"เอฟเซ โคโลญจน์" อีกหนึ่งสโมสรที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นที่สุดในโลกฟุตบอล

"เอฟเซ โคโลญจน์" อีกหนึ่งสโมสรที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นที่สุดในโลกฟุตบอล

"เอฟเซ โคโลญจน์" อีกหนึ่งสโมสรที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นที่สุดในโลกฟุตบอล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เราอาจเคยได้ยินเรื่องที่แฟนบอลของแต่ละเมืองมักแห่กันออกมาชมการถ่ายทอดสดเกมการแข่งขันจนล้นผับบาร์หรือออกมาชุมนุมกันกลางเมืองกันมา แต่จะมีกี่คนที่รู้ว่ามีแฟนบอลของเมืองหนึ่งที่จะออกมาร่วมกันร้องเพลงประจำสโมสรก่อนทีมรักลงเตะที่โบสถ์กลางเมือง สโมสรนั้นก็คือ... โคโลญจน์นี่แหละ!

โคโลญจน์คือเมืองต้นกำเนิดของเทศกาลคาร์นิวัลที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ยุคกลาง ทั้งนักเตะและแฟนบอลต่างก็รักษาสไตล์เฉพาะตัวนี้ไว้ด้วยการแต่งชุดคาร์นิวัล ชุดตัวตลก โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลซึ่งมักฉลองกันในวันที่ 11 เดือน 11 ของทุกปี

เมื่อเดือนกันยายนปี 2017 แฟนบอลจากโคโลญจน์กว่าสองหมื่นคนพากันบุกกรุงลอนดอน เดินแน่นเต็มถนนเพื่อตามเชียร์ทีมรักในศึกยูเอฟ่า แชปเปียนส์ลีกที่พบกับอาร์เซนอล แต่มาสค็อตของพวกเขาหรือที่คนไทยเรียกกันว่า “แพะบ้า” ไม่ได้ตามไปเชียร์ด้วย

b

“แพะบ้า” ของโคโลญจน์มีชื่อว่า “เฮนเนส” โดยเจ้าเฮนเนสที่ 8 มีอันต้องเกษียณตัวเองจากหน้าที่ไปเนื่องจากอาการไขข้ออักเสบ ทำให้เจ้าเฮนเนสที่ 9 ต้องเข้ามารับบทมาสค็อตแทน และได้ลงทำหน้าที่ประเดิมสนามในเกมที่โคโลญจน์พบกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ในแมตช์เดย์ที่ 2 ของฤดูกาลล่าสุด ณ สนามไรน์เอเนอร์กีชตาดิโอน

ชื่อของเฮนเนสมาที่มาจากที่เจ้าของโรงละครสัตว์แห่งหนึ่งได้บริจาคแพะตัวหนึ่งให้กับสโมสรในปี 1950 มันจึงถูกตั้งชื่อตามผู้จัดการทีมในตอนนั้นคือ เฮนเนส ไวส์ไวเลอร์ และรับหน้าที่มาสค็อตอย่างเป็นทางการแต่นั้นเป็นต้นมา

จนทุกวันนี้เจ้าแพะเฮนเนสได้กลายเป็นสัตว์ประจำเมืองไปแล้ว เป็นทั้งสัญลักษณ์ของสโมสร แถมยังมีรูปปั้นอยู่บนอาสนวิหารโคโลญจน์ หรือที่ชาวเยอรมันเรียกว่า “เคิล์นเนอร์โดม”

วิหารโคโลญจน์นั้นดึงดูดนักท่องเที่ยวมากกว่าหกล้านคนต่อปี เพราะเป็นสิ่งก่อสร้างที่รอดจากระเบิดมาได้แม้เยอรมนีจะถูกทิ้งบอมบ์อย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 วิหารแห่งนี้จุคนได้ถึง 20,000 คน และกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโคโลญจน์ไม่แพ้เจ้าแพะเฮนเนส

e

ตั้งแต่ฤดูกาล 2014/15 เป็นต้นมาทีมโคโลญจน์ก็ได้ริเริ่มการจัดพิธีสวดขึ้นในห้องโถงของวิหารก่อนเริ่มเกมแรกของฤดูกาลที่โคโลญจน์เล่นเป็นเจ้าบ้าน

“มันกลายเป็นธรรมเนียมสำหรับการเริ่มต้นซีซั่นของโคโลญจน์ไปแล้วที่เราจะสวดขอเกมการแข่งขันอันยุติธรรม และขอความสงบในกรณีที่เราแพ้” นักบวช โรแบร์ต ไคลเน่อ ตัวแทนเจ้าคณะแห่งโคโลญจน์อธิบาย

สำหรับพิธีสวดนี้แฟนบอลคู่แข่งก็สามารถเข้าร่วมได้ โดยรองประธานสโมสรโคโลญจน์ มาร์คุส ริทเทอร์บัค กล่าวว่าพิธีนี้เป็นพิธีที่อุทิศให้แฟนบอลไม่ว่าจะเชียร์ทีมไหนหรือนับถือศาสนาอะไร

“คู่แข่งก็คือคู่แข่ง ไม่ใช่ศัตรู” เขากล่าว

p

ในพิธีสวดก่อนเกมครั้งที่ผ่านมามีแฟนบอลกว่า 4,500 คน ทั้งชายและหญิง เด็กและผู้ใหญ่ ทุกคนร่วมกันร้องเพลงประจำสโมสรพร้อมเสียงดนตรีที่บรรเลงโดยมือออร์แกนประจำวิหาร ชื่อเพลงว่า “Mer stonn zo dir FC Kölle” (เราจะยืนอยู่ข้างเธอ เอฟเซ โคโลญจน์) เป็นบทเพลงที่ขับร้องเป็นภาษาท้องถิ่นโดยยืมทำนองมาจากเพลงคลาสสิกของชาวสก๊อตต์ ขนาดทีมคู่แข่งได้ยินยังอดเคาะจังหวะตามไม่ได้ เรื่องอะไรแบบนี้คงไม่มีสโมสรใดในยุโรปจะเหมือนกับทีมแพะบ้าอีกแล้ว...

แต่น่าเสียดายที่สวรรค์ก็มิอาจช่วยโคโลญจน์ให้รอดพ้นความพ่ายแพ้ แม้จะเป็นฝ่ายขึ้นนำดอร์ทมุนด์ได้ก่อน แต่พวกเขาก็ถูกยิงคืนในครึ่งหลัง 3 ลูกรวด สถานการณ์แบบนี้เป็นทีมอื่นแฟนบอลคงเดินออกจากสนามก่อนหมดเวลาด้วยซ้ำ

แต่แฟนบอลทีมแพะบ้านั้นมีสปิริตสูง พวกเขาอยู่เชียร์ทีมรักจนสิ้นเสียงนกหวีด ราวกับว่าโคโลญจน์นั้นมีผู้เล่น 12 คนในทุกๆ เกมที่ลงแข่ง

แม้จะพ่ายแพ้ แต่ชาวเมืองโคโลญจน์ก็ยังมีความสุขสันต์ มีวัฒนธรรม มีพิธีกรรมดีๆ และมีเจ้าแพะบ้า ซึ่งทั้งหมดนี้แหละที่ช่วยให้พวกเขาลืมความพ่ายแพ้และปล่อยให้มันไหลไปกับแม่น้ำไรน์ ชาวโคโลญจน์นั้นมีความสุขอยู่แล้วที่ได้กลับมาเล่นบนลีกสูงสุดของเยอรมนีอีกครั้ง แต่ยิ่งแฮปปี้ขึ้นไปอีกที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสโมสรที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นที่สุดสโมสรหนึ่งในโลกของฟุตบอล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook