เลิกเถอะเดี๋ยวตายฟรี : "ดีกิ้น" นักชกที่แพ้จนสมาคมมวยต้องยึดใบอนุญาต
ต่อยมวยอาชีพมา 12 ปี แต่ขึ้นเวทีเมื่อไรเป็นอันต้องแพ้ทุกครั้ง จนสมาคมมวยแห่งสหราชอาณาจักรบอกกับเขาว่า "เลิกเถอะ"... คำสั้นๆ 2 คำ ไม่สามารถหยุด โรบิน ดีกิ้น "นักมวยที่ห่วยที่สุดในสหราชอาณาจักร" จนสุดท้ายพวกเขาต้องใช้ไม้แข็งด้วยการยึดใบอนุญาตชกมวยของเขาเสีย
นี่คือเรื่องราวของนักมวยอาชีพที่ถูกขนานนามว่า "ห่วยที่สุดในสหราชอาณาจักร" ทุกครั้งที่เขาขึ้นเวที คนดูจะหัวเราะและบอกว่า "จับตาให้ดี วันนี้เขาจะโดนน็อกในยกที่เท่าไหร่"... สุดท้ายเขาจะชนะได้สักครั้งหรือเปล่า? ติดตามได้ที่นี่
ความแตกต่าง
"แค่ผมลืมตาดูโลก ผมก็เกิดมาแตกต่างแล้ว นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมคาแร็คเตอร์ของผมจึงไม่เหมือนคนอื่น" โรบิน ดีกิ้น อธิบายถึงสิ่งที่เขาเป็นว่ามันยากขนาดไหนในวันที่เขาเกิดมา
จริงอย่างที่เขาว่า ดีกิ้นเกิดมาพร้อมกับสัญชาตญาณแห่งการเอาตัวรอดตั้งแต่ยังเด็ก ตอนเกิดเขาเป็นโรคพิการที่เท้า ซึ่งต้องใช้เวลารักษานานมาก เด็กคนอื่นๆ เดินได้ในช่วง 1 ขวบ แต่สำหรับดีกิ้น กว่าที่เขาจะย่างก้าวแรกด้วยลำแข้งของตัวเอง เขาต้องรอจนถึงอายุ 6 ขวบเลยทีเดียว และเขาก็ไม่ใช่คนที่เรียนเก่งอะไร เพราะต้องใช้เวลาไปกับการผ่าตัดและพักฟื้นสำหรับเท้าทั้งสองข้างของเขาอยู่เรื่อย จนสุดท้ายก็เลิกหวังกับการเรียน และลาออกตั้งแต่อายุ 14 ปีเท่านั้น
นั่นอาจจะดูแย่ แต่สำหรับเจ้าตัวไม่ได้คิดอย่างนั้น เขาบอกว่าดีแล้วที่ผ่าตัด เพราะเขาอยากจะสู้ แทนที่จะยอมแพ้เพราะคิดว่าเอาเวลาไปเรียนหนังสือจะดีกว่าการเสี่ยงในการรักษาเพื่อให้เขากลับมามีชีวิตในแบบที่อยากเห็น
เขาไม่ได้เข้าเรียนระดับไฮสคูล แต่เลือกที่จะเป็นนักมวยแทน แม้เท้าทั้งสองข้างจะไม่แข็งแรง แต่ดีกิ้นบอกว่ากีฬาคือบ่อเกิดแห่งความมั่นใจของเขา แม้ว่าเขาจะด้อยด้วยกายภาพ แต่เขาเชื่อว่าการฝึกหนักจะทดแทนสิ่งที่เขามีไม่เท่าคนอื่นได้
ดีกิ้นเดินหน้าไปหาใบสมัครเพื่อเป็นนักมวยสมัครเล่นต่อยระดับท้องถิ่น ราคาค่าตัวของเขาถูกแสนถูก เจ้าตัวบอกว่าต่อยไฟต์เดียวค่าตัวของเขาแลกกับอาหารได้เพียง 1 มื้อเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงต้องทำงานอื่นควบคู่ไปด้วย นั่นคือ พนักงานตกแต่งชิ้นส่วนไก่สด... กิจวัตรของดีกิ้นคือตื่นเช้ามาเข้าโรงงานพร้อมกับมีดประจำกาย 1 เล่ม เพื่อแยกไก่ 1 ตัวออกเป็นส่วนๆ อก, น่อง, สะโพก และปีก คืองานถนัดของเขา จากนั้นหลังเลิกงานต่อบ่าย 2 เขาจะรีบปั่นจักรยานไปโรงยิมและเริ่มฟิตซ้อมร่างกาย รวมถึงทักษะที่จำเป็นต่อการชกมวย เพื่อวิ่งตามอีกส่วนหนึ่งที่เป็นความหมายของชีวิต
ตอนเป็นนักมวยสมัครเล่น สถิติของเขาก็ใช่ว่าจะเก่งกาจอะไรนัก โดยเขาขึ้นชกในย่านเอสเซ็กส์ ทางตะวันออกของลอนดอน และมีสถิติชนะ 40 ครั้ง จากการขึ้นเวที 75 ครั้ง ด้วยสถิติดังกล่าว หากเขาจะมองมวยเป็นกีฬาสำหรับเวลาว่างคงจะเหมาะกว่าการเอาดีทางการเป็นนักชกอาชีพได้ ทว่าสำหรับดีกิ้น ความทะเยอทะยานยังฝังใจ ยิ่งชกก็ยิ่งเลิกไม่ได้ ดังนั้นเขาเลยตัดสินใจไปเทิร์นโปรให้รู้แล้วรู้รอด
"ผมต้องผ่านการทดสอบทางการแพทย์ เช่นเดียวกับนักมวยอาชีพคนอื่นๆ ดังนั้นผมต้องจัดชีวิตให้มีระเบียบ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะผ่านหรือเปล่าหากว่าวัดโดยรวม ผมแค่บอกตัวเองว่า 'เอาวะ ลองทุ่มกับมันให้สุดตัวดูสักที' แค่นี้ก็น่าจะโอเคแล้วล่ะ" ดีกิ้นเล่าถึงช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิต ด้วยการเข้าไปเป็นนักมวยในรุ่นไลท์เวท
ข่าวดีคือ เขาสอบใบอนุญาตผ่าน และมีคิวจะขึ้นชกกับนักมวยที่ชื่อ ฌอน วอลตัน ในยอร์คฮอลล์ ช่วงปี 2006 ดีกิ้นเริ่มไปซ้อมกับ ไมเคิ่ล เจนนิ่งส์ อดีตนักชกแชมป์ประเทศอังกฤษและสมาคมมวย WBU ที่เปิดโรงยิมของตัวเองที่ชื่อว่า "เจนนิ่งส์ ยิม" ดีกิ้นได้วิชามาจนมั่นใจ จนขึ้นชกไฟต์แรกและเริ่มต้นได้อย่างสวยงามด้วยการชนะคะแนน... ดูเหมือนว่าความพยายามจะไม่ทำร้ายใคร และดีกิ้นก็มองไกลไปถึงไหนต่อไหนแล้วในเวลานั้น
หลังจากนี้คือของจริง
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาดูสักหน่อย จะพบว่าชัยชนะในไฟต์แรกของดีกิ้นเป็นเพียงภาพลวงตา เพราะ ฌอน วอลตัน คือนักชกระดับ "บันได" ของประเทศเลยทีเดียว ส่วนใหญ่ขึ้นชกทีไรแพ้ตลอด โดยตลอดการชกอาชีพนั้นแพ้ไปถึง 47 ครั้ง เอาล่ะ อย่างน้อยๆ มันก็เป็นการเปิดหัวที่ดีของเขาอยู่ดี
ไฟต์ที่ 2 ตามมาในอีก 4 เดือนให้หลัง โดยเขาเริ่มเจอกับนักมวยต่างชาติอย่าง เอดูอาร์ด เคราคลิส และหายนะก็เริ่มหลังจากนี้ ภาพที่แฟนมวยในสหราชอาณาจักรเห็นประจำคือ ดีกิ้นโดนชกล้มจนหัวกลิ้งหัวคะมำ จากสถิติชก 2 ชนะ 1 แพ้ 1 กลับกลายเป็นการเพิ่มสถิติมหาห่วยขึ้นเรื่อยๆ เผลอแวบ เขาก็ไม่ชนะใครเลยมาเป็นเวลาถึง 4 ปีเต็ม และโดนน็อกไปถึง 8 ครั้ง อะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้นน่ะหรือ? แน่นอน เขากลายเป็นตัวตลกไปเรียบร้อยแล้ว คนดูกระซิบกระซาบกันถึงสถิติที่น่าขายหน้า ถ้าเขาโดนหมัดจ้วงใส่หน้า คนดูจะปรบมือชอบใจ จนมันกลายเป็นสิ่งที่ติดตัวเขาไปโดยตลอด มันคือเรื่องน่าอายสำหรับนักมวยคนหนึ่งที่ถูกมองว่าจะพยายามไปเพื่ออะไรก้าวขึ้นไปบนเวทีก็แพ้อยู่ดี?... การเป็นตัวตลกนั้นดูจะเป็นฝันร้ายของนักกีฬาทุกชนิด หากใจไม่แข็งพอ โดนแบบนี้ไม่แคล้วคงต้องแขวนนวมไปให้รู้แล้วรู้รอด...
สำหรับดีกิ้น แค่นี้เขาคิดว่ามันแค่เรื่องขี้ผง ไม่รู้ว่าเขาเข้าข้างตัวเองเกินไปหรือเปล่า แต่เขายังมั่นใจว่าสถิติที่โลกเห็น ไม่ได้สะท้อนถึงความฝีมือที่แท้จริงเขาเลยแม้แต่น้อย และหากจะให้เขาเลิกคำตอบก็คือ "ไม่มีวัน"
"สถิติของผมไม่ได้สะท้อนความสามารถที่แท้จริงของผมเลย ผมคิดแบบนั้น มีหลายไฟต์ที่ผมสมควรจะชนะ แต่สุดท้ายการตัดสินก็น่าเจ็บใจ ผมรู้แหละว่าผู้คนคาดหวังว่าจะเห็นผมแพ้ มันเป็นแบบนั้นจริง แต่คุณวางเดิมพันได้เลยว่าผมได้พยายามอย่างสุดความสามารถทุกครั้งที่ผมเดินขึ้นบนเวที แม้สถิติของผมจะห่วย แต่สิ่งที่ผมรู้คือทั้งหมด นั่นแหละ สิ่งที่ผมมีชีวิตอยู่เพื่อมัน" เขาบอกถึงสิ่งที่เขาเชื่อ แม้ว่าความจริงมันจะสวนทางกับสิ่งที่เขาคิด เพราะเว็บไซต์ Boxrec ที่บันทึกสถิตินักมวยจากทั่วโลกชี้ชัดว่า เขาคือนักชกที่ห่วยเป็นเบอร์ต้นๆของโลก และเป็นหมายเลข 1 แห่งสหราชอาณาจักร
ดีกิ้นขยันขึ้นเวทีเพื่อหาชัยชนะหนแรกให้เจอ แต่ยิ่งพยายามกลับยิ่งห่างไกล สำหรับนักมวยระดับแชมป์โลก ต่อย 1 ไฟต์ใน 1 ปี ก็ร่ำรวยจนอยู่ได้สบายๆ แต่สำหรับเขา ดีกิ้นจำเป็นจะต้องเพิ่มไฟต์เพื่อเอาค่าตัวเพิ่มด้วย การเป็นจอมขี้แพ้ของเขากลับกลายเป็นจุดขาย คนดูชอบที่จะเห็นเขาโดนชก มันให้บรรยากาศเหมือนกับการดูหนังสักเรื่องที่ถึงแม้เดาตอนจบได้ แต่รายละเอียดระหว่างไฟต์ก็ยังสนุกน่าติดตามอยู่ดี
"เมื่อเริ่มชก คนดูไม่ได้สนสิ่งที่ดีในตัวผมหรอก คุณคิดดูแล้วกัน นักมวยระดับโลกอย่าง อาเมียร์ ข่าน ปีนึงเขาต่อยแค่ไฟต์เดียว แต่ผมเนี่ยต่อยตั้ง 19 ครั้งใน 24 สัปดาห์ คุณคิดว่ายังไงล่ะ?" ดีกิ้นเล่าถึงความบ้าดีเดือดของเขา
สาเหตุที่เขาขึ้นชกเยอะ นอกจากจะเรื่องค่าตัวและอยากพัฒนาฝีมือตัวเองแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะเขาเป็นคนที่ชอบหาเรื่องให้ตัวเอง ไฟต์ใดก็ตามที่มีนักชกถอนตัว ดีกิ้นจะรีบบอกฝ่ายจัดว่า "ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมชกแทนเอง" ครั้งหนึ่งเขาเคยรู้ข่าวว่าต้องเป็นมวยแทนในเวลาแค่ 7 ชั่วโมงก่อนขึ้นชก เขารีบแพ็คของแล้วขึ้นรถไฟไปยังสนามทันทีจนแทบไม่มีเวลาได้ฟิตร่างกายอะไรเลย ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่นักมวยคนนี้ต่อยทีไรแพ้ทุกครั้งไป...
คุณแพ้เยอะเกินไปแล้ว
49 ไฟต์ติดต่อกันเข้าให้แล้ว และผ่านเวลามาถึง 6 ปีเต็มๆที่เขาไม่เคยชนะใคร แม้เจ้าตัวจะมั่นใจว่าตัวเองเก่งกว่าสถิติ แต่คนบางกลุ่มไม่คิดแบบนั้น ในปี 2012 หน่วยงานที่กำกับและดูแลการชกมวยในสหราชอาณาจักรอย่าง British Boxing Board of Control (BBBofC) เรียกประชุมกรรมการกันแบบเร่งด่วน ด้วยหัวข้อที่ว่า "โรบิน ดีกิ้น ควรจะเลิกชกมวยได้หรือยัง?"
คณะกรรมการหยิบยกเอาปัญหาเรื่องสุขภาพของเขามาพูดคุย โดยคิดว่าหากเขายังกินหมัดแทนข้าวแบบนี้ในทุกๆไฟต์ ดูแล้วอาจจะมีการตายคาสังเวียน หรืออาจจะส่งผลถึงสุขภาพจนถึงขั้นเสียชีวิต หรือไม่ก็พิกลพิการไปเลยก็ได้
"น่าเศร้าจริงๆ โรบินเป็นชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยมมาก ทุกคนชอบเขา และเขาก็บ้ามวยเข้าเส้น แต่เรารู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่เขาควรจะหยุดสักที" โรเบิร์ต สมิธ โฆษกของสมาคมกล่าวก่อนจะทิ้งท้ายว่า
"สิ่งที่เราจะประกาศในวันนี้คือ โรบิน "ร็อคกิ้ง" ดีกิ้น ไม่มีใบอนุญาตขึ้นชกในอังกฤษอีกแล้ว เราถอนใบอนุญาตของเขาเพื่อผลประโยชน์ต่อตัวเขาเอง ต่อจากนี้ไปเขาจะไม่เกี่ยวข้องกับ BBBofC อีกแล้ว" โรเบิร์ต สมิธ โฆษกของสมาคมกล่าว ก่อนจะทิ้งทุ่นราวกับว่า ไม่ตายก็ดีแล้ว เลิกเป็นนักมวยคือหนทางที่ดีที่สุดต่อทุกฝ่าย
เรื่องดังกล่าวทำให้ดีกิ้นฉุนมาก เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนอื่นจึงเดือดร้อนกับการที่เขาพ่ายแพ้เป็นประจำมากมายขนาดนี้ เขาพยายามยื่นอุทธรณ์กับ BBBC อยู่หลายหนตามที่โฆษกได้ประกาศไว้ว่าสามารถทำเรื่องของกลับมาชกใหม่ได้ แต่ความจริงคือ ประตูสำหรับการคัมแบ็กของเขาปิดลงไปแล้ว การพูดเปิดช่องของ BBBC มีขึ้นเพื่อหาทางลงดีๆให้กับดีกิ้นเท่านั้นเอง เพียงแต่ว่าเขากลับไม่ยอมง่ายๆ นี่มันคือการผิดแผนอย่างแท้จริง
ดีกิ้นกลับไปทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดการเป็นนักชกอาชีพ ว่าเขาควรจะทำอย่างไรต่อไป แต่เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต มันยิ่งเป็นยาบำรุงกำลังใจที่ทำให้เขาอยากจะกลับมาชกอีก เขายังมั่นใจว่าเขาไม่ใช่คนกระจอกที่ต่อยเมื่อไหร่แพ้เมื่อนั้นอย่างที่ใครเข้าใจ เขาอาจจะรู้ว่าชีวิตนี้คงไม่มีทางไปถึงแชมป์ได้แน่ แต่ก็ทำใจเลิกชกมวยไม่ได้จริงๆ เพราะมันคือความสุขเดียวของเขา เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาเกิดไอเดียด้วยการเดินทางขึ้นเหนือไปประเทศเยอรมนี เพื่อสอบขอใบอนุญาตการชกมวยของที่นั่นแทน และเมื่อทำเรื่องเอกสารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดีกิ้นก็พร้อมที่จะกลับมายังประเทศอังกฤษอีกครั้งเพื่อพิสูจน์ว่าคนอื่นคิดผิด
"ผมชกมวยมาแล้วตั้ง 21 ปี ผมจะหยิบมันขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้ง ผมจำได้ตอนที่ผมฝึกมันเพื่อให้ขาของผมแข็งแรงขึ้น ตอนนั้นมีคนมากมายให้กำลังใจและภาคภูมิใจในการต่อสู้ของผม ผมว่าผมยังสามารถทำให้ทุกคนภูมิใจในตัวผมได้อีกครั้ง… ผมจะคัมแบ็กสู่การชกมวยอีกครั้งและกลับมาอยู่กับสิ่งที่ผมฝันต่อไป"
พวกคุณคิดผิด!
การคัมแบ็กสู่เวทีมีขึ้นในช่วงปลายปี 2013 แต่ดีกิ้นก็ยังคงสะกดคำว่าชนะไม่เป็นเช่นเคย เขาแพ้ไฟต์ที่ 50 ให้กับ อันโตนิโอ คูนิฮาน ที่เพิ่งจะเดบิวต์เป็นไฟต์แรก ก่อนต่อด้วยไฟต์ที่ 51 ซึ่งช่วยให้ เดเมี่ยน ลอนิคแซค ที่แพ้มา 11 ไฟต์รวดพบกับชัยชนะครั้งแรกในชีวิต เวลาล่วงเลยเข้าสู่ปี 2015 คราวนี้เขาต้องพบกัน เดนิส คาร์นิลอฟ จากมอลตา ที่ยอร์คฮอลล์ สังเวียนที่มอบชัยชนะให้เขาเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในปี 2006 นี่คือนิมิตหมายอันดี เขาหวังว่ามันจะทำให้เขาพบชัยชนะอีกครั้ง
"ผู้คนตลกให้กับท่าเดินแปลกๆของผมตอนเดินขึ้นเวที แต่ผมจะสู้ในสไตล์ของผม ผมเอาหลังพิงเชือกและคิดว่า อะไรกันที่ทำให้ผมมาอยู่บนเวที? คำตอบก็คือขาของผมเองนี่แหละ" ดีกิ้นว่าเช่นนั้นก่อนเขาจะออกไปถลุง คาร์นิลอฟ อย่างเซอร์ไพรส์แฟนๆ จริงอยู่นักชกจากมอลตาไม่ได้เก่งอะไรหรอก แต่การที่ดีกิ้นเดินไล่ชกจนหลังของคู่แข่งพิงเชือก มันคือสิ่งที่แฟนๆไม่ได้เห็นมานานหลายปีแล้ว และสุดท้ายก็เอาชนะคะแนนได้ เป็นอันสิ้นสุดการรอคอยชัยชนะในรอบ 9 ปี นับตั้งแต่วันที่เทิร์นโปร สถิติแพ้รวดของ โรบิน ดีกิ้น หยุดลงแค่ 51 ไฟต์
ดีกิ้นหันไปมองแฟนๆที่ดีใจโห่ร้องให้กับเขา มันเหมือนกับการเชียร์มวยรองที่ไม่มีทางชนะแล้วสามารถหักปากกาเซียนเลยทีเดียว เขาจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่มีคนยกย่องให้กับการชกของเขามันนานแค่ไหน นี่คือภาพที่เขารอคอยมาตลอดเวลาอันแสนนาน
"ครับ… เอ่อ... ผมประหม่านิดหน่อยนะ นี่ก็ผ่านมาแล้วตั้ง 9 ปี จากวันที่ผมได้รับการชูมือเมื่อสิ้นสุดเสียงระฆังครั้งสุดท้าย… ผมสะดุดและผิดหวังมาเยอะกับอาชีพชกมวยของผม แต่วันนี้มันแตกต่างออกไป ผมว่าผมทำทุกอย่างได้ถูกต้องมาก ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารที่ถูกหลัก การลดน้ำหนักที่จำเป็น ผมรู้สึกดีอย่างประหลาดในการชกครั้งนี้ พูดตรงๆ ก่อนชกผมมั่นใจว่าผมจะชนะเขาได้… คนดูมากันตั้งเยอะ แฟนๆของผมมากันตั้ง 175 คน วันนี้พวกเขาได้รับการเอ็นเตอร์เทนจากผมไปเรียบร้อยแล้ว" ชัยชนะที่คนทั้งโลกไม่จำ กลับกลายเป็นดอกไม้แห่งความสำเร็จที่เบ่งบานสำหรับดีกิ้น เขาทำสำเร็จแล้ว
"บางทีโชคชะตาของผมกำลังจะเปลี่ยนไป BBBofC เคยบอกว่าจะไม่คืนใบอนุญาตให้กับผมหากสถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่ตอนนี้พวกเขาจะว่าไงล่ะ? ผมชนะแล้วนะ" เขากวนประสาท BBBC ไปอย่างั้นเอง เพราะแท้จริงแล้วเขามีแผนในชีวิตเรียบร้อยแล้วหลังจากชัยชนะที่ทำให้เขาเป็นคนใหม่
สมควรแก่เวลา
"นักมวยที่ห่วยที่สุดในสหราชอาณาจักรประกาศแขวนนวมแล้ว หลังจากชนะครั้งแรกในรอบ 9 ปี" เดอะ มิร์เรอร์ ตีข่าวของ โรบิน ดีกิ้น ที่ประกาศเลิกชกมวยในปี 2018 สร้างความงุนงงให้กับแฟนๆ เพราะหลายคนคิดว่าชัยชนะจะเป็นจุดเปลี่ยนและจุดเริ่มต้นของยอดนัก(ใจ)สู้จากเอสเซ็กส์ แต่จริงแล้วมันคือบทสรุปสำหรับชีวิตบนสังเวียนผ้าใบของเขาต่างหาก โดยหลังจากนั้นในปี 2017 เขาชกอีก 2 ไฟต์ แล้วก็แพ้เรียบ ปิดฉากชีวิตบนสังเวียนเพียงเท่านี้
จุดเปลี่ยนก็คือ หลังจากที่ดีกิ้นแพ้ไฟต์ที่ 53 ในชีวิตต่อ ดีเอโก้ บัลติเอร์ร่า ที่สเปนเมื่อเดือนกรกฎาคม 2017 นั้น เขาเหลือเงินติดตัวแค่ 600 ยูโร และไม่มีบ้านอยู่ จนต้องไปอาศัยโซฟาบ้านเพื่อนนอน ช่วงนั้นเอง ดีกิ้นได้รู้จักกับ ซิเนด โอ'โดน็อกห์ นักสงคมสงเคราะห์ที่อายุน้อยกว่าถึง 7 ปี และเขาก็สนิทกับเธอได้อย่างรวดเร็ว จนฝ่ายหญิงชวนให้ไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน
หลังจากนั้นเอง เขาก็รู้แล้วว่า บางครั้งชีวิตก็ต้องอยู่กับความจริงให้ได้ ซิเนดบอกกับดีกิ้นว่าเขาอายุ 31 ปีแล้ว และควรคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้ดีๆอีกครั้ง ทั้งสองคนตกลงจะสร้างครอบครัว และการที่ดีกิ้นยังมุทะลุออกไปให้โดนหมัดชกเหมือนหนุ่ม อาจจะสร้างหายนะให้กับทั้งคู่ก็ได้หากมีอะไรพลาดพลั้งขึ้นมา
"ผมเคยบอกว่า ผมอยากจะใช้ชีวิตแบบสุดเหวี่ยง ตายเป็นตาย และอายุยืนแก่เฒ่าอะไรประมาณนั้น... แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วนะ ผมพบกับซิเนดเมื่อ 1 ปีก่อน หลังจากนั้นผมเกิดกลัวความตายขึ้นมา และไม่อยากนอนพิการในวัยชรา ผมว่าผมอยากมีครอบครัว"
ดีกิ้นเล่าว่า ก่อนหน้านี้เขาทำงานในร้านขายไก่และเนื้อวันละหลายชั่วโมง ภาพที่เขามองตัวเองคือนักผจญภัยที่เสี่ยงตายกับอาการบาดเจ็บ แถมเงินที่ได้จากการชกมวยก็น้อยมาก จนกระทั่งเขาเริ่มหาจุดขายให้ตัวเองได้ภายใต้ชื่อ "นักชกจอมห่วย" เขาก็พอมีรายได้มากขึ้น แต่มันก็ไม่เพียงพออยู่ดี เขายังต้องทำงานที่ร้านขายเนื้อวันละ 15 ชั่วโมงเพื่อเอาเงินมาจ่ายค่าเข้าโรงยิมในช่วงสุดสัปดาห์
"จริงๆผมชอบที่จะเอ็นเตอร์เทนคนอื่น แต่ผมก็ต้องหาเงินเลี้ยงตัวเองด้วย ผมรักมวยไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแค่คงไม่ขึ้นไปชกบนเวทีอีกแล้ว การโดนแซวว่าไอ้ห่วย ไม่ได้รบกวนหัวใจผมแต่อย่างใด แต่ผมกลัวว่าสักวันอาจจะได้รับบาดเจ็บพิกลพิการไป ดังนั้นผมว่าผมควรจะเลิกดีกว่านะ อย่างน้อยตอนนี้ผมก็มีสถิติชกอาชีพดีกว่า คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ ก็แล้วกัน (ชก 1 ไฟต์ และแพ้ให้ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์)" ดีกิ้นกล่าวอย่างอารมณ์ดี
มวยให้อะไรหลายอย่างกับเขา มันทำให้เขาเดินได้ ทำให้เขาชกกับไอ้พวกอันธพาลที่ชอบรังแกเขาเพราะเห็นท่าเดินที่แปลกประหลาด และสุดท้ายมันให้ชื่อเสียงกับเขา การเป็นไอ้ขี้แพ้ คือจุดขายที่เขาเองภูมิใจกับมันมาก เพราะจากเด็กที่เดินไม่ได้ ผ่าตัดมากว่า 20 รอบ แค่นี้ก็พอถือว่ายิ่งใหญ่มากแล้ว
"รู้สึกเสียใจกับการเลือกเป็นนักมวยไหมน่ะเหรอ?… ไม่หรอก ผมทำในสิ่งที่ตัวเองต้องทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมเดินขึ้นเวทีแล้วก็ชกคนบางคนลงไปกอง และคว้าชัยชนะเพื่อแลกกับเงินค่าตัว แค่นี้ก็ดีน่าดีใจแล้ว สิ่งที่เสียดายมีอย่างเดียวคือ ถ้าผมได้ฝึกจริงๆจังๆ ผมอาจจะเป็นแชมป์ของอังกฤษก็ได้ ใครจะไปรู้" ดีกิ้นกล่าวทิ้งท้าย
อัลบั้มภาพ 9 ภาพ