กัดไม่ปล่อยแบบ "นิวยอร์กเกอร์" : "มิตช์ กรีน" คู่ปรับนอกสนามตัวจริงที่ "ไทสัน" ยอมใจ

กัดไม่ปล่อยแบบ "นิวยอร์กเกอร์" : "มิตช์ กรีน" คู่ปรับนอกสนามตัวจริงที่ "ไทสัน" ยอมใจ

กัดไม่ปล่อยแบบ "นิวยอร์กเกอร์" : "มิตช์ กรีน" คู่ปรับนอกสนามตัวจริงที่ "ไทสัน" ยอมใจ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มิตช์ กรีน อาจจะไม่ใช่นักมวยรุ่นเฮฟวี่เวตระดับตำนานที่คอมวยทั่วไปให้คำยกย่องสรรเสริญมากมายนัก เขาไม่ได้เร็วแบบ มูฮัมหมัด อาลี ไม่ได้หนักหน่วงแบบ ไมค์ ไทสัน และไม่ได้ทนทายาดอย่าง โจ เฟรเซียร์ ทว่าเขาคนนี้คือนักชกสายนักเลงที่พร้อมจะหักกับทุกคนที่ขวางหน้า

ยิ่งเมื่ออยู่ข้างถนน กรีน ไม่เคยกลัวใคร... และนี่คือเรื่องราวนอกสังเวียนของเจ้าของฉายา "ไอ้เลือดสาด" ที่ทำให้ ไมค์ ไทสัน ต้องปวดหัวกับการกัดไม่ปล่อยยิ่งกว่าการจองเวรของตัวร้ายจากหนังฆาตกรโรคจิต ติดตามการสู้จนกว่าจะชนะของ มิตช์ กรีน ที่มีต่อ "ไอรอน ไมค์" ได้ที่นี่ 

 

นักรบข้างถนนผู้ถูกเลือก

11 ปี... คือความห่างระหว่างอายุของ มิตช์ กรีน กับ ไมค์ ไทสัน แม้จะเป็นช่วงที่ห่างพอสมควรสำหรับการขึ้นมาชกกันบนเวที แต่ประเด็นคือพวกเขาเรียนมวยที่แรกมาจากสำนักเดียวกัน นั่นคือสำนักข้างถนน...

 1

ไทสัน คือผลิตผลของพ่อ-แม่ ที่ไม่พร้อมจากย่านเสื่อมโทรมจากสลัมใจกลางมหานครนิวยอร์ค รู้จักการแลกหมัดเพื่อเอาชีวิตรอดมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ส่วน กรีน นั้นคือนักเลงรุ่นพี่ในนิวยอร์คเช่นกัน เขามาจากแยก 175 ณ ถนนแอนโธนี่ แอนด์ เคลย์ อาเวส และเป็นหัวหน้าแก๊งที่เคยจับอาวุธมาแทบทุกอย่างก่อนที่เริ่มหันมาชกมวย เรียกง่ายๆว่าสภาพแวดล้อมบีบให้ทั้งคู่ไม่เข้มแข็งพอที่จะหันหลังให้ความชั่วร้าย พวกเขาเสพติดการทำร้ายใครสักคนที่ข้างถนน ซึ่งคนประเภทนี้แม้จะคะนองในวัยแรกเริ่มแต่ปลายทางนั้นก็หนีไม่พ้น 2 สิ่ง ไม่จบชีวิตบนถนนสายต่อสู้ของพวกเขาเอง ก็ติดคุกแบบไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน

อย่างไรก็ตาม โชคชะตาของ 2 นักเลงต่างรุ่นจากนิวยอร์ค ไม่ทันได้เดินทางมาถึงจุดจบตามทำนายที่กลายเป็นจริงเสมอสำหรับนักสู้ข้างถนน พวกเขาได้รับโอกาสที่สองในการเปลี่ยนชีวิต ทั้งคู่มีโอกาสเลือก 2 แบบคือจะเป็นราชากุ๊ยที่ทำได้แค่ขายยาค้าสิ่งผิดกฎหมาย หรือจะกลายเป็นนักสู้บนสังเวียนที่แม้แต่คนขาวก็ต้องก้มหัวให้ คำตอบง่ายนิดเดียว เมื่อมีโอกาสแล้วการไม่คว้าไว้ก็โง่สิ้นดี

คนหยิบยืนโอกาสให้ ไทสัน คือ กัส ดิ อามาโต้ ครูมวยชาวอิตาเลียน ที่เปิดโรงยิมในย่านบ้านของเขาพอดี ไทสันจึงได้เริ่มฝึกมวยหลังจากนั้น ขณะที่ กรีน เข้าใกล้ความตายมากยิ่งกว่าเพราะเขาเคยถูกยิง และเป็นการยิงเข้ามือขวาที่ใช้ชกต่อยด้วย แต่โชคดีของเขาคือกระสุนไม่โดนกระดูก ไม่ตัดเส้นเลือด... ทำให้หมัดขวาของเขากลับมาใช้งานได้ตามปกติ มันคือเรื่องที่น่าเหลือเชื่อซึ่งแม้แต่ตัวของกรีนเองก็มองว่าเป็นเพราะพระเจ้าเลือกเส้นทางแก้ตัวให้กับชีวิตของเขาอย่างแน่นอน

 2

"ตอนอายุ 17 ปี ผมถูกยิง 2 นัดด้วยปืน .22 แม็กนั่ม เข้าที่หมัดขวา มันต้องเป็นประสงค์ของพระเจ้าแน่ที่ทำให้ผมไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย" กรีนที่กลับมาเข้าเรียนอีกครั้งและเริ่มทำงานเป็น รปภ. กล่าวถึงจุดเปลี่ยนในชีวิต 

ประสบการณ์ที่ผ่านมาและความเฉียดตายในช่วงวัยรุ่น กลายเป็นสิ่งที่ติดตัวและเป็นสไตล์การชกที่ทั้งคู่สลัดไม่หลุด ทั้งคู่ถือว่าเป็นมวยเชิงที่ชอบเดินหน้าบุก ตามลักษณะนิสัยที่ไม่กลัวใคร ต่างกันเพียง 2 เรื่องเท่านั้นที่ทั้ง 2 คนได้รับไม่เท่ากัน นั่นคือ "พรสวรรค์" กับ "วาสนา"

ขอโทษทีพี่... แต่ผมมันของขึ้นห้าง

กรีน นั้นเกิดก่อน และแน่นอนเขาเริ่มเส้นทางอาชีพไวกว่าไทสัน โดยตัวของกรีนชกอาชีพไฟต์แรกในปี 1980 ก่อนจะทำสถิติไร้พ่ายมา 16 ไฟต์ เพียงแต่เมื่อถึงวันที่เขาทำอันดับจนได้เป็นผู้ท้าชิงกับ เทรเวอร์ เบอร์บิก เขาก็พ่ายแพ้ไปในปี 1985 และปีเดียวกันนั้นเอง ไทสันเริ่มชกอาชีพไฟต์แรก ก่อนจะกลายเป็นโคตรมวยดาวรุ่งแห่งยุคที่อาวุธครบเครื่อง เขาชนะมา 20 ไฟต์ โดยมีถึง 19 ไฟต์ที่เป็นการชนะน็อคคู่แข่งด้วย 

 3

จากสถิติดังกล่าวคงเห็นถึงเชิงมวยและพรสวรรค์ที่เหนือกว่าจากฟากของไทสันอยู่พอสมควร ทั้งแง่สถิติกับรูปแบบการเอาชนะ ทว่าสิ่งที่แน่นอนยิ่งกว่าคือเมื่อคนพรสวรรค์อยู่ไหน นักล่าพรสวรรค์ก็จะตามหามันจนเจอ ซึ่งนักล่าคนนั้นคือ ดอน คิง โปรโมเตอร์อันดับ 1 ของวงการที่เคยจัดไฟต์ระดับโลกมามากมายและเป็นเหมือนชายผู้ที่เรียกค่าตัวให้ มูฮ้มหมัด อาลี จนเป็นมวยแม่เหล็กในช่วงยุค '70s ได้ใช้เวลาเจรจาและปิดดีลการเป็นตัวแทนของไทสัน ซึ่งมันทำให้ "ไอรอน ไมค์" กำลังจะตามรอยอาลีเข้าไปทุกขณะ ทั้งในเรื่องการเป็นมวยขวัญใจมหาชน และทักษะการชกเมื่ออยู่บนสังเวียน 

หลังจากที่ ไทสัน เอาชนะ เจมส์ ทิลลิส ได้ในไฟต์ที่ 20 ของตัวเอง เขามองไปที่ชาร์ตอันดับนักชกรุ่นเฮฟวี่เวท เพื่อมองหาคนที่จะโค่นคนต่อไป ซึ่งมันบังเอิญพอดีที่คนๆ นั้นคือ มิตช์ กรีน เจ้าของฉายา "ไอ้เลือดสาด" (Blood) การได้เจอรุ่นพี่จากสำนักข้างถนน แถมยังได้ของแถมมาเป็นการเก็บนักมวยอันดับสูงกว่าแบบนี้มีหรือไทสันจะพลาด เขาแทบไม่ต้องใช้เวลาคิดเลย เพราะหลังจากชนะทิลลิส 4 วัน ไทสันประกาศจากปากตัวเองแบบไม่เป็นทางการว่า "คู่ชกไฟต์ต่อไป คือ ไมค์ ไทสัน จะซัดกับ บลัด กรีน" และเมื่อนั้นเองดูเหมือนว่าตัวแสบที่แท้จริงไม่ใช่ไทสันซะแล้ว...

"ผมล่ะอยากให้คุณได้เห็นจริงๆ ว่ามวยเฮฟวี่เวตของแท้มันควรจะเป็นยังไง!" กรีนให้สัมภาษณ์กับสื่อ

 4

"นี่ๆ ดูกล้ามผมนี่สิขึ้นเป็นมัด แบบนี่สิคือเฮฟวี่เวท ไม่ใช่มะขามข้อเดียวเหมือนไอ้เตี้ยไทสันนั่นหรอก จริงๆ ผมอยากจะซัดทั้ง ไมค์ ไทสัน และ มิเชล น้องสาวของเขาด้วย ไอ้ไทสันมันแต๋วแตกจะตายไป ผมไม่เหมือนมันหรอก โอ้ที่รักรอดูแล้วกัน (บอก มิเชล) ว่าผมตบไอ้เด็กนั่นบนเวทีให้ดู" เขาเบ่งกล้ามและเริ่มหยามใส่ไทสัน... ใครจะกลัวเด็กนรกคนนี้ก็ช่าง แต่สำหรับกรีน ไทสันก็แค่เด็กเพิ่งหัดเดิน ตัวของเขานั้นชกคนสลบตั้งแต่ก่อนที่ไทสันจะลืมตาดูโลกเสียอีก 

สำหรับฝีไม้ลายมือนั้น กรีนเองก็ไม่ธรรมดา เขาเป็นมวยที่มีความบ้าดีเดือด ต่อยดุดันสมใจแฟน แต่สิ่งที่ต่างกันดังที่กล่าวไปข้างต้นนั่นก็คือ "พรสวรรค์" เท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม เขาคิดว่าเขาได้เปรียบเพราะเขาตัวใหญ่กว่า มีช่วงชกที่ได้เปรียบ เพราะตัวของกรีนสูงถึง 202 เซ็นติเมตร ขณะที่ไทสันสูงแค่ 180 เซ็นติเมตรเท่านั้น แล้วแบบนี้ทำไมเขาต้องกลัว? 

การชกกันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับกรีน แต่สิ่งที่เขาไม่ชอบใจในไฟต์นี้คือ ดอน คิง เล่นเกมนอกสังเวียนเข้าข้างเด็กตัวเอง ตั้งแต่ก่อนขึ้นชก ไทสันได้รับการันตีว่าต่อให้ชนะหรือแพ้เขาจะได้ค่าตัว 250,000 ดอลลาร์แน่นอน ขณะที่กรีนนั้นกลับได้ค่าตัวเพียงแค่ 30,000 เหรียญเท่านั้น ทั้งๆที่อันดับเหนือกว่า ดังนั้นเขาจึงไม่พอใจและขู่ว่าจะไม่ขึ้นชกถ้าหากข้อเสนอของเขายังไม่ได้รับการพิจารณาเสียใหม่... น่าเสียดายที่ขู่ไปก็เท่านั้น เงินของเขาไม่เพิ่มขึ้น แต่อย่างน้อย สมาคมมวยโลกยังทำให้ไฟต์นี้สามารถดำเนินต่อไปด้วยการเสนอบางอย่างเพื่อเป็นรางวัลแก่ผู้ชนะ

ต้องเข้าใจสักนิดว่าไฟต์ดังกล่าวไม่ใช่มวยเงินล้านอะไรขนาดนั้น ตอนนั้นแม้ไทสันจะไร้พ่าย แต่เขาก็ไม่เคยได้แชมป์โลก ดังนั้นเมื่อมันไม่ใช่แมตช์ชิงเข็มขัดแล้วจุดขายมันก็ยิ่งน้อยและการเพิ่มเงินให้กับนักมวยที่ขายไม่ได้ก็ดูจะเป็นอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควรสำหรับคนที่ประกอบธุรกิจ ดังนั้น รอส กรีนเบิร์ก ผู้บริหารของช่อง HBO จึงปิ๊งไอเดียยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เขาบอกว่าหากใครชนะในไฟต์นี้ คนนั้นจะได้ขึ้นชิงแชมป์โลกไฟต์เฮฟวี่เวตในนัดต่อไป เท่านั้น กรีนก็ตกลงทันใด เขามั่นใจว่าเขาจะผ่านได้ และการชนะไทสัน จะเป็นบันไดที่ทำให้เขาสามารถไปถึงแชมป์โลกและเงินทองที่อาจจะเพิ่มขึ้นยิ่งกว่าไฟต์นี้อีกเป็น 100 เท่าเลยทีเดียว

ไฟต์แรกบนสังเวียน

หลังจากเคลียร์เรื่องนอกสังเวียนได้แล้ว ศึกชิงเจ้าแห่งนิวยอร์คก็เริ่มขึ้นในปี 1986 ที่สังเวียน เมดิสัน สแควร์ การ์เด้น ใจกลางมหานครนิวยอร์ค ที่คือถิ่นของพวกเขาทั้งสองคนและทั้งคู่เตรียมการมาเป็นอย่างดีเพื่อชิงความเป็นหนึ่ง 

 5

ไมค์ ไทสัน ในตอนนั้นอายุ 19 ปี ขณะที่ มิตช์ กรีน อายุ 30 ปี ดังนั้นมันจึงเปรียบเป็นการวัดกันของมวยสดกับมวยเก๋า และไทสันที่มีเกมบุกดุเดือดทำได้ดีกว่าตามคาด เขาไล่ต้อนกรีนจนมุมอยู่หลายหน ซึ่งมันก็เป็นไปตามที่กรีนคาดไว้ เขาแก่กว่า ดังนั้นการจะให้เดินหน้าบวกคงไม่แคล้วต้องนับ 10 ไปก่อนแน่นอน มันจึงทำให้เขาต้องยื้อเอาและอาศัยการดักชกเพื่อทำคะแนนสะสมไว้เรื่อยๆ มันคือกลยุทธ์ที่พอเป็นไปได้ที่กรีนจะชนะ เพราะความจริงคือ ไทสันคือนักมวยที่ต่อยครบยกน้อยมาก เขาไร้พ่ายก็จริง แต่ 20 ไฟต์ก่อนหน้านี้เขาชนะน็อคไปถึง 19 ครั้ง และบางไฟต์เป็นการน็อคคู่แข่งตั้งแต่ยก 1 ถึงยก 3 ดังนั้นใครจะไปรู้หากว่าเขาต้องบุกครบทั้ง 10 ยกอาจจะเป็นไทสันเองก็ได้ที่เป็นฝ่ายหมดแรงและแพ้ภัยตัวเอง 

 6

กรีนทำได้ดีในระดับหนึ่งในเรื่องของการลดประสิทธิภาพหมัดของไทสัน แต่ในทางกลับกันก็เป็นเขาเองที่ไม่สามารถต่อยเข้าเป้าได้ เพราะไทสันตัวเล็กและไวมากหากเทียบกับมวยเฮฟวี่เวตทั่วไป การวางแผนของกรีนสำเร็จแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น เพราะอีกครึ่งหนึ่งคือเขาต้องยอมรับความจริงว่า ไทสันเป็นนักชกที่อยู่อีกระดับไปแล้ว การหวังเก็บคะแนนจากไทสันไม่ใช่เรื่องง่าย และนั่นคือเหตุที่ไทสันจ้วงเอาจ้วงเอา และผ่อนหนักผ่อนเบาจนครบ 10 ยก

แทบไม่ต้องสืบคะแนนการตัดสินเลยหากใครได้ชมไฟต์นั้น ไทสันเหนือกว่ามากและเอาชนะคะแนนไปแบบเอกฉันท์ กรรมการผู้ให้คะแนน 3 คน ให้คะแนนไทสันชนะ โดยให้ 9 ต่อ 1 คะแนนถึง 2 คน และ 8 ต่อ 2 คะแนนอีกคนตามลำดับ ด้วยคะแนนที่กล่าวมามันก็พอบอกได้เป็นนัยว่า ไทสันคือผู้ชนะและเป็นเจ้าแห่งมหานครนิวยอร์คอย่างแท้จริง...

สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันทั้งชัดเจนและใสสะอาด หากเป็นนักชกคนอื่นคงยอมรับความจริง พวกเขาอาจจะชนหมัดและกอดกันหลังผลการตัดสินออกมา แต่สำหรับกรีนที่มีอาการหัวร้อนตั้งแต่ก่อนขึ้นชกแล้ว มันทำแบบนั้นให้สนิทใจไม่ได้ เขาได้เงินแค่ 30,000 ดอลลาร์ และยังไม่ได้กลายเป็นผู้ท้าชิงแชมป์โลกแบบที่หวังอีกต่างหาก นี่คือศึกที่เขาแพ้ทุกทางและในมุมมองของคนที่มีสไตล์นักเลงอย่างกรีนแล้ว นั่นคือเรื่องที่ยอมรับไม่ได้... มันต้องแก้มืออีกสักที ไม่ที่ใดก็ที่หนึ่ง

ไฟต์ต่อมาที่ข้างถนน

หลังจากนั้น กราฟชีวิตนักมวยของทั้งสองคนสวนทางกันมาก ไทสันกลายเป็นโคตรมวย ด้วยการทำสถิติชนะรวด 37 ไฟต์ คว้าแชมป์เฮฟวี่เวตจาก 4 สถาบันทั้ง WBA, IBF, WBC และ The Ring ขณะที่กรีนนั้นกลายเป็นเสือเฒ่าหมดสภาพ การแพ้ไทสัน อาจจะเป็นการแพ้ไฟต์ที่ 2 ในชีวิตนักชกของเขา ทว่าหลังจากนั้น กรีนก็ไม่ได้ขึ้นชกในเวทีระดับอาชีพอีกเลยถึง 2 ปีเต็มๆ 

 7

แน่นอนว่าการหายจากวงการไปนานขนาดนั้น ต่อให้เก็บเงินมาเยอะขนาดไหนมันก็ต้องร่อยหรอกันบ้าง กรีนยากจนลงตามวิถีของนักกีฬาอาชีพ ขณะที่ไทสันอยู่ในช่วงขาขึ้น หยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปเสียหมด กรีนหวังว่าจะได้แก้มือแต่มันก็ไม่มีไฟต์แก้ตัวระหว่างเขาและไทสันบนเวที เพราะระดับที่นับวันจะยิ่งโดนทิ้งห่างออกไป 

"ไมค์ ไทสัน กำลังวิ่งหนีผม แล้วก็ไอ้ดอน คิง - ดอน ควีน ด้วย ไทสันมันลูกอีบัดซบจริงๆ ไอ้เด็กนี่มันกลัวผมจนไข่หด ทั้งๆที่ความจริงเราควรจะทำเงินด้วยกันได้มากมาย แต่ไอ้เวรนี่มันโง่บรรลัยเลย" กรีนพูดถึงเรื่องคืนนั้นในอีกหลายปีต่อมากับสำนักข่าว ESPN 

แม้จะเลิกหวังไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม โชคชะตาก็ไม่ได้ใจร้ายกับเขาเสียทีเดียว... เขาได้เจอไทสันอีกครั้ง

ปี 1988 ไทสัน สนุกกับชีวิตจริงๆ เขาเป็นนักมวยพรสวรรค์ที่สามารถแบ่งชีวิตได้เป็น 2 โหมดอย่างอัศจรรย์ ถ้าให้ซ้อม เขาสามารถซ้อมได้หนักที่สุดเท่าที่โค้ชจะสั่ง และถ้าจะให้เที่ยวเมาหยำเปไปกับเหล้ายานารีเขาก็สุดเหวี่ยงได้เหมือนกัน และคืนนั้นเอง ที่เดิมที่คุ้นเคย ไทสันเดินออกมาจากโรงแรมหรูพร้อมสวยเสื้อแจ็คเก็ตหนังที่ปักประโยคหนึ่งว่า "อย่าไปเชื่อคำโฆษณา" เสื้อตัวนั้นราคา 850 ดอลลาร์ เขาแวะที่ร้านค้าสักพักและเมื่อเดินออกมาเขาจ๊ะเอ๋เข้ากับรุ่นพี่ที่คุ้นเคย มิตช์ กรีน กำลังเดินเข้ามาหาเขาราวกับมีคนบอกว่า "ไมค์ ไทสัน อยู่ตรงนี้"

 8

กรีนเดินเข้ามาด้วยอารมณ์โกรธ ภาพเมื่อ 2 ปีที่แล้วสลัดอย่างไรก็ไม่หลุดจากหัว ทันทีที่เจอหน้าไทสัน เขาเริ่มหยามเกียรติว่าไทสันเป็นเด็กเส้นของ ดอน คิง 

"ไอ้แคระ! แกมาทำห่าอะไรในถิ่นของข้าวะ?" ไทสันเล่าสิ่งที่กรีนพูดกับเขา ณ หน้าร้านค้าในวันนั้นเมื่อปี 1988 

"กรีนมันพูดมากเกินไป เท่านั้นไม่พอ ผมคิดว่ามันพยายามจะกระชากกระเป๋ากางเกงของผมออก และถ้ามันขาดขึ้นมา รับรองได้ว่าเงินของผมคงหายเกลี้ยงแน่... เราอยู่บนถนนและเราสู้กัน มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว" ไทสันเล่าถึงสิ่งที่เขาจำได้

"ผมต้องสู้กับมันจริงๆ ทั้งที่มันเหมือนเป็นการสู้กันระหว่างหมาป่าอย่างผมกับแมวอย่างมัน ผมเปิดก่อนเปรี้ยงแรก แล้วตามซ้ำได้อีก 2-3 ครั้ง แต่ไอ้กรีนมันเมาโคเคนอยู่ มันลุกขึ้นมาเหมือนกับมันเป็น เจสันแห่งศุกร์ 13 ผมเลยต้องเดินเข้าไปแล้วไปซัดมันอีกเปรี้ยง อิ่มมั้ยล่ะไอ้เวร! ผมตะโกนใส่มันแบบนั้นเลย" 

 9

หากเป็นคนธรรมดาและโดนหมัดของไทสันไปสัก 4-5 หมัดแบบนี้ คงหลับยาวไปหลายวัน แต่เหลือเชื่อที่กรีนล้มไปแล้วถึง 2 ครั้ง แต่เลือดนักเลงและจิตวิญญาณนักชกมันบังคับให้ตัวของเขาลุกขึ้นมาได้เป็นครั้งที่ 3...

มันเหมือนกับหนังฆาตกรรมอย่างที่ไทสันบอกจริงๆ กรีนคือฆาตกรที่ไม่ยอมตายเสียที ทั้งๆที่ไทสันเดินขึ้นรถคันหรูของเขาออกไปแล้วและล้อกำลังเริ่มหมุนแท้ๆ กรีนก็โผล่มาดักหน้ารถด้วยใบหน้าโชกเลือด เขาหักกระจกมองข้างรถของไทสันทิ้ง และรถคันนั้นคือ Rolls Royce แสนรักของเขาเสียด้วย... "กรึ่ก" ไทสันเปิดประตูมาด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นกว่าตอนประชันกันที่หน้าร้านค้ามาก เขาเดินลงจากรถและบอกว่า "ขอโทษนะ ขอเวลารบกวนแกสัก 1 นาทีก็พอ"

"ผมต่อยมันจนล้ม ก่อนที่จะจิกหัวขึ้นมาแล้วกระแทกหมัดใส่อีกที คราวนี้หัวมันไปกระแทกคอนกรีตเต็มๆ ตูม! แล้วก็นิ่งไป" ไทสันต้องใช้ไม้แข็งจนได้เพื่อทำให้กรีนหยุดราวีเขาสักที

หมัดเปลี่ยนทัศนคติ

การชกหมัดนั้นนอกจากจะทำให้กรีนหมดสภาพสิ้นความห้าว แต่มันก็ทำให้ไทสันหลอนตัวเองเหมือนกัน เขาเล่าว่าหลังจากคืนนั้นเขานอนไม่หลับ เอาแต่คิดในใจว่ากรีนคงตายด้วยน้ำมือเขาจริงๆ 

หลังจากนั้นไม่กี่วัน กรีนจัดแถลงข่าวต่อหน้าสื่อว่าจะฟ้องร้อง ไมค์ ไทสัน ในข้อหาทำร้ายร่างกาย และเรียกเงินจากไทสันถึง 25 ล้านดอลลาร์ นี่คือการแสดงสัญชาตญาณกัดไม่ปล่อยอย่างแท้จริง แม้เขาจะแพ้บนเวที แพ้ที่ข้างถนน แต่เขาจะต้องเอาชนะให้ได้ และชัยชนะในศาลครั้งนี้จะทำให้เขามีกินมีใช้ไปตลอดชาติ... ถามว่าไทสันกลัวหรือไม่กับการฟ้องร้องนี้ คำตอบคือ เปล่าเลย เขากลับดีใจด้วยซ้ำที่กรีนโผล่หัวออกมาสักที

 10

"ผมคิดว่าผมจะฆ่ามันตายซะแล้ว ผมกลัวจริงๆ ทันทีที่เห็นมันออกมาแถลงข่าวฟ้องผมด้วยตาปูดปิดไปข้างนึงแบบนั้น มันทำให้หัวใจของผมพองโต เพราะอย่างน้อยๆ ผมก็ไม่ใช่ฆาตกรแล้วกันล่ะ" ไทสันกล่าว

ไทสันแหยงกับการชกข้างถนนไปพักใหญ่ เพราะนอกจากเกือบจะทำให้เขาเป็นฆาตกรแล้ว มันยังทำให้เขากระดูกนิ้วแตกจนต้องเลื่อนแมตช์ชกกับนักชกคนอื่นๆออกไปด้วย เรียกว่านอกจากจะใจเสียแล้ว ยังเสียงาน เสียสุขภาพ อีกต่างหาก

ช่วงเวลาที่เหลือก็ถือว่าสวรรค์ไม่ได้ใจร้ายกับ มิตช์ กรีน มากนัก แม้ไทสันจะกลายเป็นแชมป์โลกไปอีกหลายครั้งหลายสมัย และยกระดับตัวเองกลายเป็นไอคอนทางวัฒธรรมอเมริกันด้วยการเป็นดาราในภาพยนตร์ และมีแฟนคลับที่ไม่ใช่แฟนมวยเป็นจำนวนมาก ต่างกับ มิตช์ กรีน อย่างสิ้นเชิง แต่กรีนก็ไม่ได้เป็นฝ่ายแพ้ไทสันไปเสียทุกเรื่อง

หากคุณยังจำเรื่องที่เรากล่าวไปเมื่อสักครู่ว่าเขาเคยฟ้องไทสัน 25 ล้านดอลลาร์ ในปี 1988 นั้น กรีนกัดไม่ปล่อยจนหยดสุดท้าย เขาสู้คดีเพื่อเงินก้อนใหญ่ก้อนนี้ถึง 9 ปีเต็มๆ และในที่สุดเขาก็ชนะไทสันจนได้... แต่มันเป็นชัยชนะซึ่งท้ายสุดจบลงด้วยการที่เขาได้เงินจากไทสันเพียง 45,000 ดอลลาร์เท่านั้น แม้จะหายไปไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่ากับเงินที่ฟ้องตอนแรก แถมยังไม่พอจ่ายค่าหนี้สินที่เกิดจากการขึ้นโรงขี้นศาลและทำให้เขายังถังแตกเช่นเคย แต่อย่างน้อย กรีนก็ทำให้ไทสันแพ้เขาในทางใดสักทางหนึ่งจนได้... 

สำหรับไทสันแล้ว แม้จะพ่ายแพ้ แต่มั่นใจได้เลยว่า มันคือความพ่ายแพ้ที่เขาเต็มใจมาก... เพราะถ้าหากเขายังชนะกรีนบนศาลอีก ไม่แน่ กรีนอาจจะจองเวรเขาไปจนลมหายใจสุดท้ายเลยก็เป็นได้

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ กัดไม่ปล่อยแบบ "นิวยอร์กเกอร์" : "มิตช์ กรีน" คู่ปรับนอกสนามตัวจริงที่ "ไทสัน" ยอมใจ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook