จิบเดียวก็ซึ้งแมน : เมื่อ "โรนัลดินโญ่" เงินหาย 70 ล้านเพราะความ "คอแห้ง"

จิบเดียวก็ซึ้งแมน : เมื่อ "โรนัลดินโญ่" เงินหาย 70 ล้านเพราะความ "คอแห้ง"

จิบเดียวก็ซึ้งแมน : เมื่อ "โรนัลดินโญ่" เงินหาย 70 ล้านเพราะความ "คอแห้ง"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ชีวิตมนุษย์นั้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมากกว่าการดำรงชีวิตเพื่ออยู่รอด ง่วงก็นอน, หนาวก็ห่มผ้า และ หิวก็กิน มันก็ง่ายๆเท่านี้เอง

อย่างไรก็ตามเมื่อมันมีคำว่ากิเลสเข้ามาปะปนโลกนี้มันจึงอยู่ยากขึ้นเรื่อยๆ... ไอ้ตาสีตาสาอย่างเราไม่เท่าไรยังมีพื้นที่ขยับกายหายใจได้ตามใจชอบ แต่สำหรับคนดังนั้นชีวิตของพวกเขาไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

 

และนี่คือเรื่องราวความอยู่ยากสำหรับชีวิตของ โรนัลดินโญ่ ศิลปินลูกหนังอันดับ 1 ของโลกในวันที่เขาเป็นนักเตะอยู่ เพราะแค่เขาคิดจะจิบน้ำ เงินก็หายไปจากกระเป๋าเขาตั้งเกือบ 100 ล้านบาท!

นักเตะที่ "ทั้งโลกรักและเกลียดไม่ลง"

ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ยังค้าแข้งอยู่หรือแม้แต่ตอนนี้ โรนัลดินโญ่ คือต้นแบบของคนไม่หล่อแต่มีเสน่ห์อย่างแท้จริง เด็กหนุ่มชาวบราซิเลี่ยนเติบโตมากับชีวิตที่บ้าฟุตบอลเพราะเล่นมาตามพี่ชาย แต่ที่พิเศษกว่าคือเขาดันพกพรสวรรค์ติดตัวมาด้วย แถมจำนวนพรสวรรค์ที่พระเจ้าของเขามอบให้ก็ไม่ธรรมดาจนดูเหมือนว่าพระเจ้าลำเอียงเลยทีเดียว

 1

คำพูดข้างต้นไม่กล่าวเกินจริง ไม่ว่าใครที่เคยได้สัมผัสตัวตนของ โรนัลดินโญ่ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมทีมทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องหรือไม่ก็โค้ชที่เคยทำงานด้วยกันต่างบอกว่าเขาคือ "นัมเบอร์วันตัวจริง"

"สำหรับผมแล้ว โรนัลดินโญ่ คือสุดยอดตลอดกาล พวกเราพบกันที่ บาร์เซโลน่า และต่อติดกับเขาได้ทันที ช่วงเวลาที่ผมใช้ชีวิตกับเขามันยากจะหาอะไรมาเปรียบเทียบ มันน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง" นี่คือสิ่งที่ เดโก้ ซูซ่า มิดฟิลด์ทีมชาติโปรตุเกสกล่าวถึงเพื่อนเก่า ทั้งๆ ที่คำถามที่นักข่าวถามเขาในตอนนั้นคือ "คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ ลิโอเนล เมสซี่ ใครเก่งกว่ากัน?"  

เดโก้ อวยเพื่อนเกินไปหรือเปล่า… งั้นลองนี่!  มีครั้งหนึ่งที่ เมสซี่ (นักเตะเบอร์ 1 ของโลกในปัจจุบัน) ถูกช่อง บาร์เซโลน่า ทีวี ถามถึงการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยของทีมที่ตัวเขาเป็นคนรับช่วงต่อเบอร์เสื้อหมายเลข 10 ของ โรนัลดินโญ่ ณ ตอนนั้นบรรยากาศในทีมเป็นอย่างไร และตัวของ เมสซี่ นั้นมีความรู้กดดันแค่ไหนเจ้าตัวจึงตอบไปว่า...

"ก่อนที่เขา (โรนัลดินโญ่) จะออกจากสโมสร 2-3 เดือน เขาคิดเกี่ยวกับทุกอย่าง เขาคิดอยู่ในใจแล้วว่าเขาจะออกจากสโมสร และบอกให้ผมช่วยสานต่อเสื้อเบอร์ของเขา ผมรับมันมาโดยไม่มองสิ่งที่เขาทำไว้ตอนที่ใส่เสื้อตัวนี้ เพราะหากผมมอง ผมจะไม่มีทางรับมันไว้ได้เลย"

 2

ที่ยกคำกล่าวขึ้นมาเพียงเพื่อที่จะบอกว่า โรนัลดินโญ่ คือยอดนักเตะตัวจริง และสิ่งที่คู่กับยอดนักเตะคือรายได้มหาศาลจากการรับงานโฆษณาหรือมีสปอนเซอร์ที่เป็นแบรนด์ต่างๆ ซึ่งสำหรับ โรนัลดินโญ่ แล้วไม่ใช่แค่คุณภาพฝีเท้าอย่างเดียว มีนักเตะในยุคนั้นที่เก่งๆ หลายคน (ซามูเอล เอโต้,อังเดร เชฟเชนโก้ หรือแม้แต่ อาเดรียโน่) แต่ก็ไม่มีใครมีเสน่ห์ในการเล่นฟุตบอลมากกว่าเขาเลย ลีลาของ โรนัลดินโญ่ นั้นพริ้วไหว, นุ่มนวล ดูสนุกสนานในเวลาเดียวกันและไม่มีใครบนโลกนี้เลียนแบบได้ ดังนั้นเขาจึงเป็นไอค่อนของวงการ ไม่ว่าจะไปเตะที่ไหนแฟนๆ จะเต็มสนามเพื่ออยากจะมาดูให้เห็นกับตา และสิ่งที่ตามมาด้วยคือเงินจากสินค้าที่พร้อมจะจ่ายให้เขาแบบไม่อั้น ...

ลายเซ็นพี่ช่างมีคุณค่า

จากทั้งผลงานและคาแร็คเตอร์ทำให้ โรนัลดินโญ่ มีรายได้มหาศาลทั้งในและนอกสนามนับตั้งแต่เขาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 2002 รายได้เขาเพิ่มขึ้นทันทีเพราะในรายการนั้นเขาแจ้งเกิดแบบสุดๆ ชนิดที่ว่าทั้งโลกต้องรู้จัก

 3

โรนัลดินโญ่ จึงทำงานร่วมกับแบรนด์ระดับบิ๊กของโลกมากมายทั้ง ไนกี้, EA สปอร์ตส์, เกเตอเรด และ ดานอน โดยเฉพาะกับ ไนกี้ กับ EA นั้น โรนัลดินโญ่ ถือว่าเป็นลูกรักอันดับ 1 เลยก็ว่าได้ เพราะมีรองเท้ารุ่น "ไนกี้ เทียมโป้ R10" เป็นรองเท้าที่เขาคัสตอมสีเองกับมือ และรองเท้ารุ่นนี้ก็กลายเป็นรุ่นยอดฮิตไปได้ไม่ยาก นอกจากนี้เขายังเป็นเจ้าพ่อแห่งเกม FIFA อีกต่างหากเพราะได้ขึ้นหน้าปกเกม FIFA ถึง 5 สมัย (04,06,07,08 และ 09)

ความร่ำรวยจากการเป็นพรีเซ็นเตอร์ของสินค้าต่างๆ สำหรับ โรนัลดินโญ่ นั้นอาจจะไม่การเปิดเผยตัวเลขที่ชัดเจน แต่เท่าที่กล่าวมาก็น่าจะพอมองออกว่ามันจะต้องมากชนิดที่ว่าคนธรรมดาอย่างเราๆ จินตนาการไม่ออก

นอกจากสปอนเซอร์ที่รับและได้เงินก้อนโตแล้ว โรนัลดินโญ่ ยังเป็นแอมบาสเดอร์ขององค์กรการกุศลหลายแห่งทั้ง UNICEF หรือ องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ และยังมีรายการ Soccer Aid ที่เป็นกิจกรรมลงเล่นเพื่อนำรายได้ไปบริจาคให้การกุศล  

 4

เราเห็นได้ถึงความเนื้อหอมของ โรนัลดินโญ่ ครบแล้วทั้งในและนอกสนาม มันดูเป็นชีวิตที่น่าอิจฉาที่ใครต่อหลายคนก็อยากได้ลองสัมผัสสักครั้ง อย่างไรก็ตามทุกอย่างบนโลกนั้นย่อมมี 2 ด้าน ในความร่ำรวยนั้นมีความยุ่งยากแฝงอยู่ไม่น้อย และสิ่งที่คนดังอย่าง โรนัลดินโญ่ เจอมาตลอดคือการคอยสลับสับรางและระวังให้ดีว่าสินค้าของแบรนด์ไหนที่เขาใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง เพราะหากหยิบจับของอุปโภคและบริโภคใดๆ มาใช้โดยไม่ทันคิดก่อนและมันบังเอิญไปเป็นสินค้าที่เป็นคู่แข่งของสปอนเซอร์เขาล่ะก็ งานนี้ก็ต้องคุยกันยาวทันที... เหมือนกับเรื่องราวในปี 2012 เรื่องนี้

เวรกรรมของคนดัง

เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ โรนัลดินโญ่ ในวัย 32 ปี หากดูตัวเลขมองแล้วอาจจะไม่ใช่อายุที่เยอะแยะหรือแก่เกินไปสำหรับนักฟุตบอล แต่สำหรับเขาในตอนนั้นสามารถเรียกว่าขาลงได้กลายๆ เพราะผลงานของเขาไม่ดีนัก จนกระทั่งเจ้าตัวต้องกลับมาเล่นในบ้านเกิดกับ แอตเลติโก มิเนโร่ ส่วนเหตุผลที่เจ้าตัวไม่เล่นในยุโรปและเลือกกลับมา บราซิล นั้น เป็นเพราะว่าเขามีกฎบางข้อที่ตัวเองตั้งไว้นั่นคือการจะไปซ้อมเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่เขาต้องการ ไม่มีกรอบเวลาสำหรับซูเปอร์สตาร์อย่างเขา และมันก็อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้เพราะ เฌอโรม เลอรัว อดีตมิดฟิลด์ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ที่เคยเล่นกับเหยินน้อย บอกว่า โรนัลดินโญ่ คือนักเตะ "อาร์ตตัวพ่อ" ที่ควบคุมให้อยู่ในกฎในระเบียบยากเหลือเกิน

 5

"ไม่ว่าวันไหนๆ ของสัปดาห์โรนัลดินโญ่ก็ไม่เคยมาซ้อม เขาโผล่มาแค่วันศุกร์เพื่อพร้อมลงเล่นวันเสาร์" เลอรัว กล่าว ก่อนจะตบท้ายว่า "เขาจะสวมแว่นกันแดดมา ไปเปลี่ยนชุด จากนั้นก็ตรงดิ่งไปนอนที่โต๊ะนวด นักเตะมากพรสวรรค์แบบเขามักจะออกแนวเพี้ยนนิดๆ"

ความอาร์ตของ โรนัลดินโญ่ ไม่จบแค่นั้นในวันที่เปิดตัวกับ มิเนโร่ แน่นอนว่าเขาก็จำเป็นต้องขึ้นไปแถลงข่าวตามปกติ ทว่าไม่รู้ว่าเขาเพิ่งจะฟื้นจากงานปาร์ตี้เมื่อคืนหรืออย่างไร เพราะอยู่ดีๆ เขาก็เกิดหิวน้ำขึ้นมากระทันหัน และสิ่งที่อยู่ใกล้มือเขาที่สุดคือ เป๊ปซี่ 1 กระป๋อง ซึ่งเป๊ปซี่เป็น 1 ในพาร์ทเนอร์ของ มิเนโร่ ในเวลานั้น ... โรนัลดินโญ่ ซัดไปหนึ่งอึกและวางลงที่เดิม แต่เรื่องไม่จบแค่นั้นเพราะเมื่อภาพข่าวงานเปิดตัวออกสู่สาธารณะบริษัทโค้กก็หน้าชาแบบสุด

เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นคือ โรนัลดินโญ่ เพิ่งเซ็นสัญญากับ โค้ก ไปไม่กี่เดือนก่อน โค้ก ให้ค่าตัวเขาถึงปีละ 750,000 ดอลล่าร์ เป็นระยะเวลาทั้งหมด 3 ปี (2012-2014) ดังนั้นการมาเปิดกระป๋อง เป๊ปซี่ และดื่มกินต่อหน้าคนทั้งโลกแบบนี้คือสิ่งที่ทางโค้กยอมไม่ได้

 6

1 วันหลังออกอากาศแบบฟ้าไม่ทันมืดดี โค้ก ก็ออกแถลงการณ์ว่าสัญญาของ โรนัลดินโญ่ จะถูกฉีกทิ้ง เช็กจำนวนมูลค่า 2,250,000 ดอลล่าร์ ถือเป็นโมฆะ ... เงินจำนวนเทียบเท่า 70 ล้านบาท หายวับไปกับตา ... ต่อให้รวยแค่ไหนแต่เงินหายไปขนาดนี้เป็นใครก็ต้องช็อคทั้งนั้น

"ข้อเท็จจริงก็คือ โรนัลดินโญ่ที่ปรากฎตัวพร้อมกระป๋องเป๊ปซี่ เป็นฟางเส้นสุดท้ายระหว่างเรา" มาร์เซโล พอนเทส หัวหน้าฝ่ายการตลาดของโคคา-โคลา ให้สัมภาษณ์สั้นๆ ง่ายๆ แต่จบข่าวในทันที ... แม้แต่การขอโทษของ เหยินน้อย ก็เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจครั้งนี้ไม่ได้

ความผิดพลาดที่อภัยไม่ได้

"ก็แค่จิบจะผิดอะไรนักหนา?" คุณคิดแบบนั้นอยู่หรือเปล่า? ถ้าคิดแบบนั้นต้องบอกเลยว่าผิดถนัด เพราะ เป๊ปซี่ และ โค้ก คือ 2 อำนาจของวงการน้ำดำที่ครองตลาดโลกมาอย่างยาวนาน ซึ่งแม้โค้กจะคงความเหนือกว่ามาโดยตลอด แต่ของแบบนี้คุณๆ ก็รู้ว่า เผลอนิดเดียวมีสิทธิ์เสียบัลลังก์ได้ยาวๆ ทันที

 7

เพื่ออยู่เหนือ เป๊ปซี่ ให้ได้อย่างต่อเนื่อง โค้ก จึงต้องจ้างนักกีฬาที่มีอิทธิพลต่อผู้บริโภคอย่าง โรนัลดินโญ่ มาช่วยผลักช่วยดัน แต่เมื่อเขากลับเลือกจิบ เป๊ปซี่ แบบนี้ มันเท่ากับเป็นการขาดทุนถึง 2 ต่อของ โค้ก เลยทีเดียวเพราะ เป๊ปซี่ ไม่ต้องจ่ายให้ โรนัลดินโญ่ สักบาท แต่ก็ได้ภาพลักษณ์ไปเต็มๆ แบบนี้มีแต่เสียกับเสีย

ไม่ใช่แค่ยุคปัจจุบันเท่านั้น โค้ก และ เป๊ปซี่ ยังมีจุดกำเนิดมหากาพย์สงครามน้ำดำตั้งแต่ปี 1886 หรือเมื่อเกือบ 200 ปีก่อนเลยทีเดียว ณ เวลานั้น จอห์น เอส เพมเบอร์ตัน เป็นคนคิดค้นสูตรโค้กออกมาก่อน ขณะที่อีก 13 ปีต่อมา คาเล็บ แบรดแฮม จะผลิต เป๊ปซี่ ขึ้นมาเป็นคู่แข่งกันตั้งแต่ยุคนั้น และทั้งสองแบรนด์ก็ห้ำหั่นกันมาอย่างนมนาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรสชาติ, บรรจุภัณฑ์, การเข้าตลาดหุ้น ยันแบรนด์ แอมบาสเดอร์ เรียกได้ว่า เป๊ปซี่ นั้นสู้ยิบตาเพราะพวกเขาเป็นรองตั้งแต่ตั้นและเคยล้มละลายมาแล้วถึง 2 ครั้ง จนเริ่มมาสูสีกับ โค้ก ได้จากเรื่องของการตลาดและอื่นๆ ประกอบกันในช่วงปี 2000 เป็นต้นมานี้เอง ทว่าทั้งสองแบรนด์ก็ยังไม่มีใครยอมแพ้ต่างฝ่ายต่างก็ยังห้ำหั่นกันดุเดือดจนถึงทุกวันนี้

เรื่องราวการชิงตำแหน่งหมายเลข 1 ของโลกสำหรับวงการน้ำดำทั้งหมดนี้นี่เองที่ทำให้ โรนัลดินโญ่ โดนฉีกสัญญาราวกับเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูอย่างแท้จริง…

 8

แม้จะโดนปรับอานจากการจิบน้ำ อย่างไรก็ตามส่วนนี้ก็น่าเห็นใจเจ้าเหยินน้อยอยู่บ้าง เพราะในอดีตเขาเคยเป็น แบรนด์แอมบาสเดอร์ของ เป๊ปซี่ ที่โด่งดังมากในช่วงปี 2006 ร่วมกับ เดวิด เบ็คแฮม, เธียร์รี่ อองรี และ เมสซี่ ดังนั้นเขาอาจจะเผลอหรือสติหลุดชั่วขณะจนทำในสิ่งที่ไม่สมควรทำลงไปเช่นนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นบนหน้าที่ของความเป็นมืออาชีพสิ่งเหล่านี้ไม่สมควรจะเกิดขึ้น ซึ่งหากเราลองประติประต่อเรื่องราวดูก็จะพบว่า โรนัลดินโญ่ ในตอนที่เล่นกับ มิเนโร่ นั้น ปาร์ตี้หนักมากจริงๆ (Goal.com ใช้คำว่า "แทบทุกวัน") ไม่แน่เขาอาจจะเมาค้างอยู่ก็เป็นได้ ซึ่งถ้าเป็นอย่างหลังเขาก็ได้รับผิดชอบความประสาทของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว… และคงจำความสะเพร่านี้ไปอีกนานเลยทีเดียว  

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ ของ จิบเดียวก็ซึ้งแมน : เมื่อ "โรนัลดินโญ่" เงินหาย 70 ล้านเพราะความ "คอแห้ง"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook