"เคที่ เทย์เลอร์" : นักชกแชมป์โลกหญิงผู้ได้สัมผัส "รอย คีน" ในด้านที่โลกไม่เคยเห็น
แม้จะเป็นชาติบ้านใกล้เรือนเคียงกับ อังกฤษ แต่สำหรับชาวไอร์แลนด์แล้ว พวกเขามีความหยิ่งผยองในตัว ซึ่งส่งผ่านมาจนเป็นคาแร็คเตอร์เฉพาะตัวที่เต็มไปด้วยความห้าวไม่กลัวใครและมีความเป็นสุภาพบุรุษสูงมากในเวลาเดียวกันไม่เว้นแม้แต่คนอย่าง รอย คีน
รอย คีน คืออดีตกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาเป็นคนที่มีบุคลิกดุดัน ขึงขัง เอาจริงเอาจัง พูดจาสามหาว ไม่กลัวใคร แน่นอนว่าเขา คือ ต้นแบบที่อธิบายถึงนิสัยคนไอริชได้ดี เจ้าของผลโหวต "กัปตันทีมที่ดีที่สุดตลอดกาล" ของพรีเมียร์ลีกรายนี้มี 2 คาแร็คเตอร์อยู่ในตัว เขาเป็นไอ้โหดเวลาทำงานไม่ว่าจะตอนเป็นนักฟุตบอล, โค้ช หรือนักวิเคราะห์ก็ตาม เรื่องนี้ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วผ่านวีรกรรมมากมายที่เขาเคยสร้าง ทว่าคุณพอนึกภาพออกบ้างหรือเปล่าว่า รอย คีน ในเวอร์ชั่น “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ” นั้นเป็นอย่างไร?
นี่คือเรื่องราวของไอ้โหดของทุกคนในวันที่หัวใจของเขาหล่อถึงขีดสุด ซึ่งถูกเล่าผ่านนักชกไอริชเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกและแชมป์โลก
จอมโหดเพื่อนไม่คบ
อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้น ภาพลักษณ์ของ รอย คีน คือไอ้โหดและเป็นชายที่ขี้โมโหที่สุดในโลกเท่าที่ใครจะนึกออก และมันมากจนบางครั้งก็ได้บดบังความสำเร็จในสนามอันมากมายของเขา
คีน นั้นมีวีรกรรมที่ค่อนไปทางพวกหัวรุนแรงให้เห็นอยู่เป็นประจำ และเมื่อเขาได้พูดในที่สาธารณะมันก็ไม่ต่างกันนัก ... วาจาของเขายังเชือดเฉือนคนอื่นได้แบบเจ็บแสบหากใครทนไม่ได้คงคับแค้นจุกอกไปเลยทีเดียว นิสัยยอมหักไม่ยอมงอของ คีน นั้นเคยฉะกับยอดกุนซือผู้ไม่เคยง้อใครในโลกอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มาแล้ว เขาทิ้งท้ายการถกเถียงกับ เฟอร์กี้ ว่า "ฟัค" และจากนั้นเขาก็ย้ายออกจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ในปี 2005
ไม่ใช่แค่ในสโมสรเท่านั้น ในนามทีมชาติไอร์แลนด์ รอย คีน ก็ยังเคยมีเรื่องกับ มิค แม็คคาร์ธี่ กุนซือของทีมจนต้องโดนไล่ออกจากแคมป์ทีมชาติมาแล้ว เพราะเขาคิดว่า มิค เป็นคนที่ไม่เก่งพอจะมาคุมผู้เล่นชุดนั้น และเขาเองก็ไม่อยากเล่นภายใต้โค้ชที่เขาคิดว่าอ่อนแอเกินไปกับตำแหน่งนี้
"มิค แกมันไอ้ปลิ้นปล้อนไม่ได้มีราคาอะไรเลย ฉันไม่นับถือแกสักเรื่องไม่ว่าจะตอนที่แกเป็นผู้เล่น แกก็ไม่ได้เรื่อง ตอนแกเป็นผู้จัดการทีมแกก็ไม่ดีพอ และในฐานะคนๆ หนึ่งแกมันก็เป็นไอ้ห่วยแตก แอ็คอาร์ตกับฟุตบอลโลกของแกไปเถอะ เหตุผลเดียวที่ฉันทำงานร่วมกับแกได้ก็เพราะแกเป็นผู้จัดการทีมประเทศของฉัน คนห่าอะไรไร้สาระสุดๆ" คีน เล่าถึงตอนที่เขาด่า มิค ในช่วงเก็บตัวฟุตบอลโลก 2002
ทุกคนที่อยู่รอบตัว รอย คีน ดูเหมือนจะโดนเขาด่าทั้งหมด ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง คีน จะต้องหาเรื่องโจมตีคนอื่นให้ได้ ดังนั้นเขาไม่น่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนสนิทที่ดีสำหรับใครๆ ได้เลยจากการแสดงออกต่อหน้าสื่อ การเกรี้ยวกราดกับทุกเรื่องเป็นเหตุผลที่ รอย คีน ไม่ค่อยได้รับการยอมรับมากนัก แม้ว่าเกียรติยศในการเป็นนักฟุตบอลจะมากมาย แต่ภาพลักษณ์ของเขาเทียบไม่ติดกับสุภาพบุรุษลูกหนังของวงการคนอื่นๆ อย่าง เดวิด เบ็คแฮม, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, สตีเว่น เจอร์ราร์ด หรือแม้แต่คนบ้านเดียวกันอย่าง ร็อบบี้ คีน
มีคำกล่าวที่ว่าหากไม่อยากให้ชีวิตหดหู่สิ้นหวังก็จงอย่าไปอยู่ใกล้กับคนที่มีพลังลบแบบนี้ อย่างไรก็ตามคนอย่าง รอย คีน กลับมีมุมลึกๆ ในฐานะมนุษย์พลังบวกของใครบางคนได้อย่างไม่น่าเชื่อ เรื่องมันเริ่มจากการถ่ายรูปกับเด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังเลือกเส้นทางว่ากำลังจะเป็นนักฟุตบอลหรือเป็นนักมวย ... และเธอคนนี้คือคนที่ได้สัมผัสรอย คีน ในมุมที่ไม่เคยมีใครได้สัมผัสมาก่อน
เคที่ เทย์เลอร์... สาวน้อยผู้โชคดี
เคที่ เทย์เลอร์ เป็นนักมวยหญิงในรุ่นไลท์เวตชาวไอริชที่มีสไตล์การชกที่รวดเร็วและดุดัน แต่ลักษณะนิสัยของเธอนั้นเป็นอะไรที่ตรงกันข้ามกับเวลาที่สวมวิญญาณนักสู้บนเวทีอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว
เธอโตมากับครอบครัวนักสู้พ่อของเธอเคยเป็นนักมวยระดับสมัครเล่น และเป็นโค้ชของเธอมาจนทุกวันนี้ ทำให้เธอเริ่มชกมวยตั้งแต่อายุ 12 ปี และยังเคยขึ้นเวทีชกตั้งแต่อายุ 15 ปี ที่สำคัญคือมันคือการชกแบบใต้ติน ที่ไม่มีสถาบันใดๆ ให้การรับรองอีกต่างหาก
"ผมเห็นเธอชกในเวทีใต้ดิน เธอเยี่ยมยอดจนทำให้ผมต้องเข้าใจการชกมวยของผู้หญิงใหม่ ผมคิดว่าเธอนี่แหละยอดนักชก อีกทั้งเมื่อออกนอกสังเวียนเธอยังเป็นเด็กหญิงที่น่ารัก และมันตรงข้ามกับตัวตนที่เธอเป็นบนเวทีเลย" เดฟ แม็คออลี่ย์ นักชกแชมป์โลกรุ่นฟลายเวต เล่าถึงสิ่งที่เขาเห็นในตัวของ เคที่ เทย์เลอร์ ตั้งแต่อายุยังเด็ก
เคที่ คือนักมวยหญิงที่เก่งจริงแบบไม่ต้องมีใครอวย นับตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมาเธอเริ่มกวาดแชมป์มากมายหลายรายการทั้งระดับประเทศและระดับทวีปยุโรป เหรียญทองที่การันตีฝีมือนั้นเรียกได้ว่ามีมากกว่า 18 เหรียญ จนกระทั่งได้กลายเป็นตัวแทนของประเทศไปแข่งขันศึกโอลิมปิกที่กรุงลอนดอนในปี 2012 มาแล้ว
ศึกโอลิมปิกในครั้งนั้นเป็นเหมือนเวทีแจ้งเกิด เธอเอาชนะ นาตาชา โจนาส จากสหราชอาณาจักรในรอบ 4 คนสุดท้ายก่อนจะเข้าไปคว่ำ มาฟซูน่า โชริเอว่า จากทาจิกิสถานในรอบชิงชนะเลิศและคว้าเหรียญทองให้กับ ไอร์แลนด์ ได้สำเร็จ ซึ่งหลังจากเดินทางกลับมายังบ้านเกิดนั้นเธอเป็นเหมือนตำนานมวยของ ไอร์แลนด์ ไปแล้ว ผู้คนมารับเธอเต็มสนามบินและพร้อมใจโบกธงชาติต้อนรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง นอกจากนี้ศิลปินวง Coddle ยังแต่งเพลงให้เธออีก 1 เพลงโดยมีชื่อเพลงว่า "Katie Taylor Ireland's Boxing Legend" ซึ่งเพลงนี้ยังขึ้นไปติดชาร์ตบิลบอร์ดของประเทศอีกด้วย
อย่างไรก็ตามเมื่อชีวิตเริ่มบินขึ้นสูง สำหรับเด็กสาวที่มีความเรียบง่ายในการใช้ชีวิต รับมือกับความกดดันไม่ค่อยเก่ง เคที่ เริ่มกลับรู้สึกว่าหลังได้เหรียญทองโอลิมปิก ชีวิตของเธอมันยากขึ้นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่ก่อนทุกครั้งที่เธอแพ้จะไม่มีใครสนใจมากมายนัก แต่หลังจากได้เหรียญทองโอลิมปิกแล้ว มีแต่คนจับตาทุกไฟต์ของเธอ ทุกครั้งที่ขึ้นเวทีทุกคนคาดหวังว่าเธอจะต้องชนะ และนั่นเริ่มเป็นช่วงเวลาที่ เคที่ เกิดอาการสับสนในตัวเอง และเมื่อเธอแพ้ขึ้นมาจริงๆ เธอรับแรงกดดันนั้นไม่ไหว จนแทบอยากจะเลิกชกมวยให้รู้แล้วรู้รอด แม้จะมีหลายปัจจัยที่เธอผ่านชีวิตคนดังผู้ยากลำบากได้ แต่ รอย คีน คือคนที่เธอยกให้เป็นบุคคลที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมและความสำเร็จกับเธอมากที่สุด
สายโทรศัพท์เปลี่ยนชีวิต
โอลิมปิก 4 ปีต่อมาที่ริโอ เดอ จาเนโร ในปี 2016 เคที่ ยังคงเป็นตัวเต็งที่จะคว้าเหรียญทองในรุ่นฟลายเวต ทว่าเมื่อเอาเข้าจริงเธอกลับตกรอบ 8 คนสุดท้าย พลาดเหรียญรางวัลอย่างสุดเหลือเชื่อ ด้วยการแพ้ให้กับนักชกโนเนมจากฟินแลนด์อย่าง มิรา พอทโคเน่น และแน่นอนว่าการแพ้ในครั้งนี้ทำให้คน ไอริช ที่เคยโบกธงรับเธอในวันที่คว้าเหรียญทอง เริ่มมองเธอในฐานะนักมวยที่ไม่ฟิตและไม่เก่งเหมือนเก่า คำวิจารณ์ต่างๆ ตามมาตามประสาของโลกไซเบอร์ ซึ่งถ้อยคำเหล่านั้นทำร้าย เคที่ อย่างจัง
เธอ เป็นคนที่ตั้งกฎกับตัวเองว่าเธอจะไม่ให้เบอร์โทรศัพท์ของเธอกับใคร และไม่ชอบคุยกับใครเป็นการส่วนตัวหลังจากการชกแต่ละไฟต์ ไม่ว่าจะเป็นนักข่าวหรือคนในครอบครัวก็ตามถ้าโทรมาหลังจากที่เธอขึ้นชก เธอจะไม่รับสายนั้นเป็นอันขาด แต่หลังจากแพ้ตกรอบ 8 คนสุดท้ายครั้งนั้นเธอก็เลือกจะแหกกฎของตัวเองด้วยการรับสายจาก รอย คีน .... ชายที่ใครๆ ต่างมองว่าชีวิตนี้ให้กำลังใจใครไม่เป็น
"หลังจากที่แพ้ในโอลิมปิก สายแรกที่โทรเข้ามาหาฉันคือ รอย คีน เขาโทรมาเพื่อบอกว่า "จงเชิดหน้าเข้าไว้" เขาเป็นคนที่มีพลังบวกมากกว่าที่ใครคิด การได้คุยกับเขาในวันนั้นทำให้ฉันมี่พลังมากขึ้นจริงๆ" เคที่ เริ่มเล่าเหตุการณ์เมื่อ 3 ปีก่อน
จริงๆ แล้ว เคที่ เคยเป็นนักฟุตบอลระดับทีมชาติไอร์แลนด์ชุดใหญ่พร้อมๆ กับการชกมวยสากลสมัครเล่น โดยลงสนามให้ทีมยักษ์เขียวไป 11 นัดระหว่างปี 2006-09 ซึ่งแน่นอน คีน เป็นแรงบันดาลใจมาตั้งแต่เด็กทำให้เธอเห็นในสิ่งที่คนอื่นๆ ไม่เคยเห็นในตัว คีน มาก่อน และตัวของ คีน เองก็มีส่วนอย่างมากที่ทำให้ เคที่ เลือกเส้นทางนักมวยและมาได้ไกลถึงเหรียญทองโอลิมปิก
"พวกเขามีบางสิ่งที่พวกคุณไม่เคยเห็น เขามีจิตใจดีนะ และเขาแค่ไม่ชอบดูเป็นพระเอกในสายตาใคร แต่ความดีในหัวใจของเขานี่ประเสริฐเลยล่ะ" เคที่ กล่าว
คีน กับ เคที่ นั้นได้พบกันครั้งแรกในตอนที่เธอยังเป็นนักฟุตบอลหญิงดีกรีทีมชาติ ไอร์แลนด์ เธอเล่าให้ คีน ฟังว่าเส้นทางลูกหนักของเขามีอิทธิพลของเธอขนาดไหน และคาแร็คเตอร์ของเขา คือ สิ่งที่เธอพยายามเลียนแบบมาโดยตลอดนั่นคือ ไม่กลัวใคร, ไม่กลัวความจริง และ พยายามท้าทายตัวเองแบบไม่หยุดยั้ง
สิ่งที่ เคที่ ได้จากคีน คือ คำแนะนำที่ไม่น่าเชื่อว่าจะได้จากคนๆ นี้ เมื่อ คีน เป็นคนบอกกับเธอตรงๆ ว่าเลิกเล่นฟุตบอลซะ และเอาดีกับการชกมวยดีกว่า
"เราได้พูดคุยกัน เขาบอกกับฉันว่าอย่าจริงจังกับอะไรมากเกินไปจนลืมที่จะสนุกกับการทำสิ่งๆ นั้น เขาย้ำให้ชัดเจนว่าความสนุกในการเล่นคือสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก"
คีน มองออกว่าอะไรกันแน่ที่เหมาะกับเธอที่สุด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทั้ง 2 คนมีความเหมือนกันอยู่พอสมควรตรงที่เล่นฟุตบอลบอล และชกมวย คีน เองก็มีพื้นฐานการเป็นนักมวยมาก่อนเหมือนกัน เขามั่นใจว่า เคที่ จะเป็นนักมวยที่เก่งกาจและประสบความสำเร็จได้ แม้แต่ในวันที่ เธอ แพ้ไฟต์ป้องกันเหรียญทองที่ ริโอ คีนก็ยังเป็นคนที่ฉุดเธอขึ้นมาให้สู้อีกครั้ง
จากที่เธอเคยคิดจะเลิกชกมวยหลังจากพลาดเหรียญทองในโอลิมปิกที่ ริโอ การได้คุยกับ รอย คีน ครั้งนั้นทำให้ เคที่ เทย์เลอร์ มองหาความท้าทายใหม่ด้วยการหันมากชกมวยสากลอาชีพและเธอก็ทำมันได้ดีเสียด้วย เพราะนับตั้งแต่เริ่มเทิร์นโปรในปี 2016 จนถึงทุกวันนี้ผ่านมาแล้วถึง 14 ไฟต์ที่เธอไม่เคยแพ้ใครเลยทำสถิติ ชนะ 14 เสมอ 0 แพ้ 0 และเป็นการชนะแบบน็อคเอาต์ 5 ครั้ง ที่สำคัญคือปัจจุบันเธอถือเข็มขัดแชมป์โลกหญิงรุ่นฟลายเวตถึง 4 เส้นจากสถาบัน WBA, IBF, WBO และ WBC ซึ่งเป็นสถาบันหลักครบทั้งหมด
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ เคที่ เทย์เลอร์ พูดถึง รอย คีน ในแง่มุมที่หลายคนไม่เคยเห็นนั้นกลับไม่เคยถูก คีน ตอบกลับผ่านหน้าสื่อเลยแม้แต่ครั้งเดียว ดูเหมือนว่า รอย คีน จะไม่ได้สนเรื่องที่ว่าใครจะมองหรือตัดสินเขาแบบไหน ... ทว่าอย่างน้อยๆ เรื่องนี้เราก็ทำให้รู้ว่า รอย คีน ไม่ได้ด่าคนอื่นเป็นอย่างเดียวเท่านั้น ทว่าคำพูดและคำแนะนำของเขานั้นได้ทำให้ ไอร์แลนด์ มีแชมป์มวยหญิงที่ดีที่สุดแห่งยุค แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยอยากรับความดีความชอบนี้ก็ตาม
อัลบั้มภาพ 7 ภาพ