"หมายเลข 23" เบอร์ตำนานซิกเนเจอร์ของ "จอร์แดน" มีที่มาอย่างไร?

"หมายเลข 23" เบอร์ตำนานซิกเนเจอร์ของ "จอร์แดน" มีที่มาอย่างไร?

"หมายเลข 23" เบอร์ตำนานซิกเนเจอร์ของ "จอร์แดน" มีที่มาอย่างไร?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นักกีฬาชื่อดังหลายคน มักจะมีหมายเลขประจำตัวที่ยึดถือมาตลอดไม่ว่าจะย้ายไปทีมไหนหรือเล่นให้กับทีมชาติ ตัวอย่างเช่นหมายเลข 10 ของ ดิเอโก้ มาราโดน่า ตำนานชาวอาร์เจนไตน์ หมายเลข 3 ของเปาโล มัลดินี่ อดีตปราการหลังทีมชาติอิตาลี หรือหมายเลข  7 ของคริสเตียโน่ โรนัลโด้

แต่สำหรับวงการบาสเก็ตบอล คงไม่มีหมายเลขไหนจะยิ่งใหญ่ไปกว่าเบอร์ 23 ของไมเคิล จอร์แดน ผู้เล่นระดับตำนานของ NBA ที่เบอร์ดังกล่าวเปรียบเสมือนเครื่องหมายการค้าของเขา และสวมใส่มันเกือบตลอดชีวิตอาชีพ 

เพราะอะไร จอร์แดนถึงเลือกหมายเลขนี้ ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Main Stand

 

เบอร์นั้นสำคัญไฉน 

สำหรับกีฬาประเภททีม เบอร์เสื้อถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันสามารถใช้เป็นเครื่องมือระบุว่าใครเป็นใครในสนาม เบอร์เสื้อในปัจจุบันมักจะปราฎพร้อมกับชื่อหรือนามสกุล บางครั้งอาจจะอยู่ด้านหน้าของเสื้อ บนกางเกง หรือแม้กระทั่งบนถุงเท้าหรือหมวก บางกีฬาหมายเลขอาจจะบอกตำแหน่งผู้เล่นได้อีกด้วย 

จากการเก็บข้อมูลของสมพันธ์สถิติและประวัติศาสตร์ฟุตบอลนานาชาติระบุว่าเบอร์เสื้อถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการในการแข่งขันรักบี้ฟุตบอลของออสเตรเลีย ในการแข่งขันที่ซิดนีย์เมื่อปี 1911

 1

อย่างไรก็ดีเบอร์เสื้ออาจจะมีการใช้มาก่อนหน้านั้น เมื่อมีการพบหลักฐานทางภาพถ่ายว่าเกมการแข่งขันรักบี้ฟุตบอลระหว่าง ฟิทรอย และ โคลิงวูด ผู้เล่นต่างมีเบอร์เสื้ออยู่กลางหลัง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการรายงานจากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของบริสเบนว่า ในการแข่งขันรักบี้ระหว่างควีนแลนด์และนิวซีแลนด์และควีนแลนด์ ในปี 1897 (แต่ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นการใช้เบอร์เสื้อดังกล่าวมีขึ้นเพื่อแยกแยะนักกีฬาหรือไม่) 

สำหรับบาสเก็ตบอล แต่เดิมก่อนปี 2014 สหพันธ์บาสเก็ตบอลนานาชาติหรือ FIBA ระบุว่าในการแข่งขันผู้เล่นจะสามารถใช้เบอร์เสื้อได้ตั้งแต่หมายเลข 4-15 เท่านั้น เหตุผลก็เพราะว่าเป็นตัวเลขที่สามารถแสดงสัญญาณมือได้ เพื่อการระบุว่าผู้เล่นคนไหนทำฟาวล์หรือทำคะแนนได้ ในขณะที่ตัวเลข 1-3 สงวนไว้สำหรับการบอกคะแนน

ทว่านับตั้งแต่การนำระบบวิดีโอย้อนหลังมาช่วยในการตัดสิน ตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา FIBA ได้เปลี่ยนแปลงกฎใหม่ โดยอนุญาตให้ ผู้เล่นสามารถใช้หมายเลขบนเบอร์เสื้อได้ทุกหมายเลขแต่ไม่เกิน 2 หลัก ตั้งแต่ 0-99 

 2

ในขณะที่สมาคมบาสเก็ตบอลแห่งชาติหรือ NBA พวกเขาอนุญาตให้ผู้เล่นสามารถใช้เบอร์เสื้อตั้งแต่ 0-99 (รวมถึง 00) มาตั้งแต่แรกเริ่ม โดยในอดีตผู้เล่นส่วนใหญ่มักจะเลือกเบอร์ 0-5 เนื่องจากเป็นเบอร์เสื้อที่สวมใส่มาตั้งแต่มหาวิทยาลัย 

ในขณะที่ ไมเคิล จอร์แดน นักบาสยอดฝีมือนั้นอาจต่างออกไป แม้ว่าเบอร์ 23 ที่เขาเลือกใส่ในวันแรกที่เซ็นสัญญาอาชีพกับ ชิคาโก บูลส์ จะเป็นเบอร์ที่เขาใส่ตอนมหาวิทยาลัยก็ตาม แต่ที่จริงมันมีอะไรมากกว่านั้น 

เหตุเกิดเพราะพี่ชาย 

การเลือกเบอร์เสื้อของนักกีฬา อาจจะมีเหตุผลต่างๆนานา บางคนอาจจะเลือกจากวันเกิดของตัวเอง หรือคนรัก บางคนอาจจะมาจากเบอร์ของนักกีฬาที่เป็นไอดอล หรือบางคนอาจจะเลือกจากเลขที่ชอบมากที่สุด 

แต่สำหรับไมเคิล จอร์แดน มันมีเหตุผลมากกว่านั้น เพราะเบอร์ 23 ที่กลายเป็นหมายเลขตำนานของ NBA แต่เดิมมันไม่ได้เป็นหมายเลขในดวงใจของเขา แต่ด้วยความเคารพในพี่ชายอย่างสุดหัวใจ ทำให้เขาเลือกใส่หมายเลขนี้ 

ย้อนกลับไปในสมัยมัธยม ในตอนที่จอร์แดนยังเล่นในทีมจูเนียร์ของมัธยมเอ็มสเลย์ เอ ลานีย์ เนื่องจากโค้ชมองว่าเขายังไม่สูงพอ (สูง 180 เซนติเมตร) ที่จะเล่นให้ทีมชุดใหญ่ เขายังไม่ได้ใช้เบอร์ 23 อย่างที่คุ้นเคย โดยเลือกใส่เบอร์ 45 ซึ่งเป็นเลขโปรด 

 3

แต่หลังจากผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับทีมจูเนียร์ ที่หลายเกมเขาทำได้ถึง 40 คะแนน ทำให้จอร์แดน ได้รับการโปรโมตขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ของโรงเรียนตอนชั้นม.5 แต่ปัญหาก็คือทีมในตอนนั้นมีคนใส่หมายเลข 45 อยู่แล้วซึ่งก็คือแลร์รี จอร์แดน พี่ชายของเขาเอง

แม้ว่าอันที่จริงในเวลาต่อมา แลร์รี จะไม่ได้เล่น NBA แต่เขาก็มีอิทธิพลต่อไมเคิลมาก เขาสอนน้องชายเกี่ยวกับบาสเก็ตบอลมากมาย และช่วยปลูกฝังความสามารถในการแข่งขันให้กับไมเคิล 

“ไมเคิล รักแลร์รีมาก และเขาพูดก็ถึงพี่ชายตลอดเวลา เขาเคารพและเทิดทูนแลร์รีจริงๆ” เดวิด ฮาร์ท ผู้จัดการทีมนอร์ธแคโรไลนา อดีตมหาวิทยาลัยของจอร์แดนกล่าว  

“แม้ว่าไมเคิล จะไปได้ไกลกว่าแลร์รีในฐานะนักกีฬา แต่เขาไม่เคยปล่อยให้มันมีผลกระทบต่อความรู้สึกต่อตัวพี่ชาย มันเป็นความรู้สึกทางอารมณ์ที่เชื่อมโยงถึงกัน การนับถือต่อพี่ชายของเขามันมหาศาลมาก 

“เมื่อพี่ชายของเขาอยู่ใกล้ๆ เขาทิ้งชื่อเสียงและความสำเร็จทั้งหมด และไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าความรัก เขารักพี่ชายเขาจริงๆ”

 4

ทำให้ในวันที่ต้องเล่นในทีมเดียวกับพี่ชาย จอร์แดน ตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้หมายเลข 23 เพราะมันคือครึ่งหนึ่งของ 45 โดยหวังว่าเขาจะเก่งได้ถึงครึ่งหนึ่งของฮีโรของเขา และกลายเป็นหมายเลขที่ยึดถือนับตั้งแต่นั้นมา  

“เขามีความเป็นพี่ใหญ่ เขามีตัวเลือกที่จะสวมเบอร์ 45 และผมสังเกตุว่าเบอร์ 23 เป็นครึ่งหนึ่งของ 45 นั่นคือ 22.5 และเบอร์ 23 ก็อยู่กับผมมาตลอด” จอร์แดนกล่าวในคลิปโปรโมต NBA 2K14 เมื่อปี 2014 

อย่างไรก็ดี แม้ว่าจอร์แดนจะรักในเบอร์ 23 มากแค่ไหน แต่ครั้งหนึ่งเขาก็ต้องพลัดพรากจากหมายเลขนี้ 

จอร์แดนกับหมายเลข 12 

จอร์แดน รักในเบอร์ 23 ของเขามาก และแทบไม่เคยเปลี่ยนเบอร์ตลอดชีวิตการเป็นนักกีฬา หมายเลขนี้เป็นเหมือนตัวตนของเขา หากพูดถึงจอร์แดน ผู้คนก็จะนึกถึงแต่เลข 23 และเช่นกัน หากพูดถึงเลข 23 ผู้คนจะจะนึกถึงจอร์แดน  

ทว่าในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1990 เป็นครั้งแรกที่เราไม่ได้เห็นจอร์แดนที่มีหมายเลข 23 อยู่บนกลางหลัง เพราะในเกมที่ ชิคาโก บูลส์ ออกไปเยือน ออร์แลนโด แมจิก เขากลับปรากฎตัวในหมายเลข 12 ที่ดูแปลกตา 

เหตุผลอาจจะไม่ชัดเจนนัก แต่เชื่อกันว่าเสื้อหมายเลข 23 ของเขาถูกขโมยหนึ่งวันก่อนการแข่งขัน บูลส์ ไม่ได้เอาเสื้อเบอร์ 23 สำรองมา แต่ทีมมีเสื้อหมายเลข 12 ที่ไม่ได้สกีนชื่อเอาไว้ และโชคดีที่มันมีขนาดเข้ากับส่วนสูง 6 ฟุต 6 นิ้วของจอร์แดน 

 5

แม้ว่าหมายเลขจะเปลี่ยน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ฟอร์มการเล่นของจอร์แดน ดร็อปลงไปเขาทำไปถึง 49 แต้มในเกมวันนั้น มีโอกาสยิง 43 ครั้งลงไปถึง 21 ครั้ง หรือเกือบครึ่งต่อครึ่ง แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้ทีมเก็บชัยได้ และพ่ายไปด้วยสกอร์ 135-129 

“ความหงุดหงิดมาจากความพ่ายแพ้ในเกมที่เราน่าจะชนะ” จอร์แดนกล่าวหลังเกมกับ St. Petersburg Times

“ผมจะไม่โทษในวิธีที่ผมเล่น เรามีโอกาสที่จะชนะและเราก็ควรได้ประโยชน์จากมันอย่างเต็มที่”

อันที่จริงจอร์แดน เป็นคนเชื่อถือโชคลางมาก เขาเคยใส่กางเกงขาสั้นที่เคยใส่ตอนเล่นให้กับมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา ในปีแรกของการเล่น NBA เพื่อเสริมความมั่นใจ ทำให้สเตซี คิง อดีตเพื่อนร่วมทีมบูลส์ กล่าวว่าการที่จอร์แดนต้องเปลี่ยนเบอร์เสื้อถือเป็น “เรื่องใหญ่” สำหรับเขา 

“มันจะไม่เคยเกิดขึ้นกับผมมาก่อน มันค่อนข้างน่ารำคาญเพราะหากคุ้นเคยกับบางสิ่งที่แน่นอนแล้ว คุณคงไม่อยากให้อะไรมาแทนที่” จอร์แดนกล่าวกับ Sentinel หลังเกมกับออร์แลนโด 

นับตั้งแต่วันนั้น จอร์แดน ก็ไม่เคยเปลี่ยนเบอร์อีกเลย จนกระทั่งความตายมาพรากพ่อของเขาไป 

เบอร์ใหม่ชีวิตใหม่? 

23 กรกฎาคม ปี 1993 เจมส์ จอร์แดน ซีเนียร์ ถูกพบเป็นศพในหนองน้ำ ห่างออกไปจากรถเล็กซัสสีแดงยานพาหนะที่ลูกชายของเขา ไมเคิล จอร์แดน ซื้อเอาไว้ให้ถึง 60 ไมล์ ตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการฆาตกรรม เนื่องจากในตัวเขามีร่องรอยของกระสุนปืน 

เกือบสองเดือนหลังจากนั้น จอร์แดน ก็ช็อควงการบาสเก็ตบอล เมื่อเขาตัดสินใจประกาศเลิกเล่นอย่างกระทันหัน ทั้งที่เขาเพิ่งพาดรีมทีม ทีมชาติสหรัฐอเมริกาคว้าเหรียญทองโอลิมปิกที่บาร์เซโลนา และพาบูลส์คว้าแชมป์ NBA 3 สมัยติดต่อกัน และตัวเขาเพิ่งจะอายุ 30 ปี 

ผมมาถึงจุดสุดยอดในอาชีพผมแล้ว ผมแค่รู้สึกว่าผมไม่มีอะไรต้องพิสูจน์อีกต่อไปแล้ว ผมสูญเสียแรงจูงใจที่จะพิสูจน์บางอย่าง มันถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องออกจากเกมส์บาสเกตบอล ผมขอรีไทร์จากเกมส์บาสเกตบอล” จอร์แดนกล่าวในงานแถลงข่าว 

 6

แม้จอร์แดน จะให้เหตุผลเช่นนั้น แต่หลายฝ่ายเชื่อว่า การตายของพ่อของเขามีส่วนอย่างมากที่ ทำให้นักบาสระดับตำนานของ NBA ตัดสินใจหันหลังให้กับวงการยัดห่วงอย่างไม่คาดคิด ก่อนที่บูลส์จะตัดสินใจรีไทร์หมายเลข 23 ของเขาหลังจากนั้น 

หลังจากนั้นในปี 1994 จอร์แดน ก็สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการไปเล่นเบสบอล อีกหนึ่งกีฬาที่เขาชื่นชอบ โดยเล่นให้กับ ชิคาโก ไวท์ซ็อก ในไมเนอร์ ลีก เบสบอล ที่มีเจ้าของเป็นคนเดียวกันกับ บูลส์ ด้วยสถิติ .202 กับอีก 3 โฮมรัน และขโมยเบสได้ 30 ครั้ง 

แต่ด้วยหัวใจที่เรียกร้อง ทำให้ จอร์แดน ตัดสินใจหวนคืนสู่วงการบาสเก็ตบอลอีกครั้ง ในปี 1995 ด้วยการกลับมาเล่นให้ ชิคาโก บูลส์ แต่ครั้งนี้เขาเลือกที่จะใส่หมายเลข 45 เนื่องจากเบอร์ 23 ของเขาถูกรีไทร์ไปตอนที่เขาเลิกเล่น ตลอดจนเบอร์ใหม่ที่จริงแล้วเป็นเบอร์ที่เขาชื่นชอบ และต้องการที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ 

“ตอนผมกลับมา ผมไม่อยากเล่นด้วยเบอร์สุดท้ายที่พ่อเคยเห็นผมใส่ เพราะว่าเขาไม่อยู่แล้ว ผมคิดว่าการกลับมาของผมคือการเริ่มใหม่” จอร์แดนเขียนไว้ใน For the Love of the Game อัตชีวประวัติส่วนตัวของเขา 

อย่างไรก็ดี จอร์แดนกลับใช้เบอร์ 45 ได้เพียงแค่ 22 เกมเท่านั้น 

หมายเลข 23 นำโชค 

จอร์แดนในเบอร์ 45 ทำผลงานได้ไม่เลวนัก แม้จะร้างสนามไปเกือบหนึ่งฤดูกาล แต่เขาใช้เวลาไม่นาน ก็กลับมาเป็นผู้เล่นตัวหลักของทีม และช่วยให้บูลส์เข้าถึงรอบเพลย์ออฟได้ในปีแรกที่เขากลับมา 

ทว่าในเกมที่ 22 ของการคัมแบ็คกลับมาของเขา ก็กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้จอร์แดน คิดถึงการกลับมาสวมหมายเลขเดิม เมื่อในเกมที่ 1 ของรอบก่อนรองชนะเลิศสายตะวันออก เขาโดน นิค แอนเดอร์สัน ผู้เล่นของ ออลันโด เมจิก ขโมยบอล และกลายเป็นจังหวะที่ทำให้ทีมพ่ายแพ้ 

“หมายเลข 45 ไม่ใช่หมายเลข 23 อีกต่อไป ถ้าเป็นหมายเลข 23 (จอร์แดนคนเก่า) ผมคงไม่สามารถขโมยลูกจากเขาได้หรอก” แอนเดอร์สัน กล่าวหลังเกม 

 7

คำพูดของแอนเดอร์สัน ดูเหมือนจะจี้ใจดำจอร์แดน อีกทั้งเขาเป็นคนที่เชื่อในเรื่องโชคลางอยู่แล้ว ทำให้ในเกมที่ 2 ซึ่งเป็นความบังเอิญที่เป็นเกมที่ 23 ที่เขากลับมา จอร์แดน ได้กลับมาสวมหมายเลข 23 หมายเลขเก่งของเขา และคืนฟอร์มยิงไป 38 แต้ม ช่วยให้บูลส์ คว้าชัยในเกมดังกล่าว 

เขามีปฏิกริยากับความเห็นที่ว่าเขาไม่ใช่หมายเลข 23 คนเดิม ผมคิดว่านั่นคือการตอบโต้ของเขา ประมาณว่า ‘โอเค มาลองดูกัน’ ผมคิดแบบนั้น” ฟิล แจ็คสัน โค้ชของบูลส์ในตอนนั้นกล่าว 

“ไมเคิลพูดว่าเขามีสถิติตีได้ .202 ตอนที่ใส่หมายเลข 45 ในการเล่นเบสบอล ผมพูดว่า ‘การยิงของคุณก็เป็นเปอร์เซ็นต์เหมือนกัน มันถึงเวลาที่คุณจะกลับไปใส่เบอร์ 23’ ในการเคารพต่อตัวเลข ทุกอย่างมันคือความเชื่อเกี่ยวกับโชคลางด้วยกันทั้งนั้น” 

แม้ว่าจอร์แดน จะกลับมาโชว์ฟอร์มเก่งภายใต้เบอร์เสื้อตัวเก่า แต่ฝ่ายจัดการแข่งขันไม่แฮปปี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงเบอร์เสื้อระหว่างฤดูกาล แม้ว่าผู้เล่นคนนั้นจะเป็นตำนานของลีกก็ตาม ทำให้บูลส์ถูกปรับเป็นจำนวนเงิน 25,000 ดอลลาร์สหรัฐในแต่ละเกมที่จอร์แดนไม่ได้สวมเบอร์ 45 

“เราไม่คิดว่าประเด็นเรื่องเบอร์เสื้อจะกลายเป็นสิ่งรบกวนรอบเพลย์ออฟที่กำลังแข่งอยู่ตอนนี้ ชิคาโก บูลส์ ได้รับการแจ้งว่าเราจะไม่รับรองการเปลี่ยนเบอร์เสื้อในฤดูกาลนี้” รุส กรานิค รองประธานจัดการแข่งขัน NBA กล่าวในแถลงการณ์เมื่อปี 1995

“ถ้าทีมยังคงอนุญาตให้เขาสวมหมายเลขอื่นแทนที่จะเป็น 45 มันจะเป็นการละเมิดกฎของลีก เรื่องนี้จะได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมหลังจบฤดูกาล” 

อย่างไรก็ดี บูลส์ ยอมให้ จอร์แดนใช้เบอร์ 23 ต่อไปจนจบเกมที่ 6 รอบรองชนะเลิศสายตะวันออก ที่สุดท้ายพวกเขาต้องจอดป้ายเพียงเท่านี้ และทำให้พวกเขา ถูกปรับเป็นเงินสูงถึง 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ

8

แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับบูลส์และเขา เพราะการเปลี่ยนกลับมาใช้เบอร์ 23 ช่วยเรียกความมั่นใจให้จอร์แดน เขาพาทีมคว้าแชมป์ NBA ได้อีก 3 สมัยติดต่อกันในปี 1996-1998 พ่วงด้วยรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าอีก 2 ครั้งในปี 1996 และ 1998 รวมไปถึงผู้เล่นทำแต้มสูงสุดอีก 3 สมัยในปี 1996-1998 ก่อนจะประกาศเลิกเล่นอย่างถาวรไปในปี 2003 กับวอชิงตัน วิซาร์ดส์ หลังประกาศเลิกเล่นรอบสองในปี 1998 ก่อนหวนกลับมาลงสนามอีกครั้งให้ทีมแห่งเมืองหลวงอยู่ 2 ฤดูกาล 

“ตอนที่ผมกลับมา ผมคิดว่าเบอร์ 45 คือเบอร์ที่สมบูรณ์แบบ เพราะว่าผมเคยข้องเกี่ยวกับเบอร์นี้” จอร์แดนกล่าว

“โชคร้ายที่มันอยู่กับผมไม่นาน และเปลี่ยนกลับมาเป็น 23 มันเป็นส่วนหนึ่งของผม แต่ไม่ใช่ในสภาพแวดล้อมของบาสเก็ตบอลอาชีพ”  

หลังการแขวนห่วงของจอร์แดน หมายเลข 23 ได้ กลายเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์วงการบาสเก็ตบอลอเมริกัน บูลส์ อดีตทีมเก่าประกาศรีไทร์หมายเลขเสื้อให้เขา เช่นเดียวกับไมอามี ฮีต ที่ยกเลิกหมายเลขนี้เพื่อเป็นเกียรติในปีที่จอร์แดนเลิกเล่น แม้ว่าเขาจะไม่เคยเล่นให้กับที่นี่ก็ตาม 

เบอร์ 23 ยังส่งอิทธิพลต่อคนรุ่นหลัง เลบรอน เจมส์ เลือกใช้เบอร์ 23 ตั้งแต่ปีแรกในการลงเล่น NBA กับคลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส และใช้หมายเลขนี้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน (แม้จะเปลี่ยนไปใช้เบอร์ 6 ตอนเล่นให้กับไมอามี ฮีต เนื่องจากสโมสรยกเลิกเบอร์ 23) 

9

จอร์แดนยังส่งผลต่อวงการฟุตบอล เมื่อเดวิด เบ็คแคม ตัดสินใจเลือกใช้เบอร์ 23 เพราะเป็นเบอร์เดียวกับสตาร์ของบูลส์ ตอนที่เขาบินลัดฟ้ามาค้าแข้งในสหรัฐอเมริกากับ แอลเอ แกแล็คซีในช่วงปี 2007-2012  

ปัจจุบันเขาเป็นเจ้าของทีมชาร์ล็อต ฮอร์เน็ตส์ ที่เขาอยู่ในตำแหน่งนี้มาตั้งแต่ปี 2006 และมีแบรนด์สินค้าที่ชื่อว่า Jordan แต่ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน หรือเปลี่ยนบทบาทไปทำอะไร แต่ถ้าหากพูดถึงหมายเลข 23 คงไม่มีใครที่ควรค่ากับหมายเลขนี้ไปมากกว่าชายที่ชื่อว่า “ไมเคิล จอร์แดน” 

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ ของ "หมายเลข 23" เบอร์ตำนานซิกเนเจอร์ของ "จอร์แดน" มีที่มาอย่างไร?

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook