเหล่านั้นโดยไม่มีอัตตาไปรองรับ หรือโดยไม่มีอัตตาเป็นผู้กระทำและเป็นผู้รับผลการกระทำ ความเบื่อมันหายไป จนกระทั่งทุกวันนี้ความเบื่อในลักษณะเช่นนั้นไม่เคยมาแผ้วพานอาตมาอีกเลย

ทุกวันนี้อาตมารู้ว่าชีวิตที่เหลืออาตมาจะทำอะไร อาตมาก็ทำในสิ่งนั้น และนั่นทำให้ได้ค้นพบว่าทุกวันนี้ของเราเป็นวันแห่งความสุข คำว่าวันแห่งความสุขนี้ไม่ได้หมายความว่า เราเปล่งออกมาจากริมฝีปากนะ มันมาจากเนื้อชีวิตของเราจริงๆ

ทุกๆ ครั้งที่เกิดความเบื่อขึ้นในชีวิต ถ้าสังเกตลึกๆ เราจะเห็นว่าสิ่งที่ทำให้เราเบื่อ ล้วนเป็นสิ่งที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับอัตตาของเราในแง่ใดแง่หนึ่งเสมอ ถ้าเรายกอัตตาออกจากสิ่งนั้นเสีย ไม่ให้มันไปพัวพันกันเราจะเห็นชัดเลยว่า สิ่งที่เราบอกว่าเบื่อแทบล้มประดาตายนั้น มันแทบไม่มีผลกระทบอะไรต่อชีวิตเราเราไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเบื่อเรื่องเหล่านั้นเลยด้วยซ้ำ เหมือนหินที่วางอยู่ไม่สามารถทำให้เราหนักได้หรอกถ้าเราไม่ไปยกมันขึ้นมาอุ้มไว้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook