"ทอนทอน โซลา มูโคโค" : วอนเดอร์คิด CM ที่พี่ชายกลายเป็นจุดเปลี่ยนอนาคต

"ทอนทอน โซลา มูโคโค" : วอนเดอร์คิด CM ที่พี่ชายกลายเป็นจุดเปลี่ยนอนาคต

"ทอนทอน โซลา มูโคโค" : วอนเดอร์คิด CM ที่พี่ชายกลายเป็นจุดเปลี่ยนอนาคต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แชมเปียนชิพ เมเนเจอร์ (Championship Manager) หรือที่รู้จักกันในชื่อของ ฟุตบอล เมเนเจอร์ (Football Manager) ในปัจจุบัน เป็นหนึ่งในเกมที่สร้างปรากฎการณ์ให้กับวงการฟุตบอล จากวอนเดอร์คิดที่ปรากฎอยู่ในเกมของพวกเขา

วอนเดอร์คิดหลายคนเป็นที่รู้จักในเกมมาก่อน ก่อนจะมาสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ในชีวิตจริง ไม่ว่าจะเป็น อาร์เยน ร็อบเบน ปีกจอมพลิ้วชาวดัตช์, ลิโอเนล เมสซี เพลย์เมกเกอร์บาร์เซโลนา หรือล่าสุดคือ คิลิยัน เอ็มบับเป กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสชุดแชมป์โลก

 

อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแบบนั้น และ ทอนทอน โซลา มูโคโค อดีตกองกลางดาวรุ่งของ ดาร์บี เคาท์ตี ก็คืออีกหนึ่งตัวอย่างชั้นดี เขาคือหนึ่งในนักเตะที่โดดเด่นในเกม CM เป็นนักเตะระดับ “ต้องซื้อ” ด้วยค่าพลังที่สามารถพัฒนาจนสูงลิ่ว พร้อมค่าตัวถูกแสนถูก

 1

ทว่าโลกจริงกลับไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง มูโคโค ไม่ได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของดาร์บี แม้แต่นัดเดียว และต้องระหกระเหินไปค้าแข้งกับทีมในลีกรองของสวีเดน 

อะไรที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้? ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Main Stand

เด็กกำพร้าจากคองโก 

มูโคโค เกิดที่คินชาชา เมืองหลวงของซาอีร์ หรือ ดีอาร์ คองโกในปัจจุบัน หลังจากเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็ก เขาและฟีโด พี่ชายได้ย้ายมาอยู่ที่สวีเดนในฐานะผู้ลี้ภัยตั้งแต่เขาอายุไม่ถึง 10 ขวบ 

 2

ด้วยความที่เป็นเด็กกำพร้าและเหลือกันอยู่สองคน ทำให้เขาสนิทกับพี่ชายของเขามาก ฟีโดเป็นทั้งผู้ปกครอง เป็นทั้งที่ปรึกษา และเป็นที่พึ่งทางใจให้กับ ทอนทอน ในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในดินแดนที่ไม่คุ้นเคยบนผืนแผ่นดินสแกนดิเนเวีย 

“การต้องจากบ้านและมาสวีเดนเป็นสิ่งที่ลำบากมากสำหรับผม มันเป็นช่วงหน้าหนาว และมีความแตกต่างมากๆจากที่ที่ผมคุ้นเคย” มูโคโคย้อนความหลังกับ The Offside Rule 

อย่างไรก็ดี เขาไม่ได้เป็นผู้อพยพทั่วไป แต่มีพรสวรรค์ทางด้านฟุตบอลซ่อนอยู่ แม้ที่คองโก เขาจะเล่นฟุตบอลแบบสนุกๆ ตามประสาเด็กๆ แต่พอได้มีโอกาสมาเล่นอย่างเป็นระบบ ก็ทำให้รู้ว่าตัวเขานั้นไม่ธรรมดา 

“ที่คองโก เราไม่ได้เล่นฟุตบอลที่เป็นเกมทางการนักหรอก เราเป็นเพียงเด็กที่เล่นอยู่ข้างถนน ไม่เหมือนทีมฟุตบอลทั่วๆ ไป” มูโคโคกล่าวกับ Planet Football 

“หลังจากนั้นผมได้มาสวีเดนกับพี่ชายของผม และนับตั้งแต่นั้น ทุกอย่างก็ไปตามทางของมันโดยธรรมชาติเอง”

“ผมได้เข้าทีมที่ชื่อว่าเยอร์การ์เดน และทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ผมเล่นให้ทีมชาติสวีเดนชุด U16 ผมเล่นกองกลาง เป็นผู้เล่นที่มีเทคนิคที่ดี จ่ายบอลและเลี้ยงบอลได้ดี และมีความเข้าใจเกม ผมไม่ได้โม้ ผมคล้ายกับอิเนียสตา, เมสซี ผู้เล่นประเภทนั้น”

 3

แน่นอนว่าในเหล่าผู้เล่นดาวรุ่ง มูโคโคไม่เป็นสองรองใคร ด้วยทักษะความสามารถที่โดดเด่น ทำให้ชื่อเสียงเขาก็เริ่มกระจายไปทั่วยุโรป เริ่มมีทีมจากต่างประเทศสนใจในตัวเขา รวมไปถึงทีมจากอิตาลี และอังกฤษ 

“พ่อแม่ของเพื่อนผมไปพักผ่อนที่กรีซ และเขาพบว่าเขากำลังอ่านข่าวเกี่ยวกับผมในหนังสือพิมพ์ที่นั่น มันคือรายชื่อนักเตะพรสวรรค์ และผมคิดว่าผมน่าจะอยู่ในอันดับ 20 ได้” มูโคโคกล่าวกับ The Offside Rule  

เขาได้มีโอกาสไปทดสอบฝีเท้ากับเอ็มโปลีและโบโลญญา สองทีมดังของอิตาลี แต่สุดท้ายกลายเป็นดาร์บี ที่ได้ลายเซ็นเขาไปครอบครอง และย้ายไปร่วมทีมในเกาะอังกฤษเมื่อปี 2000 

“ดาร์บี้ยื่นข้อเสนอที่ดีให้ผมและครอบครัว และภาษาก็เป็นสิ่งที่ทำให้การย้ายไปอังกฤษเป็นเรื่องง่ายขึ้นเช่นกัน”

การผจญภัยบทใหม่ของเขาและพี่ชายก็ได้เริ่มขึ้นนับตั้งแต่ตอนนั้น 

โด่งดังจาก CM 

แม้ว่าเขาจะได้รับข้อเสนอมากมายจากหลายทีม แต่สุดท้ายมูโคโค ก็ตัดสินใจเลือกดาร์บี แน่นอนว่า ฟิโด พี่ชายของเขาก็มีส่วนในการตัดสินใจในครั้งนี้ โดยทั้งสองต่างอาศัยในห้องแบ่งเช่าของครอบครัวท้องถิ่นตอนที่อยู่ในแดนผู้ดี 

 4

“ที่อังกฤษ วิธีที่พวกเขาดูแลนักเตะเยาวชนนั้นดีมากจริงๆ คุณสามารถไปโรงเรียนเพื่อเรียนหนังสือไปด้วย ในขณะที่อิตาลีนั้นต่างออกไปเล็กน้อย” มูโคโคอธิบายกับ Planet Football 

“พี่ชายของผมเห็นในสิ่งนั้นและคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดี ผมมีญาติอยู่ที่อังกฤษด้วย พวกเขาอาศัยอยู่ที่ลอนดอน”

“ผมชอบดาร์บี้มาก ผมย้ายไปที่นั่นเพราะว่าฟุตบอล ผมรักฟุตบอล สิ่งนี้ทำให้ง่ายขึ้น แน่นอนว่าผมไม่มีเพื่อนที่นั่นแม้แต่คนเดียวในตอนนั้น แต่ผมรู้สึกโอเค” 

ชีวิตที่ดาร์บีในช่วงแรกของเขาไปได้สวย ทีมในตอนนั้นมีนักเตะที่มีชื่อเสียงที่เป็นต้นแบบให้เขา อย่าง จอร์จี คินคลัดเซ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติจอร์เจีย และ สเตฟาโน เอรานิโอ ปีกชาวอิตาลี อีกทั้งยังมีระบบเยาวชนที่สมบูรณ์ที่ยอดเยี่ยมในการช่วยขัดเกลาฝีเท้า  

มูโคโค ทำผลงานได้ดีในทีมเยาวชนของดาร์บี และด้วยความสามารถที่สุดยอดในเกม Championship Manager ทำให้เขาได้รับความสนใจจากแฟนอย่างเกินคาด ทั้งที่ยังไม่ได้เลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในทีมสำรอง 

“ผมไม่รู้จักเกมนี้จริงๆ เพราะว่าผมไม่ได้เป็นคนที่ชอบนั่งอยู่หน้าจอมคอมพิวเตอร์” มูโคโคกล่าวกับ  Planet Football 

“ผมคิดว่าเอียน วัตต์คือคนที่แนะนำให้ผมรู้จักมัน เขาพูดว่า ‘รู้ไหมนายคือหนึ่งในสุดยอดนักเตะของเกมนี้?’ เขาเอาให้ผมดูและมันก็น่าทึ่งมาก”

“ครั้งหนึ่งเราไปเตะเกมอุ่นเครื่อง หลังเกมมีผู้คนมากมายเข้ามาขอลายเซ็นผม ผมคิดในใจว่า ‘ทำไม?’ คนจำนวนมากที่เล่นเกม Championship Manager รู้จักผม พวกเขาทุกคนเข้าแถวและขอลายเซ็น”

 5

แน่นอนว่าเหล่าแฟน CM และแฟนบอลหลายคนที่รู้จักเขา ต่างคาดหวังว่า มูโคโค จะเติบโตขึ้นมาเป็นนักเตะระดับพระกาฬเหมือนในเกม และเหมือนมีความหวังเมื่อเขาได้มีโอกาสซ้อมกับทีมชุดใหญ่หลายครั้ง 

อย่างไรก็ดี ในขณะที่มูโคโค กำลังรอโอกาสที่จะถูกดันขึ้นไปเล่นในทีมหลัก โศกนาฎกรรมที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นกับเขาอีกครั้ง 

และครั้งนี้ก็ถึงขั้นเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล

ความสูญเสียครั้งที่ 2 

มูโคโค สนิทกับฟิโดมาก เนื่องจากพวกเขามีกันเพียงสองคน พี่ชายของเขาจึงทำหน้าที่เป็นทั้งเพื่อนและพ่อแม่ คอยดูแลมาเขาตลอด ตั้งแต่ที่สวีเดน จนกระทั่งที่อังกฤษ 

 6

แต่วันหนึ่งเขาต้องได้รับข่าวร้าย เมื่อพี่ชายที่เขารักมากต้องเสียชีวิตด้วยเหตุฆาตกรรม ขณะเดินทางไปทำธุระที่คองโก และนั่นก็ทำให้ชีวิตเขาต้องเคว้งคว้างจนกู่ไม่กลับ 

“คุณจำเป็นต้องมีโชคในทุกสิ่งที่คุณทำ และในเรื่องของผู้คนที่อยู่รอบตัวคุณ ด้านครอบครัวผมโชคร้าย พี่ชายที่พาผมมาสวีเดน เสียชีวิตตอนที่ผมอยู่ดาร์บี” มูโคโคกล่าวกับ Planet Football 

มูโคโคเคยมีประสบการณ์เสียพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก และการต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำสอง ทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มวัย 18 ปีเกินจะรับไหว เขาออกจากทีมดาร์บี และเดินทางกลับสวีเดนทันที พร้อมกับทิ้งอนาคตไว้เบื้องหลัง 

“ตอนที่เขาตาย ทุกอย่างก็สูญสิ้นไปหมด ร่างกายผมไม่ต้องการฟุตบอลอีกต่อไป” มูโคโคกล่าวกับ Planet Football 

“มันเอาอะไรไปจากผมเยอะมาก ตอนที่เขาตาย ผมเหมือนกับสูญเสียพลังในตัว ทุกอย่างหายไปหมด ผมไม่อยากเล่นฟุตบอลอีกแล้ว” 

ความเสียใจต่อการจากไปของพี่ชายทำให้ มูโคโค ไม่ยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอลเลยตลอด 2 ปี จนวันที่เขาเริ่มทำใจได้ เขาตัดสินใจหยิบสตั๊ดกลับมาสวมอีกครั้ง แต่เพียงแค่ 2 ปีสำหรับฟุตบอลมันก็นานเกินไป 

มูโคโค แทบจะต้องเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ศูนย์ โชคดีที่ได้เจอ สเวน โกรัน อิริคสัน ที่เป็นกุนซือทีมชาติอังกฤษในตอนนั้น ได้แนะนำเขาให้กับสโมสรแห่งหนึ่งในสวีเดน ที่เพื่อนของอิริคสันเป็นเจ้าของ 

ในวัย 20 ปี มูโคโคจึงได้หวนคืนสู่วงการฟุตบอลอีกครั้ง เซ็นสัญญากับ คาร์ลสตัด ยูไนเต็ด ในลีกระดับ 4 ของสวีเดน แต่ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว และมันยิ่งยากขึ้นไปอีก เมื่อพี่ชายที่คอยจัดการเรื่องของเขาไม่ได้อยู่เคียงข้างอีกแล้ว 

 7

“ผมเพียงแค่เล่นเพื่อให้พลังในตัวกลับมา แต่มันไม่ง่าย ผมพยายาม แต่เมื่อคุณออกไปจากวงการฟุตบอล มันไม่ง่ายที่จะกลับมาในระดับที่คุณต้องการ” มูโคโคกล่าวกับ Planet Football 

“และตอนนั้นผมต้องหาคนมาช่วยจัดการผม เพราะว่าพี่ชายของผมคือคนทำทุกอย่างก่อนหน้านี้ พอเขาตายไป มันก็เป็นเรื่องยากมากๆ ที่จะเริ่มใหม่อีกครั้ง”

เขาเล่นให้กับคาร์ลสตัดอยู่ 2 ปี จากนั้นจึงย้ายไปเล่นให้กับหลายทีมทั้งในลีกรองของสวีเดน และฟินแลนด์ แต่ไม่อาจเฉิดฉายได้เหมือนตอนเป็นดาวรุ่งอีกครั้ง 

สุดท้ายสิ่งที่ทุกคนรอคอยสุดท้ายก็ไม่เคยได้เกิดขึ้นอีกเลย

วอนเดอร์คิดที่ไม่มีใครลืม

หลังจากไม่ประสบความสำเร็จใจเส้นทางนักฟุตบอล มูโคโค ก็ตัดสินใจทิ้งอดีตไว้เบื้องหลัง และเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เขาได้ก่อตั้งสโมสรที่ชื่อว่า คองโก ยูไนเต็ด ในปี 2013 แน่นอนชื่อของมันมาจากดินแดนที่เขาและพี่ชายจากมา 

 8

ตอนนี้มันกำลังโลดแล่นอยู่ในดิวิชั่น 7 ของปิรามิดฟุตบอลของสวีเดน โดยมีเขาเป็นหัวเรือใหญ่ นอกจากนี้เขายังใช้เวลาว่างเป็นเอเยนต์คอยหาสโมสรให้กับนักเตะดาวรุ่ง โดยใช้ประสบการณ์สมัยที่ยังค้าแข้ง ไปพร้อมกับมีความสุขกับครอบครัวที่น่ารัก 

“จากการสูญเสียทุกอย่างที่ผมเคยมี ครอบครัว ฟุตบอล แต่มันก็ดีขึ้นในตอนนี้ ผมมีภรรยา มีลูก มีอพาร์ทเมนต์ ผมไม่บ่นแล้ว” มูโคโคกล่าวกับ The Offside Rule 

“ภรรยาของผม เราคบกันตั้งแต่ตอนอายุ 12 และเราก็อยู่ด้วยกันมากกว่า 20 ปีในตอนนี้ เธอรู้จักผมจากใจ ผมอยู่กับเธอเพราะเธออยู่กับผม ผมมาสวีเดนตั้งแต่เด็ก และเราก็เจอกันที่โรงเรียน และคบกันตั้งแต่ตอนนั้น ผมโชคดี บางอย่างหายไป แต่บางอย่างก็ไม่” 

ในขณะเดียวกัน แม้ในโลกจริงจะไม่ได้เป็นอย่างที่ใจหวัง แต่ในโลกเกมเขายังเป็นผู้เล่นที่หลายคนพูดถึงจนถึงทุกวันนี้ ชื่อของเขาเข้าไปอยู่ในใจแฟนเกมนับล้านทั่วโลกจากเกม CM ที่แม้แต่ดินแดนที่ห่างไกลยังรู้จักเขา 

“ครั้งหนึ่งเราไปหมู่บ้านที่เล็กมากๆ เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในมาเลเซีย ตอนที่เครื่องบินจอด ผมส่งพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่ เขาตกใจและถามว่า ‘คุณคือ ทอนทอน โซลา มูโคโค ใช่มั้ย? คุณคงไม่ใช่คนนั้นที่เล่นที่ดาร์บี หรอกนะ?” มูโคโคกล่าวกับ BBC 

มูโคโค ถือเป็นหนึ่งในปรากฎการณ์สำคัญของ Championship Manager เมื่อไม่กี่ปีนี้ เขาเพิ่งจะได้รับเชิญ นอกจากนี้เขายังได้รับเชิญไปเยี่ยมสตูดิโอของ Sports Interactive ผู้สร้างเกม เพื่อเปิดห้องประชุม Tonton Zola Moukoko ที่นำชื่อของเขามาตั้งเป็นเกียรติ โดยเขาถึงกับน้ำตาคลอที่ได้เห็น  

เขายังได้รับการติดต่อจากแฟนๆ ผ่านเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ รวมไปถึงอีเมล เพื่อถามไถ่ความเป็นอยู่ หรือแม้กระทั่งโทรไปหาเพื่อขอคำอวยพร มูโคโค ยอมรับว่าเขารู้สึกมีความสุขที่ผู้คนยังไม่ลืมเขา 

 9

“มันแปลกเหมือนกันนะ ทุกคนต่างรอให้สิ่งที่เกิดขึ้นในเกมคอมพิวเตอร์ เกิดขึ้นในชีวิตจริงๆ ของผม มีคนจากประเทศต่างๆ โทรหาผมจนถึงทุกวันนี้ เพื่อที่จะคุยกับ ผมมีความสุขมากที่ผู้คนยังไม่ลืมผม”  มูโคโคเผยความรู้สึกกับ Planet Football 

“ผมชอบที่เป็นแบบนั้น เพื่อให้คนรู้ว่าผมยังอยู่ที่นี่ แม้ว่าผมอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ผู้คนอยากให้ผมเป็น แต่ผู้คนโทรหาผมและอยากรู้ว่าผมกำลังทำอะไร ผมโชคดี และผมก็มีความสุขจริงๆ” มูโคโค ทิ้งท้าย

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ ของ "ทอนทอน โซลา มูโคโค" : วอนเดอร์คิด CM ที่พี่ชายกลายเป็นจุดเปลี่ยนอนาคต

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook