ปริศนาว่าที่ราชาเฮฟวี่เวต : อิเก้ อิเบียบูชี่ ยอดนักชกที่ไปไม่สุด เพราะกลายเป็นบ้า

ปริศนาว่าที่ราชาเฮฟวี่เวต : อิเก้ อิเบียบูชี่ ยอดนักชกที่ไปไม่สุด เพราะกลายเป็นบ้า

ปริศนาว่าที่ราชาเฮฟวี่เวต : อิเก้ อิเบียบูชี่ ยอดนักชกที่ไปไม่สุด เพราะกลายเป็นบ้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อิเก้ อิเบียบูชี่ ชื่อนี้อาจจะเป็นชื่อที่ไม่ค่อยคุ้นหูของแฟนมวยในยุคปัจจุบันมากนัก อย่างไรก็ตามหากย้อนกลับไปในยุค '90s เขาถูกเรียกว่าชายที่จะก้าวขึ้นมาแทนที่ ไมค์ ไทสัน ที่กำลังเสียคนในคุก

นักสู้จากไนจีเรียเป็นคนมีความนอบน้อมและทำตัวติดดิน เขาขยันฝึกและมีวินัยมากสำหรับเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของโลก ในช่วงที่ อิเก้ โด่งดังขึ้นมา กลุ่มเซียนมวยต่างบอกว่านี่คือมวยเฮฟวี่เวตที่สมบูรณ์แบบ หนัก, เร็ว, คม และ คางหิน คือคุณสมบัติของเขา

แม้จะมีความสามารถรอบด้านทั้งร่างกายและเทคนิค แต่ทำไมทุกวันนี้เราจึงไม่ได้ยินชื่อเขาเลย? เกิดอะไรขึ้นกับ อิเก้ อิเบียบูชี่ เจ้าของฉายา "เดอะ เพรซิเดนท์" กันแน่?

นักสู้จากไนจีเรีย

อิเก้ อิเบียบูชี่ คือเด็กหนุ่มจากครอบครัวยากจนที่เกิดและโตในเมือง Isuochi ประเทศไนจีเรีย เขาเกิดในปี 1973 ซึ่งยังเป็นยุคที่ไนจีเรียไร้ประชาธิปไตย ถูกปกครองโดยเผด็จการทหารหลายคนที่โหดร้ายและคดโกง ดังนั้นการทำมาหากินแบบสุจริตชนในสายงานอาชีพอื่นๆ ดูจะเป็นไปได้ยากมาก เขาจึงเล็งที่จะตั้งใจเรียนและสมัครเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ แม้รู้อยู่เต็มอกว่าเป็นองค์กรที่มีการทุจริตเต็มไปหมดแต่มันคือทางรอดที่จะทำให้ครอบครัวสุขสบาย


Photo : ghosttown-boxing.2299399.n4.nabble.com

การเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่กองทัพ ไนจีเรีย ทั้งด้านวิชาการและด้านร่างกายบวกกับทุนเดิมที่เป็นคนตัวสูงใหญ่อยู่แล้ว ทำให้ อิเก้ เริ่มศึกษาเกี่ยวกับการชกมวย กระทั่งความคิดในวัยเด็กของเขาเปลี่ยนไปจนหมดสิ้นเมื่อเห็นไฟต์ที่ บัสเตอร์ ดักลาส น็อกเอาต์ ไมค์ ไทสัน ได้ในปี 1990 เขารู้ทันทีว่าหากตัวเองเอาดีด้านมวย เขาจะต้องไปรอดแน่ แรงบันดาลใจเข้าสู่สังเวียนเริ่มขึ้นตั้งแต่ตรงนั้น  

ในยุค '90s ถือเป็นยุคทองแห่งมวยรุ่นยักษ์เพราะมีนักชกอย่าง ไทสัน, ริดดิค โบว์, เลนน็อกซ์ ลูอิส, อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ ทุกชื่อที่กล่าวมาเป็นมวยเงินล้าน ต่อยเมื่อไรค่าตัวกระฉูดเมื่อนั้น และมันทำให้คลื่นลูกต่อไปอย่าง อิเก้ เริ่มเร่งสปีดตามรอยเท้าของเหล่ายอดนักชกเหล่านั้น

ในปี 1993 เขาย้ายจาก ไนจีเรีย มายัง รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา และเข้าฝึกมวยในโรงยิมของอดีตแชมป์โลกรุ่นเวลเตอร์เวตและตำนานนักชกแห่งเมือง ดัลลัส อย่าง เคอร์ติส โค้กส์ ความเก่งกาจของ อิเก้ ก็ถูกขัดเกลาจนเปล่งแสงที่ใครๆ ก็ละสายตาไม่ได้

เคอร์ติส โค้กส์ พยายามจะสร้างให้ อิเก้ เป็นมวยรุ่นใหญ่ที่มีความเร็วและความหนักในเวลาเดียวกัน บวกกับร่างกายที่พัฒนาขึ้นมาจนสูงถึง 190 เซนติเมตร และน้ำหนัก 253 ปอนด์ (114 กิโลกรัม) มันจึงทำให้ อิเก้ อิเบียบูชี่ กลายเป็นปีศาจนักชกไปโดยปริยาย 

ปีเดียวเท่านั้นหลังการฝึกในยิมของ โค้กส์ อิเก้ อิเบียบูชี่ ก็จัดการเทิร์นโปรทันทีหลังคว้าแชมป์ "นวมทองคำ" มวยสากลสมัครเล่นประจำรัฐ เขาไล่ชกคู่แข่งและเอาชนะอย่างง่ายดายใน 16 ไฟต์แรก เวลานั้น อิเก้ ที่ได้รับฉายาว่า "เดอะ เพรซิเดนท์" กำลังมั่นใจถึงขีดสุด ชัยชนะ 16 ไฟต์ที่ผ่านมาเป็นเหมือนการไต่บันไดทีละขั้นๆ จนกระทั่งถึงไฟต์ที่ 17 ที่เขาจะได้เจอกับดาวรุ่งรุ่นไล่เลี่ยกันที่เป็นขวัญใจเซียนมวยอย่าง ดาวิด ทูอา มวยไฟท์เตอร์สายบู๊เจ้าของฉายา "ทัวมิเนเตอร์" และสถิติไร้พ่าย 27 ไฟต์ 

ทั้ง 2 คนอายุเท่ากัน ได้รับการจับตามองพอๆ กัน แถมยังเป็นมวยสายเดินหน้าบู๊ล้างผลาญ ดังนั้นไฟต์ที่ อิเก้ กับ ทูอา ซึ่งมีเดิมพันเข็มขัดแชมป์โลกอินเตอร์เนชั่นแนลรุ่นเฮฟวี่เวตของ WBC ในปี 1997 จึงเป็นไฟต์แห่งประวัติศาสตร์ที่นอกจากจะมีเข็มขัดเดิมพันแล้ว ยังเป็นไฟต์พิสูจน์ว่าใครกันแน่ที่จะขึ้นมาฉายแสงหลังจากสิ้นยุคทองของเหล่าจตุรเทพเฮฟวี่เวตแห่งยุค '90s

เดินหน้าฆ่ามัน

การขึ้นเวทีและวัดพลังหมัดของทั้ง อิเก้ และ ทูอา เกิดสิ่งสุดยอดขึ้นมากมายในไฟต์นั้น แต่มันคือความสุดยอดที่ไม่ได้เซอร์ไพรส์อะไรนัก เพราะทุกคนรู้ว่านักชกสายบู๊เจอกันแบบนี้ คนดูกว่า 10,000 คนที่รัฐแคลิฟอร์เนียจะได้รับการเอ็นเตอร์เทนที่คุ้มค่าตั๋วทุกบาททุกสตางค์อย่างแน่นอน 


Photo : realcombatmedia.com

เว็บไซต์ boxing.com ให้คำบรรยายถึงไฟต์ดังกล่าวว่าเหมือนเอาคนคลั่ง 2 คนเข้าไปยืนต่อยกันในตู้โทรศัพท์ เหตุผลก็เพราะว่าแทบไม่เคยมีมวยรุ่นยักษ์ไฟต์ไหนที่ 2 นักชกจะออกหมัดใส่กันมากและรัวกันแทบไม่ได้พักหายใจขนาดนี้ ผู้ชมไฟต์นั้นนั่งกันไม่ติดเก้าอี้ และส่งเสียงดังยิ่งกว่าไฟต์ไหนๆ ที่เคยมี 

ในไฟต์สุดบ้าคลั่งนี้ "เดอะ เพรซิเดนท์" และ "ทัวมิเนเตอร์" ออกหมัดรวมกันไปถึง 1,730 หมัด หากวัดแค่อิเก้คนเดียวก็ปล่อยหมัดถึง 975 หมัด เฉลี่ยยกละ 81 หมัด (ค่าเฉลี่ยโดยทั่วไปของนักชกรุ่นเฮฟวี่เวตจะอยู่ที่ 50 หมัดต่อยก) ที่สำคัญคือการออกหมัดแต่ละครั้งคือการออกหมัดแบบโดนเน้นๆ แทบทั้งสิ้น  

"การต่อสู้กับ ทูอา วันนั้นผมมั่นใจมาก เทรนเนอร์ของผม (เคอร์ติส โค้กส์) ฝึกผมมาเพื่อรับมือกับไฟต์นี้โดยเฉพาะ สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องของความฟิตและพลังงาน เรารู้ว่าถ้าเราฟิตกว่าเราสามารถเอาชนะได้นั่นคือแผนเบื้องต้นของเรา ... เขาเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามมาก แต่เราวางแผนมาและป้องกันไม่ให้เขาใช้หมัดฮุกซ้ายได้ แผนของเราค่อนข้างไปได้สวยเลยทีเดียว" อิเก้ กล่าวถึงไฟต์ตำนานไฟต์นั้น

ไฟต์อันดุเดือดสู้กันถึง 12 ยก แม้จะโดดหมัดชนิดที่ว่าจะๆ กันหลายครั้ง แต่ที่น่าเหลือเชื่อคือแทบไม่มีการออกอาการเป๋หรือโดนนับให้เห็นเลย พวกเขายืนครบยกได้อย่างประทับใจแฟนมวย แต่เมื่อผลการตัดสินออกมาปรากฎว่า อิเก้ อิเบียบูชี่ คือคนที่ออกหมัดได้ชัดเจน จะแจ้ง และมีทรงมวยที่ดีเหนือกว่า จึงทำให้เขาชนะไปด้วยคะแนนเอกฉันท์ และถึงตรงนี้เขาสามารถใช้ฉายา "เพรซิเดนท์" ได้อย่างเต็มปากเพราะมีเข็มขัดการันตีฝีมือแล้ว แม้จะไม่ใช่เส้นแชมป์โลกก็ตาม 

หลังจากไฟต์นั้นชื่อเสียงและเงินทองเริ่มเข้ามา อิเก้ อิเบียบูชี่ ชกอีก 3 ไฟต์และยังคงชนะคู่ชกด้วยการน็อคเอาต์ทั้งหมด กลุ่มนักวิจารณ์เริ่มเรียกชื่อของ อิเก้ อย่างติดปาก ด้วยความหนักหน่วง, รวดเร็ว และมีน้ำอดน้ำทนไม่ร่วงง่ายๆ ทำให้ช่วงปลายยุค '90s เขาได้ฉายามากมาย ถูกเอาไปเปรียบเทียบกับนักชกระดับตำนานอย่าง จอร์จ โฟร์แมน, โฮลีฟิลด์ และ ไทสัน จนกระทั่งมีการเปรียบเทียบและคาดการณ์กันว่าไฟต์ต่อไปของ อิเก้ อิเบียบูชี่ จะต้องเป็นเจ้าของแชมป์โลกจากสถาบันใหญ่อย่าง เลนน็อกซ์ ลูอิส นักชกจากอังกฤษอย่างแน่นอน

ทว่าท่ามกลางชัยชนะในการชกที่ยังดำเนินต่อไป คนรอบข้างหลายคนเริ่มสังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของ อิเก้ ราวกับเป็นคนละคน ...

ปีศาจตื่น 

ก่อนหน้านี้ อิเก้ อิเบียบูชี่ ไม่เคยมีคดีอาชญากรรมติดตัวเลยแม้แต่คดีเดียว ดังนั้นมันพอจะบอกได้ว่าโดยพื้นฐานเขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แม้จะมาจากครอบครัวที่ยากจนและชีวิตที่ดิ้นรนก็ตาม ทว่าหลังจากไฟต์ที่ชนะ ดาวิด ทูอา ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป 


Photo : dean housey

มีเอฟเฟ็กต์จากไฟต์บ้าคลั่งดังกล่าวที่ทำให้ อิเก้ รู้สึกถึงความผิดปกติของตัวเอง เขามักจะบ่นว่าตัวเองมีอาการปวดหัวขึ้นมาเป็นระยะๆ แม้จะเข้าไปสแกนแบบ MRI ที่โรงพยาบาลแต่ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ ในช่วงนั้น จนกระทั่ง 18 เดือนให้หลังอาการดังกล่าวกลับเป็นเหมือนระเบิดเวลา เพราะนอกจากจะปวดหัวแล้วยังมีสิ่งที่ตามมาคือการหูแว่วได้ยินเสียงกระซิบปริศนา

แม้เรื่องผลงานในสังเวียนจะไม่ได้ตกลงไป แต่กิจวัตรประจำวันต่างๆ ของ อิเก้ เปลี่ยนไปชัดเจน เดลี่ เมล์ ทำสกู๊ปเกี่ยวกับเรื่องนี้และบอกเล่าว่าวิธีคิดและการปฎิบัติตัวของ อิเก้ นั้นเริ่มที่จะแปลกประหลาดมากขึ้น 

เริ่มตั้งแต่การลักพาตัวเด็กชายวัย 15 ปี ที่เป็นลูกติดของแฟนสาวซึ่งคบหาอยู่ในขณะนั้น จับนั่งรถคันที่เขาขับแล้วซิ่งชนเสาคอนกรีตข้างทาง ตัวอิเก้เจ็บไม่มาก แต่เด็กหนุ่มผู้โชคร้ายอีกคนในรถบาดเจ็บหนักจนแพทย์วินิจฉัยว่าจะไม่สามารถกลับมาเดินได้อย่างเป็นปกติอีก เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เขาต้องโทษจำคุก 120 วัน และจ่ายค่าเยียวยาอีก 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

หลังจากนั้น อิเก้ก็เริ่มสร้างตัวตนใหม่ในชื่อ "เดอะ เพรซิเดนท์" ฉายาของเจ้าตัว ซึ่ง ลู ดิเบลล่า อดีตโปรโมเตอร์มวยและผู้บริหารของ HBO Sports เผยถึงอาการของเขาว่า "พอคนเรียกฉายาเขามากๆ เข้า ก็ดูเหมือนเขาจะอินไปจริงๆ ความเชื่อของเขาไม่ใช่แค่เขาจะยิ่งใหญ่เหมือนประธานาธิบดีเท่านั้น แต่ดูเหมือนเขาคิดว่าตัวเองเป็นประธานาธิบดีจริงๆ ไม่ใช่แค่ ไนจีเรีย หรือ อเมริกา แต่เป็นเจ้าโลกเลย"


Photo : soundcloud.com

สิ่งที่เกิดขึ้นกับ อิเก้ เริ่มผิดเพี้ยนมากขึ้นในแต่ละวัน คดีของของเขาเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ปี 1999 เขาถูกจับหลังก่อเหตุทำร้ายร่างกายและพยายามข่มขืนสาวเอสคอร์ตทั้งที่เจ้าตัวไม่ยินยอมในเมือง ลาส เวกัส และพอถูกจับได้ ก็มีการแจ้งความย้อนหลังในคดีลักษณะเดียวกันอีกหลายครั้ง

อย่างไรก็ตามมีการตั้งโต๊ะตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญทางแพทย์ระบุว่า อิเก้ อิเบียบูชี่ นั้นมีสภาพจิตที่ไม่ปกติ และเป็นโรคจิตเวช แต่ไม่มีเอกสารการแพทย์ที่ยืนยันว่าเขาผิดปกติเพราะอะไร มีแต่เพียง "ข่าวลือ" ซึ่งบอกว่าการชกกับ ทูอา ที่ยืนแลกกันบนเวทีและรับหมัดมากกว่าปกติคือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เท่านั้น

อิเก้ ต้องถูกส่งตัวไปยังสถานพยาบาลของรัฐเพื่อรักษาตัวก่อนเป็นระยะเวลา 8 เดือน จึงค่อยกลับมาพิจารณาคดีกันใหม่อีกครั้ง ซึ่งผลที่ออกมาคือเขาต้องจำคุกจากคดีข่มขืนถึง 20 ปี เป็นอันว่าตำนานนักชกที่จะก้าวขึ้นมาครองโลกเฮฟวี่เวตก็ปิดลงไปโดยปริยาย

ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับวงการบ่นเสียดาย และผิดหวังกับการสูญเสียว่าที่ดาวเด่นครั้งนี้ ทุกคนปักใจเชื่อว่า "ความเจ็บสะสม" คือตัวการ มีเพียงคนหนึ่งเท่านั้นที่ไม่ยอมรับและเชื่อว่าเรื่องนี้มีเบื้องหลัง นั่นคือแม่ของ อิเก้ เอง

ลูกฉันเป็นคนดี 

แพทริเซีย คือชื่อแม่ของ อิเก้ อิเบียบูชี่ เธอเป็นคนพาลูกชายข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกมายัง สหรัฐอเมริกา ในปี 1994 โดยในเวลานั้นเธอได้ทำงานเป็นพยาบาลในเมืองดัลลัส แม่ลูกคู่นี้ความสัมพันธ์กันในระดับเหนียวแน่นเพราะ แพทริเซีย เป็นคนที่ใกล้ชิด อิเก้ และจัดการแทบทุกเรื่องให้ในตอนที่เขายังเด็ก ... แม้จะยากจนแต่ก็เป็นครอบครัวที่อบอุ่นจะว่าอย่างนั้นก็คงไม่ผิดนัก


Photo : www.dailymail.co.uk

ในวันที่ อิเก้ ถูกตัดสินให้จำคุก 20 ปี แพทริเซีย แทบใจสลายเพราะ อิเก้ คือทุกอย่างสำหรับชีวิตเธอ และมั่นใจว่าลูกเธอไม่ใช่คนเสียสติ แต่เกิดจากมีใครบางคนที่พยายามทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น "ลูกของฉันบริสุทธิ์" เธอยืนกรานเช่นนั้น เพราะเธอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับ อิเก้ ด้วยตาของตัวเอง

"เซดริก คุชเนอร์ กำลังล่าหัวของ อิเก้ เพื่อต่อสัญญากับเขา" แพทริเซีย เขียนข้อความดังกล่าวในจดหมายหลังจากลูกชายของเธอถูกตัดสินจำคุกแล้ว 6 ปี

เซดริก คุชเนอร์ ที่แพทริเซียว่าถึง คืออดีตนักมวยที่เกิดในแอฟริกาใต้ ก่อนจะผันตัวเองกลายเป็นโปรโมเตอร์และผู้จัดการของนักมวยสากลอาชีพ โดยนักชกในสังกัดของเขาที่ชื่อดังๆ ในยุคนั้นได้แก่ อาซิม ราห์มาน, แชนน่อน บริกก์ส, โอเล็ก มาสคาเยฟ, คริส เบิร์ด, เดวิด ทูอา และ อิเก้ อิเบียบูชี่ ที่เริ่มเซ็นสัญญาฉบับแรกกับเขาเช่นกัน

เซดริก คิดว่า อิเก้ ควรจะตอบแทนเขาเพราะเขาคือคนที่ให้โอกาสสำคัญและผลักดันให้เขากลายเป็นมวยแม่เหล็กของยุค ทว่าเป็นธรรมดาของนักมวยที่เหมือนหมาล่าเนื้อ ในวันที่ อิเก้ อิเบียบูชี่ มีชื่อเสียง เขาต้องการจะย้ายค่ายไปอยู่ค่ายที่จ่ายเงินให้กับเขามากกว่าที่ คุชเนอร์ เสนอให้  

เมื่อถูกเด็กปั้นที่ดันเองกับมือปฎิเสธอย่างไร้เยื่อใย คุชเนอร์ ที่มีอิทธิพลมากจึงอยากจะสั่งสอนให้ อิเก้ รู้ว่า "ใครกันแน่ที่ใหญ่กว่า"

"พวกเขาไม่ต้องการให้ อิเก้ เจรจากับใคร พวกเขาจะจัดการเองทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องเงินโดยที่นักมวยแทบไม่รู้อะไรเลย" แพทริเซีย ว่าต่อ

"ตัวแทนพวกนี้แหละที่ทำให้เราต้องย้ายออกจาก ดัลลัส ไปอยู่ที่ แอริโซน่า เพื่อหาเซฟเฮ้าส์ (บ้านหลบภัย) น่าเสียดายที่พวกเขาตามหาเราเจอและจากนั้นฝันร้ายก็ดำเนินขึ้นอย่างต่อเนื่อง พวกเขาใช้การโทรศัพท์ข่มขู่เรา ดักฟังโทรศัพท์ของเรา และใช้กำลังบุกรุกเข้ามาในบ้านของเรา" 

ไม่ใช่แค่การใช้กำลังเท่านั้น แพทริเซีย ยังอ้างว่าทีมงานจิ๊กโก๋ของ คุชเนอร์ นั้นได้พยายามใส่สารเคมีบางอย่างลงไปในอาหารและเครื่องดื่มทั้งหมดที่มีในบ้านของ อิเก้ โดยที่เขาไม่รู้ตัว และที่พีคที่สุด เธอบอกว่าคดีข่มขืนที่ทำให้ลูกชายของเธอติดคุกนั้น เกิดขึ้นเพราะการจัดฉาก เพราะการข่มขืนที่ ลาส เวกัส นั้นมีสัญญาณที่ แพทริเซีย รับรู้ได้และเธอเองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้น

"ฉันอยู่บ้านหลังเดียวกับ อิเก้ วันหนึ่งมีผู้หญิงสองคนแจ้งความว่า อิเก้ พยายามจะลักพาตัวและข่มขืนพวกเธอ ซึ่งครั้งนั้นหลักฐานไม่แน่นหนาพอจนตำรวจไม่ดำเนินคดี และฉันว่านี่คือจุดเริ่มต้นของการวางแผนส่งผู้หญิงไปจัดฉากข่มขืนที่ ลาส เวกัส และทำให้ อิเก้ ติดคุก" เธอฟันธงอย่างมั่นใจ

ซึ่งเมื่อย้อนปากคำของสาวเอสคอร์ตที่แจ้งความในวันนั้น เธอบอกว่า อิเก้ เรียกเธอไปที่ห้องส่วนตัวและพยายามข่มขืนแต่ไม่สำเร็จเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจมาพบเหตุการณ์ก่อน เธอจึงรอด ขณะที่ตัวของ อิเก้ เสียสติขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำจนเจ้าหน้าที่ต้องพังประตูและฉีดสเปรย์พริกไทยเพื่อจับกุมเขา ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลงในคุกที่เรือนจำ เอลี่ย์ สเตท รัฐเนวาด้า 

ขณะที่ตัวของ เซดริก คุชเนอร์ ที่ถูกกล่าวหา ตอบคำถามกับสื่อได้เพียงว่า "อิเก้ อิเบียบูชี่ นั้นเป็นโรคจิตจริงแท้แน่นอน"

"ผมพาเขาไปกินอาหารชั้นเลิศ ในร้านสุดหรูเลย ขณะที่กำลังเสิร์ฟอาหาร เขาก็คว้ามีดขึ้นมา แทงลงบนโต๊ะและตะโกนว่า "พวกมันรู้แล้ว พวกมันรู้แล้ว ว่าเข็มขัด (แชมป์โลก) เป็นของฉัน ทำไมพวกมันต้องมาเอากลับไปด้วย? ... แปลกไหมล่ะผมว่ามันเป็นประสบการณ์ที่แปลกดี" คุชเนอร์ เล่าในมุมของเขาบ้างช่วงปี 2012 ซึ่งสิ่งที่เขาบอกก็ตรงกับข่าวที่ว่า อิเก้ นั้นมักจะมีอาการหูแว่วจากเสียงปริศนาด้วย ...

ขณะที่ เอริค บ็อตเยอร์ แมตช์เมคเกอร์ ของวงการมวยก็ให้การณ์ไปทิศทางเดียวกันว่า อิเก้ อิเบียบูชี่ มีอาการทางจิตแน่นอน เหมือนกับที่ คุชเนอร์ ว่า

"เขาเป็นนักชกคนเดียวที่ผมเคยร่วมงานด้วยและมีอาการทางจิต ผมได้ยินข่าวคราวและเห็นเขาทำในสิ่งที่คนปกติไม่ทำมากมาย แต่เขาป่วยทางจิต และเป็นคนที่อันตรายมาก ผู้คนรอบข้างต่างอึดอัดกับสิ่งที่เขาเป็น" เขากล่าวกับสารคดีของ HBO

วันแห่ง อิสระ (?) 

อิเก้ อิเบียบูชี่ ได้รับการปล่อยตัวในเดือน พฤศจิกายน 2015 และเขาพยายามจะขอความช่วยเหลือจาก ไมค์ คอนซ์ ที่ปรึกษาของ แมนนี่ ปาเกียว เพื่อทำให้เขากลับมาชกมวยได้อีกครั้ง เพราะตอนนั้นเขาติดปัญหาเรื่องสถานะพลเมืองชาวอเมริกันอยู่ แต่ในวงการมวยตอนนั้นไม่มีใครช่วยเขาได้เลย 


Photo : www.ringnews24.com

เอริค บ็อตเยอร์ ยังบอกเองด้วยว่าในวันที่ อิเก้ เป็นอิสระและอยากขึ้นชก ตัวของเขานั้นไม่สนใจที่จะสนับสนุนให้เกิดไฟต์เลยแม้ว่าจะเป็นแมตช์ที่น่าสนใจก็ตามเหตุผลก็เพราะว่า อิเก้ อิเบียบูชี่ เป็นคนที่อันตรายเกินไป

"ผู้ชายคนนี้บ้า เขาสามารถทำร้ายผมหรือคุณหรือใครก็ตาม เขาสามารถลงมือฆ่าคนได้สบายๆ" แมตช์เมคเกอร์คนดังยอมรับว่าไม่อยากเสี่ยงกับ อิเก้ ที่ถูกศาลทำทันฑ์บนตลอดชีวิต

และสิ่งที่ อิเก้ อิเบียบูชี่ ทำก็ไม่ผิดไปจากที่ บ็อตเยอร์ ว่าไว้เลยแม้แต่น้อย เพราะหลังจากปล่อยตัวได้ไม่นานเขาก็ถูกจับอีกในข้อหาละเมิดเงื่อนไขการคุมประพฤติ และทำให้โอกาสคัมแบ็คสู่สังเวียนผ้าใบเป็นไปได้ยากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า ...

"เขาประสาทหลอน เขาอาศัยอยู่ในโลกของตนเองและแม่ของเขา ผมรู้ว่าเธอเสียชีวิตไปแล้วเมื่อเร็วๆ นี้ ผมไม่ได้ตั้งใจจะจาบจ้วงคนตาย แต่ความจริงก็คือเธอก็บ้าไม่ต่างจากลูกชาย และเธอสนับสนุนเขาทุกเรื่อง นั่นคือเหตุผลที่ทำไม เซดริก ต้องเข้าไปจัดการเรื่องนี้" เอริค บ็อตเยอร์ พูดถึงมุมมองของเขา

ปัจจุบันคนที่เชื่อว่าเขาบริสุทธิ์เพียงคนเดียวอย่าง แพทริเซีย นั้นเสียชีวิตไปแล้ว น่าเศร้าที่ทั้งคู่ไม่ได้มีโอกาสพบกันหลังจากลูกชายของเธอเป็นอิสระ ทุกวันนี้ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าชีวิตของ อิเก้ อิเบียบูชี่ กำลังเผชิญกับความยากลำบากแค่ไหน ไม่ว่าเขาจะเป็นโรคจิตจริงหรือไม่ก็ตาม ตัวของ บ็อตเยอร์ ถึงแม้จะยืนยันว่า "เดอะ เพรซิเดนท์" มีปัญหาทางจิตจริง แต่สุดท้ายเขายังเชื่อว่า เซดริก คุชเนอร์ คือคนหนึ่งที่ต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้ด้วย

"สิ่งที่ทุกคนเห็นจาก เซดริก คุชเนอร์ คือเขาจะโม้โพนทะนาไปทั่วและบอกว่า "เป็นไงแชมป์โลกเฮฟวี่เวตอยู่ค่ายของฉันว่ะ ฉันจะหาเงินกับเขาอย่างไรดี" ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วสิ่งที่เขาควรทำคือการพาชายที่ชื่อว่า อิเก้ อิเบียบูชี่ ไปหาแพทย์ ... แต่เขาไม่เคยทำ ไม่มีเลยแม้แต่ครั้งเดียว" เขากล่าวทิ้งท้ายในสารคดี 


Photo : realcombatmedia.com

ต้องยอมรับว่าปัจจุบัน อิเก้ ไม่มีทางกลับมาเป็นแชมป์โลกได้อีกแล้วด้วยวัย 46 ปี ไฟต์สุดท้ายของเขาผ่านมาแล้วถึง 20 ปี ดังนั้นเรื่องความฟิตและชั้นเชิงคงไม่เหลืออะไรมากมายนัก 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าเสียดายและโลกอยากรู้จากเขากลับไม่ได้คำตอบ ... จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาไม่ได้ทำเรื่องน่ากลัวเหล่านั้น, เกิดอะไรขึ้นหากเขาได้รับการช่วยเหลือและรักษาอย่างถูกวิธี จะเกิดอะไรขึ้นหากเขาเป็นปกติและยังสู้ต่อไป?

ทุกอย่างเป็นปริศนาไม่ต่างจากเรื่องอาการทางจิตของเขา ... น่าเสียดายที่เป็นเช่นนั้น 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook