เบื้องหลังท่าเต้นสวนทางคาแรคเตอร์ของ "CR7" ในโฆษณาแอพลิเคชั่นขายของชื่อดัง

เบื้องหลังท่าเต้นสวนทางคาแรคเตอร์ของ "CR7" ในโฆษณาแอพลิเคชั่นขายของชื่อดัง

เบื้องหลังท่าเต้นสวนทางคาแรคเตอร์ของ "CR7" ในโฆษณาแอพลิเคชั่นขายของชื่อดัง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำหรับคนดัง ไม่ว่าจะเป็นดาราหรือนักกีฬา... "ภาพลักษณ์" คือหนึ่งในสิ่งสำคัญที่ต้องรักษาไม่ว่าจะอยู่ในหน้าที่การงานหรือในสถานที่สาธารณะนอกเวลางาน เพราะมันส่งผลถึงชื่อเสียงและรายได้ที่ควรจะได้รับอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

ทว่าในบางครั้ง สิ่งที่เราเห็นผ่านหน้าสื่อก็ดูจะเป็นอะไรที่เหลือเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริง อย่างเช่นการที่เราได้เห็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หนึ่งใน 2 นักฟุตบอลของโลกนี้ที่สามารถคว้ารางวัลบัลลงดอร์ได้ถึง 5 สมัย ออกมาโชว์สเต็ปการเต้นชนิดเสียคาแรคเตอร์ในโฆษณาแอพลิเคชั่นขายของชื่อดัง

แต่เหตุใดที่ทำให้เขากล้าทำในสิ่งซึ่งผู้คนต่างคิดว่าเขาไม่น่าจะทำได้กันล่ะ?

 

"ตัวแทนความมุ่งมั่น" หรือ "เพื่อเงินฉันทำได้" ?

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในหลายครั้งหลายหน การทำบางสิ่งบางอย่างก็จำต้องมีเหตุผลรองรับ ซึ่งการนำตัวคนดังมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของสินค้าสักชิ้นก็เช่นกัน

 11

และในกรณีของ CR7 กับแอพลิเคชั่นขายของชื่อดังก็หลีกหนีไม่พ้น ซึ่ง โจว จุนจี หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ Shopee และหัวเรือใหญ่แห่ง Shopee สาขาสิงคโปร์ได้เปิดเผยว่า

"โรนัลโด้นั้นเป็นที่รู้จักในฐานะนักกีฬาที่มีโฟกัส, ความมุ่งมั่น และการอุทิศตนอย่างแน่วแน่ ซึ่งสอดคล้องกับทาง Shopee ที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรก และทำให้เขาเหมาะสมที่สุดสำหรับเราครับ"

แม้ด้วยเหตุผลที่แบรนด์สินค้าชี้แจงจะถือว่าสมเหตุผลอยู่ ถึงกระนั้นก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เรื่องเงินเองก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญไม่แพ้กัน

เหตุผลก็เนื่องมาจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คือหนึ่งในนักกีฬาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในยุคนี้ และนั่นทำให้การจะโปรโมทอะไรสักอย่างต้องมีค่าตัวเป็นธรรมดา โดย Hopper HQ บริษัทวิจัยการตลาดในสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Instagram เปิดเผยว่า แบรนด์ใดที่ต้องการให้ CR7 โปรโมทสินค้าผ่านทาง IG ต้องเสียเงินให้กับเขาถึงโพสต์ละ 975,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 30 ล้านบาทเลยทีเดียว

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การจะให้ทำมากกว่าเดิมอย่างถ่ายโฆษณา เขาก็ต้องได้รับทรัพย์อย่างสมน้ำสมเนื้อ โดยแม้จะไม่มีการเปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการก็เชื่อได้ว่า เงินที่ได้จากผู้สนับสนุนรายนี้จะต้องมากถึงหลักหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างแน่นอน

ผลประโยชน์ต้องกัน

เชื่อว่าหลายคนคนจะเคยได้ยินสำนวน "มีเงินใช้ผีโม่แป้ง" อันมีที่มาจากสำนวนจีนซึ่งหมายถึง หากใช้เงินเป็นเครื่องล่อใจ ก็สามารถว่าจ้างคนทุกคนให้ทำงานต่างๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ว่าจ้างได้ ไม่ว่าผู้รับจ้างจะเต็มใจหรือรู้สึกผิดหรือไม่ก็ตาม

 22

ทว่าสำหรับในกรณีของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ บางทีเขาอาจจะเต็มใจก็เป็นได้...

สำหรับมุมของนักกีฬาหรือคนดังเอง การได้เป็น แบรนด์ แอมบาสเดอร์ ของสินค้าต่างๆ หรือแม้แต่การใช้โซเชี่ยลมีเดียก็ตาม ต่างก็เป็นวิธีการที่ทำให้ผู้คนมากมายจากทั่วโลกรู้จักมากขึ้น ซึ่งหากเปรียบเทียบด้วยจำนวนผู้ติดตาม Instagram ก็จะเห็นว่า CR7 มีฐานแฟนคลับของเขา (172 ล้านคน) มากกว่าประชากรของประเทศมหาอำนาจอย่าง รัสเซีย (143 ล้านคน) หรือ ญี่ปุ่น (126 ล้านคน) เสียอีก

ยิ่งมีช่องทางหรือแบรนด์ที่มีตัวเขาเป็นส่วนร่วมมากเท่าไหร่ ชื่อและหน้าของเขาก็จะยิ่งคุ้นหูคุ้นตาผู้คนมากขึ้น ด้วยเหตุนี้เราจึงได้เห็น CR7 โปรโมทสินค้ามากมายหลากหลายแนวแบบที่ผู้คนไม่นึกว่าจะได้เห็น ไม่ว่าจะเป็น รถกระบะ ทั้งๆ ที่ปกติเขาขับแต่รถหรูซูเปอร์คาร์ หรือแม้แต่แอพฯ ชอปปิ้งออนไลน์ ทั้งที่ในชีวิตประจำวันเขาอาจไม่จำเป็นต้องกดซื้อของผ่านมือถือ หรือออกไปช็อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าด้วยตัวเองเสียด้วยซ้ำ

ไม่เพียงแต่นักกีฬาเท่านั้น แต่การใช้นักกีฬาคนดังมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ยังถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการทำการตลาดทางกีฬา หรือ Sports Marketing เช่นกัน

มาร์เลเน่ เลเซา และ มาติเยอ บูเวีย จาก Umeå School of Business and Economics ได้ทำการศึกษาบทบาทในการใช้นักกีฬาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ว่าส่งผลต่อแผนการทำตลาดของแบรนด์กีฬามากแค่ไหน ซึ่งผลที่ได้ก็คือ มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากทำให้ผู้คนเห็นแบรนด์ของพวกเขามากขึ้น และยังเป็นการจูงใจให้คนซื้อสินค้าของพวกเขามากขึ้นด้วย

 33

ตัวอย่างจากกรณีนี้ย้อนกลับไปไม่ใกล้ไม่ไกล เพราะในปี 2016 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้เซ็นสัญญากับ ไนกี้ มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 31,000 ล้านบาท) ทว่าแค่ในปีเดียวกันนี้เอง ไนกี้ก็สามารถทำเงินจากการขายสินค้าที่มีความเกี่ยวข้องกับ CR7 ได้ถึง 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 15,500 ล้านบาท)

จับมือสู่ความเป็นหนึ่ง

กลับมาที่เรื่องราวของแอพลิเคชั่นขายของที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไปเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์กันบ้าง ซึ่งหากดูภาพรวมของสงครามขายของออนไลน์ผ่านมือถือ โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียนแล้วก็จะพบว่า Shopee บริษัทที่มีต้นกำเนิดจากประเทศสิงคโปร์คือหนึ่งในผู้นำของธุรกิจ โดยแข่งขันกับ Lazada อีกหนึ่งบริษัทของสิงคโปร์ ที่มีกลุ่มทุนยักษ์อย่าง Alibaba ของประเทศจีนหนุนหลังอย่างดุเดือด ถึงขนาดที่ต่างฝ่ายต่างยอมขาดทุนมหาศาลเพื่อให้ชื่อของพวกเขาติดตลาดผู้คนมากที่สุด

 

การดึงตัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแบรนด์เฉพาะภูมิภาคอาเซียน คือสัญญาณที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่า Shopee ต้องการที่จะขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในภูมิภาคนี้อย่างเต็มตัว ซึ่งพวกเขาเชื่อว่า CR7 ชื่อที่แฟนกีฬาทั่วโลกรู้จักจะมีส่วนช่วยให้เข้าใกล้เป้าหมายได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป้าหมายดังกล่าว ก็สอดคล้องกับทางตัวของ CR7 ที่ต้องการให้ชื่อของตนเป็นที่รู้จักของผู้คนจากภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกมากที่สุด ทั้งกลุ่มที่เป็นแฟนฟุตบอลหรือไม่ก็ตาม เพื่อต่อยอดชื่อเสียงและความมั่งคั่งต่อไปในวันที่การสิ้นสุดบทบาทการเป็นนักกีฬากำลังคืบคลานมาใกล้เรื่อยๆ 

การดึงตัวนักกีฬามาเป็นแบรนด์แบรนด์แอมบาสเดอร์ จึงถือเป็นวิธีการที่ต่างฝ่ายต่างสมผลประโยชน์ ซึ่งหากท่าเต้นแบบสวนทางคาแรคเตอร์ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สามารถทำให้ทั้งแบรนด์สินค้าและตัวเขาสามารถบรรลุเป้าหมายได้แล้วล่ะก็ ...

"จะให้เต้นแรงกว่านี้ก็ได้" เชื่อว่านี่คือสิ่งที่เขาพร้อมจะทำด้วยความยินดี

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ ของ เบื้องหลังท่าเต้นสวนทางคาแรคเตอร์ของ "CR7" ในโฆษณาแอพลิเคชั่นขายของชื่อดัง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook