รุ่งเรือง หรือ รุ่งริ่ง?

รุ่งเรือง หรือ รุ่งริ่ง?

รุ่งเรือง หรือ รุ่งริ่ง?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"เอล ติเกร" ราดาเมล ฟัลเกา แข้งที่แฟนๆ "เร้ด เดวิลส์" กำลังรอฉายแสง ...ว่าแต่จะ "รุ่งเรือง" หรือ "รุ่งริ่ง" ???

ยังคงเป็นกระแสที่พูดถึงอย่างต่อเนื่องสำหรับ "เอล ติเกร" ราดาเมล ฟัลเกา ดาวยิงเพชฌฆาตจอมสังหารประตูทีมชาติ โคลอมเบีย ถึงคำถามที่ว่า "เขานั้นจะโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรง...และยิงประตูระเบิดระเบ้อกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด...เหมือนกับตอนอยู่ที่ เอฟซี ปอร์โต้ และ แอตเลติโก มาดริด หรือไม่ ???"

ไม่มีเกมยุโรป เหลืออีก 2 ถ้วยให้ลุ้นจึงตัดกองหน้าเหลือแค่ 3 คนก็พอ

การที่ "ปีศาจแดง" เซ็นสัญญาดึงตัว ฟัลเกา มาร่วมทีมนั้นแน่นอนว่าจุดประสงค์เดียวที่คาดหวังไว้คือการยิงประตูให้ได้เป็นกอบเป็นกำ และช่วยกู้สถานการณ์ที่ดีกลับคืนมา ซึ่งจะ "รุ่งเรื่อง" หรือ "รุ่งริ่ง" นั้นเดี๋ยวเราจะได้เห็นแววกันในเกมลีกที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะเจอกับ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ในวันอาทิตยี้นี้ (14 ก.ย.)
 
เชื่อว่าทุกๆ คนคงจะทราบกันดีว่า พรีเมียร์ลีก นั้นเป็นลีกที่ดีที่สุดในโลกลูกหนัง และมันก็มีนักเตะหลายคนที่ฉายแววในต่างแดนไม่ว่าจะเป็น สเปน, อิตาลี, เยอรมัน, ฝรั่งเศส และอะไรอีกมากมาย แต่กลับมาดับวูบยังแดนผู้ดี
 
แต่เรื่องของ ฟัลเกา จะเป็นยังไงนั้น? เดี๋ยวเราพักเอาไว้แค่นี้ก่อนแล้วกัน เพราะวันนี้ผมจะยกตัวอย่างผู้เล่นจากแดนอเมริกาใต้ที่เคยค้าแข้งอยู่ในเวที พรีเมียร์ลีก ซึ่งก็มีทั้งคนที่ "เกิด" และก็ "ดับ" ฉะนั้นเราไปย้อนดูกันเลยดีกว่ามีใครบ้างที่ "รุ่งเรื่อง" และใครบ้างที่ "รุ่งริ่ง"

เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

ไม่มีข้อสงสัยอะไรทั้งนั้นในตัวนักเตะรายนี้ เพราะใครๆ ต่างก็รู้ดีว่า อเกวโร่ นั้นคือ 1 ในการเซ็นสัญญาที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก และเป็น 1 ในนักเตะอเมริกาใต้ที่โชว์ฟอร์มได้สุดยอดที่สุดในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี
 
1 โมเมนต์ที่ทุกคนจำได้เป็นอย่างดี และยิ่งถ้าเป็นแฟนๆ แมนฯ ยูไนเต็ด นะขอบอกเลยว่าต้องจำได้ฝังได้แน่นอน เพราะว่าเมื่อซีซั่น 2011-12 เจ้า "กุน" เนี่ยแหละได้ทำแสบเอาไว้ โดยกระชากและซัดเต็มข้อยิงประตูชัยให้ แมนฯ ซิตี้ พลิกกลับมาชนะ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส 3-2 พร้อมกับพา "เรือใบสีฟ้า" เถลิงบัลลังก์แชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จ โดยมี 89 แต้ม แต่เหนือกว่า "ปีศาจแดง" ด้วยเรื่องของประตูได้เสีย

คาร์ลอส เตเวซ (เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

เวสต์แฮม ดึงตัว เตเวซ จาก โครินเธี่ยนส์ มาร่วมทีมเมื่อปี 2006 และผลงานชิ้นโบว์แดงของเขาในปีนั้นก็คือการยิงประตูชัยในเกมลีกนัดสุดท้ายที่บุกไปเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมกับพาทัพ "ขุนค้อน" รอดตกชั้นได้สำเร็จ
 
จากนั้นก็ได้ย้ายไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์ (1,100 ล้านบาท) และก็โชว์ฟอร์มได้ดีตลอด 2 ฤดูกาล ยิงได้ 34 ประตูจาก 99 เกม พา "ปีศาจแดง" คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้ 2 สมัย
 
ก่อนจะย้ายไปอยู่กับคู่อริร่วมเมือง แมนฯ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ (1,925 ล้านบาท) และก็ถือว่ามีปีที่ยอดเยี่ยมสุดๆ ทั้ง 4 ปี ยิงได้ 73 ประตูจาก 148 เกม และมีส่วนสำคัญที่พาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 1 สมัย และ เอฟเอ คัพ 1 สมัย ซึ่งนับว่าเป็นนักเตะจากแดนอเมริกาใต้คนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างมากกับการเล่นใน พรีเมียร์ลีก

หลุยส์ ซัวเรซ (ลิเวอร์พูล)

ลิเวอร์พูล ได้ตกลงดึงตัว ซัวเรซ มาร่วมทีมเมื่อปี 2011 ด้วยค่าตัว 22.8 ล้านปอนด์ (1,254 ล้านบาท) จาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และก็โชว์ฟอร์มได้เปรี้ยงปร้างทันทีเลยเสมือนกับว่าเคยเล่นใน พรีเมียร์ลีก มานาน
 
ตลอดระยะเวลา 3 ปีครึ่งกับชีวิตในถิ่น แอนฟิลด์ ซัวเรซ ยิงได้ 82 ประตูจาก 133 เกม และเกือบพาทีมคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกได้ในรอบ 24 ปีอีกด้วยเมื่อซีซั่นที่แล้ว แต่ว่าอย่างน้อยก็ได้กลับไปเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี
 
แต่แล้วข่าวร้ายสำหรับสาวก "เดอะ ค็อปส์" ก็เกิดขึ้นเมื่อเจ้าตัวนั้นต้องย้ายไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า หลังจากถูกรุมวิจารณ์อย่างหนักจากการไปกัดหัวไหล่ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ในศึก ฟุตบอลโลก ซึ่งถึงแม้จะเป็นนักเตะที่ก่อวีกรรมฉาวไว้เยอะก็จริง แต่รวมๆ แล้วถ้าวัดเรื่องศักยฝีเท้าตอนนี้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่เก่งที่สุดในโลกเลยทีเดียว

ดีเอโก้ ฟอร์ลัน (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

ฟอร์ลัน โชว์ฟอร์มได้ดีทีเดียวกับต้นสังกัดเก่าใน อาร์เจนติน่า อย่าง อินดิเพนเดนเต้ ยิงได้ 40 ประตูจาก 91 เกม แต่พอปี 2001 พอได้ย้ายมาใช้ชีวิตในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ผลงานกับตรงกันข้ามเลยกับตอนอยู่ในแดน "ฟ้า-ขาว"
 
ตลอดช่วงปี 2001-04 ที่ ฟอร์ลัน ได้สวมยูนิฟอร์มของ "ปีศาจแดง" ยิงได้แค่ 17 ประตูเท่านั้นจาก 98 เกมรวมทุกรายการ ซึ่งเจ้าตัวต้องใช้ระยะเวลากว่า 27 เกมถึงจะยิงประตูแรกได้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
 
แต่หลังจากที่ล้มเหลวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ฟอร์ลัน ดันไประเบิดฟอร์มได้อย่างสุดยอดกับ บียาร์เรอัล โดยยิงได้ 59 ประตูจาก 128 เกมรวมทุกรายการ และ 96 ประตูจาก 196 เกมกับ แอตเลติโก มาดริด ในอีก 7 ปีให้หลัง

เอร์นาน เครสโป (เชลซี)

เครสโป ย้ายจาก อินเตอร์ มิลาน มาอยู่กับ เชลซี ด้วยค่าตัว 16.8 ล้านปอนด์ (924 ล้านบาท) ซึ่งการดึงตัวเขามานั้นอาจจะไม่ได้อยู่ในการที่ทาง "สิงโตน้ำเงินคราม" ตั้งเอาไว้ และก็แทบไม่ได้โอกาสลงสนามเป็นตัวจริงสักเท่าไหร่ โดยได้ลงเล่นไป 31 เกมรวมทุกรายการ ยิงได้ 12 ประตูในปีนั้น
 
ก่อนปีต่อมาการมาของ โชเซ่ มูรินโญ่ ทำให้เขานั้นยิ่งไม่มีส่วนร่วมกับทีมเข้าไปใหญ่ และต้องถูกปล่อยตัวไปอยู่กับ เอซี มิลาน แบบยืมตัว และก็ทำผลงานได้ดีใช้ได้ โดยยิงได้ 18 ประตูจาก 40 เกม
 
จากนั้นก็กลับมาอยู่กับ เชลซี และก็ดูเหมือนจะมีส่วนร่วมกับทีมมากขึ้น แต่สุดท้ายก็ยังไม่เป็นที่โดนใจของ "เดอะ สเปเชี่ยล วัน" ก่อนจะย้ายกลับไปอยู่กับ อินเตอร์ มิลาน ในที่สุด
 
***และนั่นก็เป็น 5 อันดับของนักเตะอเมริกาใต้ทั้ง 5 คนที่ผมหยิบยกมาบอกเล่าเก้าสิบในวันนี้ก็ได้รู้กันไปแล้วว่ามีใครบ้างที่ "รุ่งเรือง" และใครที่ "รุ่งริ่ง" อะ! จากนั้นเราก็วงกลับมาที่ "เอล ติเกร" ราดาเมล ฟัลเกา กันอีกครั้งหนึ่งกับคำถามที่ถามไว้ในเบื้องต้นที่ว่า....
 
"เขานั้นจะโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรง...และยิงประตูระเบิดระเบ้อกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด...เหมือนกับตอนอยู่ที่ เอฟซี ปอร์โต้ และ แอตเลติโก มาดริด หรือไม่ ???" เดี๋ยวเราก็ได้รู้กันในไม่ช้านี้ว่าเขาจะ "รุ่งเรื่อง" หรือ "รุ่งริ่ง"

HaMu

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook