ลิเวอร์พูล VS เชลซี : เก็บตก 7 ประเด็นหลังเกม ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2019

เก็บตก 7 ประเด็นหลังเกม : ลิเวอร์พูลแม่นเป้าดับเชลซีเถลิงแชมป์ซูเปอร์คัพ

เก็บตก 7 ประเด็นหลังเกม : ลิเวอร์พูลแม่นเป้าดับเชลซีเถลิงแชมป์ซูเปอร์คัพ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายทำได้ดีกว่าในการดวลจุดโทษเอาชนะ "สิงห์บลู" เชลซี 5-4 โดยในเวลาเสมอกัน 1-1 และช่วงต่อเวลา 120 นาที เสมอกัน 1-1 จากชัยชนะในเกมนี้ของพวกเขาทำให้คว้าแชมป์รายการนี้่ได้เป็นสมัยที่ 4 ในประวัติศาสตร์สโมสร อย่างไรก็ตามเกมนี้มีเรื่องราวมากมาย ซึ่งเราคัด 7 ประเด็นสำคัญมาให้แฟนๆ ได้รู้กัน

1.แดนกลางของเดอะบลูส์ที่เอาตัวรอดได้ดีกว่า

ทั้ง เร้ดแมชีน และ สิงโตน้ำเงินคราม ต่างพยายามเซ็ตเกมที่แดนหลังและบีบพื้นที่สูงด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งทักษะการเอาตัวรอดพื้นที่แคบของแดนกลางกลายเป็นจุดที่สร้างความแตกต่างในเกมนี้

เจมส์ มิลเนอร์ กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ของทีมจาก เมอร์ซีย์ไซด์ กลายเป็นช่องโหว่เมื่อพวกเขาถูกวิ่งไล่เข้ากดดันอย่างหนักและเสียบอลอย่างง่ายดาย แม้พวกเขาจะมี ฟาบินโญ ที่พอจะเอาตัวรอดได้อยู่บ้างแต่ก็ไม่สามารถทำให้ทีมได้เปรียบเมื่อขาดการสนับสนุนที่ดี ในทางตรงกันข้าม แผงมิดฟิลด์ของ สิงห์บลู ทั้ง มาเตโอ โควาชิช, จอร์จินโญ รวมไปถึง เอ็นโกโล ก็องเต้ ต่างสามารถเล่นกับพื้นที่แคบและแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ดีกว่า

FBL-EUR-SUPERCUP-LIVERPOOL-CHELSEABULENT KILIC/GettyImages 2. บทบาทของก็องเต้

หน้าที่ของ เอ็นโกโล ก็องเต้ กลายเป็นที่ถกเถียงอย่างกว้างขวางตั้งแต่ที่ เมาริซิโอ ซาร์รี ตัดแต่งพันธุกรรมเจ้าตัวจากมิดฟิลด์ตัวรับตามตำรับเป็นห้องเครื่องบ็อกซ์ทูบ็อกซ์คอยวิ่งห้อขึ้นลงรับผิดชอบทั้งเกมรับและเกมรุกโดยมี จอร์จินโญ คอยคัดท้าย เกมนี้เป็นอีกครั้งที่กองกลางทีมชาติ ฝรั่งเศส รับบทบาทแบบเดิมเช่นเดียวกับในยุคของ ซาร์รี

แฟรงค์ แลมพาร์ด วาง ก็องเต้ ไว้ในตำแหน่งมิดฟิลด์ฝั่งขวาคู่กับ มาเตโอ โควาชิช และมีเพลย์เมคเกอร์ตัวต่ำทีมชาติ อิตาลี คอยปั้นเกมอยู่หน้าแนวรับ ด้วยความเป็นไปของรูปเกมที่เน้นการบีบพื้นที่สูง ทะยานเข้าบอลหาคู่แข่งอย่างรวดเร็วทำให้อดีตกองกลาง เลสเตอร์ ซิตี้ รายนี้โดดเด่นกับ สิงห์บลู อย่างเห็นได้ชัดเมื่อกลายเป็นหัวใจในการขัดขางไม่ให้ หงส์แดง ตั้งเกมได้อย่างถนัดถนี่ เขายังทำได้อย่างน่าประทับใจในการเติมขึ้นไปสนับสนุนเกมรุกของทีมเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการจ่ายบอลอีกด้วย

3. วันที่แนวรุกสิงห์บลูได้คำราม

ประสบการณ์ของ โอลิวิเยร์ ชิรูด์, ความว่องไวกับจมูกในการหาพื้นที่ว่างของ เปโดร และความวูบวาบของ คริสเตียน พูลิซิช กลายเป็นส่วนผสมที่กลมกล่อมในแดนหน้าของ สิงหืบลู ในวันที่พวกเขาไร้เงา เอเด็น อาซาร์ คอยแบกทีม

การประสานงานของทั้ง 3 คนทำให้เกมรุกของ เดอะบลูส์ มีความสมดุลทั้งบริเวณริมเส้นรวมถึงการเจาะตามช่องในพื้นที่ตรงกลาง พวกเขายังเตลื่อนที่สอดรับกันได้อย่างลงตัวซึ่งนับว่าเป็นสัญญาณที่ดีในฤดูกาล 2019/20 อันยาวนาน

Christian Pulisic,Joe GomezMichael Regan/GettyImages

4. เชิ้ตดำสุภาพสตรีลดดีกรีความร้อนแรงของเกม

สเตฟานี แฟร็ปปาร์ต เชิ้ตดำจาก ฝรั่งเศส ในฐานะผู้ตัดสินที่ 1 นำทีม มานูเอลลา นิโคโลซี และ มิเชลลา โอนีล ในฐานะ 2 ผู้กำกับเส้นสร้างประวัติศาตร์กลายเป็นทีมผู้ตัดสินสุภาพสตรีที่ทำหน้าที่ในเกมฟุตบอลชายในระดับเมเจอร์ทั้งหมดเป็นครั้งแรกซึ่งพวกเธอก็สามารถทำหน้าที่ได้อย่างไม่มีที่ติไม่ต่างจากเชิ้ตดำสุภาพบุรุษ

การทำหน้าที่ของพวกเธอยังทำให้เหล่านักฟุตบอลชายฉกรรจ์ดูจะลดดีกรีการแสดงออกเมื่อไม่เห็นด้วยต่อคำตัดสินลงไม่มากก็น้อย อีกทั้งยังเป็นใบเบิกทางต่อการทำหน้าที่ของกรรมการสุภาพสตรีรายอื่นในฟุตบอลชายรายการใหญ่ในอนาคต

5. สามประสาน หงส์แดง ยังหาใครมาแทนไม่ได้

การที่ทั้ง ซาลาห์ มาเน และ ฟิร์มิโน เล่นเข้าขากันเป็นอย่างดี และโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นนั้น เวลาที่ทีมขาดคนใดคนหนึ่งไป เกมรุกของ ลิเวอร์พูล จะดูลดความน่ากลัวลงไปในทันที ทั้งที่มีตัวสำรองในตำแหน่งตัวรุกอยู่ข้างสนามมากมาย แต่ไม่มีใครที่จะมาทดแทน 3 ตัวหลักของทีมได้เลย ซึ่งเรื่องนี้อาจเป็นระเบิดเวลา ที่จะส่งผลต่อฟอร์มการเล่นของทีมในระยะยาวได้ ต้องดูกันต่อไปว่า คล็อปป์ จะแก้ไขปัญหาที่ว่านี้อย่างไร

6. โกเมซ ยังหาทางที่ใช่ไม่เจอ

แม้ว่า โจ โกเมซ กองหลังดาวรุ่งของทีม เดอะ เร้ดแมชชีน รายนี้ ยังคงได้รับความไว้วางใจจาก กุนซือมาดเข้มอย่าง เจอร์เกน คล็อปป์ อยู่พอสมควร แต่เจ้าตัวยังควานหาฟอร์มเก่งของตัวเองไม่เจอเลยในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะถูกจับไปเล่นเป็น ปราการหลังตัวกลาง หรือ แบ็คขวา ก็ยังคงมีข้อผิดพลาดให้เห็นและมักจะถูกแนวรุกฝ่ายตรงข้ามใช้ประโยชน์จากจุดนั้นโจมตีใส่เกมรับของ หงส์แดง อยู่บ่อยๆ ซึ่งบางทีอาจจะต้องให้เวลากับ โกเมซ ไปสักระยะหนึ่งก่อน แต่หากยังเหมือนเดิมอยู่ เขาอาจจะต้องรับชะตามกรรมแบบเดียวกับ ลอฟเรน ก็เป็นได้

FBL-EUR-SUPERCUP-LIVERPOOL-CHELSEABULENT KILIC/GettyImages

7. แผง มิดฟิลด์ เกรดบีบวก

ทีมชั้นนำของโลกเกือบทุกทีม รวมไปถึง 6 ทีม ลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ต้องมีมิดฟิลด์อย่างน้อย 1 คนที่เรียกได้ว่าเป็นระดับเวิลด์คราสอยู่ในทีม เช่น ก็องเต้ ของ เชลซี  ป็อกบา ของ แมนฯ ยูไนเต็ด  เดอบรอยน์ ของ แมนฯ ซิตี้  อิริคเซน ของ สเปอร์ส ผู้เล่นเหล่านี้คือกองกลางเกรดเอที่สามารถเปลี่ยนโมเมนตัมของเกมได้ แต่สำหรับ ลิเวอร์พูล มี เฮนเดอร์สัน มิลเนอร์ ไวนัลดุม หรือแม้แต่ ฟาบินโญ พวกเขาเหล่านี้ไม่ใช่ตัวที่จะสามารถฟากความหวังไว้ได้ในยามที่ 3 ประสานในแดนหน้าหมดมุกในการเข้าทำ แม้ว่า สองรายหลังที่กล่าวมาจะยังพอมีทรงอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่สม่ำเสมอ ซึ่งทำให้แผงมิดฟิลด์ยังคงเป็นอีกจุดอ่อนหนึ่งของ หงส์แดง ในตอนนี้ ซึ่งเกมวันนี้ก็ชัดเจนแล้วว่ากลางของ เชลซี เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด

 

>> ลิเวอร์พูลอัดแหลกเชลซี คว้าเงินทั้งทีสมตำแหน่งแชมป์ซูเปอร์คัพ

อัลบั้มภาพ 41 ภาพ

อัลบั้มภาพ 41 ภาพ ของ เก็บตก 7 ประเด็นหลังเกม : ลิเวอร์พูลแม่นเป้าดับเชลซีเถลิงแชมป์ซูเปอร์คัพ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook