"วินซ์ คาร์เตอร์" : ชายผู้เปลี่ยนเมืองโตรอนโต้ให้คลั่งบาสเกตบอล

"วินซ์ คาร์เตอร์" : ชายผู้เปลี่ยนเมืองโตรอนโต้ให้คลั่งบาสเกตบอล

"วินซ์ คาร์เตอร์" : ชายผู้เปลี่ยนเมืองโตรอนโต้ให้คลั่งบาสเกตบอล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โตรอนโต้ แร็ปเตอร์ส ทีมแรกใน NBA ที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้เวลานานถึง 24 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี 1995 จนในที่สุดพวกเขาได้เข้าไปชิงแชมป์ประจำฤดูกาล 2018-19 กับ โกลเด้น สเตท วอริเออร์ส จนได้

กว่าจะมาถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ความภูมิใจของชาวโตรอนโต้และชาวเเคนาดา เคยเป็นแค่ทีมที่ถูกหัวเราะเยาะในวันที่เข้ามาร่วมวง NBA บ้างก็ว่าพวกเขาเป็นไดโนเสาร์บาร์นี่ย์ (การ์ตูนสำหรับเด็กเล็ก) ที่เล่นยังไงก็แบเบอร์ไม่มีวันได้เพลย์ออฟ เพราะคนที่แคนาดา ไม่ดูบาสเก็ตบอล และสำหรับกีฬาอาชีพหากไม่มีแฟนๆแล้ว ทุกอย่างก็ยากจะเดินไปข้างหน้าได้

 

ที่สุดเเล้วก็มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในเมือง เปลี่ยนหมูสนามให้เป็นทีมที่คู่แข่งต้องเคารพ เปลี่ยนไดโนเสาบาร์นี่ย์ให้เป็นแร็ปเตอร์ตัวแสบสมชื่อ และเปลี่ยนโตรอนโต้ให้กลายเป็นเมืองที่ผู้คนคลั่งบาสเก็ตบอล.... นี่คือเรื่องราวของคนๆเดียวที่เข้ามาพลิกทุกอย่างจากวิกฤติให้เป็นโอกาส วินซ์ คาร์เตอร์ "ครึ่งคนครึ่งมหัศจรรย์" ที่ชาวโตรอนโต้ซูฮกให้เป็นตำนานอันดับ 1 ของเมือง

เริ่มต้นด้วยความตลก

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นหลัง NBA ขายแฟรนไชส์ให้ โตรอนโต้ พวกเขาก็สร้างทีม โตรอนโต้ แร็ปเตอร์ส ขึ้นมา ณ ตอนนั้นคนแคนาดาไม่ได้นิยมบาสเก็ตบอลมากนัก พวกเขาชื่นชอบฮ็อคกี้น้ำแข็งเป็นอย่างมากและคะแนนนิยมนำโด่ง ดังนั้นพันธกิจของ แร็ปเตอร์ส คือต้องเปลี่ยนแปลงเมืองนี้ให้เป็นบ้านของบาสเก็ตบอลประจำประเทศแคนาดาดาให้ได้

 1

ในช่วงปีแรกมันคือปีแห่งการเรียนรู้ของชาวเมืองโตรอนโต้อย่างแท้จริง พวกเขาตื่นตัวอยู่บ้างกับการเข้ามาดูบาสเก็ตบอล แต่พวกเขายังไม่เข้าใจธรรมเนียมอะไรหลายๆอย่าง เรื่องนี้ เทรซี่ย์ เมอร์เรย์ อดีตผู้เล่นยุคบุกเบิกของ แร็ปเตอร์ส ยังจำมันได้ดี ผู้คนที่นี่กำลังเริ่มหัดดูบาสเป็นครั้งแรก และเขาเองก็เรียกแฟนๆของทีมว่าเป็นพวก "เด็กน้อยเเร็ปเตอร์ส"

"ปีแรกมันเป็นปีของการศึกษากันใหม่ ทุกๆอย่างเลยสร้างขึ้นใหม่หมดในตอนนั้น คุณเชือไหมผู้บรรยายเกมอย่าง เลโอ โรตินส์ ยังต้องคอยอธิบายแฟนๆที่เข้ามาชมถึงกฎ 3 วิ ว่ามันคืออะไร ทำไมต้องฟาวล์ด้วย" เทรซี่ย์ เมอร์เรย์ เล่าถึงวันที่เขามาที่ โตรอนโต้ เป็นครั้งแรก

"เรามีบางคนที่ชอบบาสกับคนอีกเพียบที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลย พวกเขาแค่มาเชียร์แล้วก็โบกธงไปมาแล้วก็ส่งเสียงเชียร์เท่านั้น" เลโอ โรตินส์ ผู้บรรยายประจำสนามของแร็ปเตอร์สตั้งแต่วันแรกจนถึงทุกวันนี้กล่าว

ผู้เล่นแร็ปเตอร์สส่วนใหญ่นั้นเป็นชาวอเมริกัน ซึ่งถือว่าเป็นชาวต่างชาติของคนที่นั่น หน้าที่ของผู้เล่น แร็ปเตอร์ส นอกจากจะต้องเเข่งขันเเล้ว พวกเขายังต้องไปเดินสายตามโรงเรียนต่างๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับแฟนๆในท้องถิ่น และสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆรุ่นใหม่มีความคิดว่าหากโตขึ้นพวกเขาอยากจะเป็นนักบาสเก็ตบอล  อย่างไรก็ตามมันค่อนข้างจะทำให้บูมยาก เพราะทุกคนในเมืองชอบฮ็อคกี้ ผู้ใหญ่รุ่นนั้นบ้าฮ็อคกี้กันหมด การจะเปลี่ยนแปลงอะไรในชั่วข้ามคืนจึงเป็นไปได้ยาก ณ เวลานั้นแม้แต่ตั๋วผีที่ขายหน้าสนามก็ยังซบเซา... ไม่มีใครซื้อ ไม่มีใครอยากดูทีม โตรอนโต้ แร็ปเตอร์ส ลงเล่นเลย ส่วนเหตุผลอีกประการคือผู้เล่นในทีมแร็ปเตอร์ส ตอนนั้นไม่ได้มีความเก่งกาจอะไรมากมายนักอีกด้วย

"ในยุคนั้นมีผู้ปกครองไม่กี่คนที่อยากให้ลูกเล่นบาสเก็ตบอล ทุกคนชอบฮ็อคกี้และมันเป็นกีฬาเด่นของพวกเรา เราไม่มีวัฒนธรรมด้านบาสเก็ตบอลและทุกอย่างที่มาพร้อมกับมันเลย" เดรก แร็ปเปอร์ชื่อดังของโลกที่เป็นชาวโตรอนโต้โดยกำเนิดและเป็นแฟนเดนตายของ แร็ปเตอร์ส กล่าว

 2

สิ่งที่ว่ามันทั้งหมดถูกยืนยันด้วยการเป็นบ๊วยของสาย แข่ง 82 เกม ชนะแค่ 21 เกมและแพ้ไปถึง 61 เกม ... แบบนี้คงยากที่จะจูงใจใครได้ จนกระทั่งทุกสิ่งเริ่มเปลี่ยนไป หลังจากการเข้ามาของ วินซ์ คาร์เตอร์

ณ เวลานั้นไม่มีผู้เล่นเก่งๆคนไหนหรอกที่อยากจะย้ายมา แร็ปเตอร์ส เพราะเป็นเมืองที่ไม่ได้อินกับ บาสเก็ตบอล,อากาศก็หนาวเย็น หนำซ้ำยังโดนล้อว่าเป็นพวกตุ๊กตาบาร์นี่ย์ก้นใหญ่อีกต่างหาก อย่างไรก็ตามนับเป็นโชคดีของ แร็ปเตอร์ส อย่างแท้จริง เพราะตอนแรก วินซ์ คาร์เตอร์ ถูก โกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ส ดราฟต์เข้าลีกในอันดับ 5 ของปี 1998 แต่สะพานทองมองว่าจะมีประโยชน์กว่าหากเอาเขาไปแลกตัวกับ แอนทอน เจมิสัน ดราฟต์อันดับ 4 ในปีเดียวกันของ โตรอนโต้ แร็ปเตอร์ส จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามสุดท้าย คาร์เตอร์ ก็กลายเป็นผู้เล่นของ แร็ปเตอร์ส จนได้

ประกายความหวังจากฟลอริด้า

วินซ์ คาร์เตอร์ คือมือ 1 ของบาสไฮสคูลในรัฐฟลอริด้า แต่ในระดับ NBA ไม่ใครแน่ใจได้เลยว่าเขาจะไปได้สักกี่น้ำ วันแรกที่เขาเข้ามาไม่มีใครในทีมรู้จักเขา...เพราะอย่างที่บอก คนที่นี่ไม่เล่นบาสเก็ตบอล

 3

"วินซ์ มาในสภาพโนเนมเลย แต่ทุกอย่างที่เขาแสดงออกมายอดเยี่ยม คุณบอกได้เลยว่าหมอนี่แหละคือคนที่ทีมไหนต่างก็ต้องการ เขาคือผู้เล่นที่ทำให้คนดูก้นไม่ติดเก้าอี้ได้เลย" บุทช์ คาร์เตอร์ เฮ้ดโค้ชของ แร็ปเตอร์ส ในปีนั้นกล่าว

การเข้ามาของ คาร์เตอร์ สร้างปรากฎการณ์หลายอย่าง เขามีหลายสิ่งในตัวในแบบที่ซูเปอร์สตาร์ควรจะมี ทัศนคติที่ยอดเยี่ยม,พลังร่างกายที่เหนือมนุษย์ และทักษะที่ผ่านการฝึกมาจนชำนาญ โดยเฉพาทักษะการดังค์ของ คาร์เตอร์ ที่ลอยตัวได้สูงกว่าสองเมตรมีทั้งความรุนแรงและหนักหน่วง ความเก่งกาจของเขากลายเป็นตัวจุดประกายความหวังของชาวโตรอนโต้ ทุกคนหันมาสนใจบาสเก็ตบอลมากขึ้น และเชื่อว่าทีมประจำเมืองของพวกเขาจะไม่แพ้อย่างเดียวเหมือนในอดีต

"จอห์น ซอนเดอร์ส กับผมเป็นคนพากย์เกมของเเร็ปเตอร์สเป็นประจำทุกนัด การเข้ามาของวินซ์ทำให้ทุกๆเกมที่เราพากย์เปลี่ยนไป ผมกับเขามักจะมองหน้ากันเวลาที่เด็กหนุ่มคนนี้ระเบิดแป้น... บ้าน่า มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน นั่นล่ะคือสิ่งที่ วินซ์ คาเตอร์ ใส่เข้าไปในเกมของ แร็ปเตอร์ส" เลโอ โรนินส์ ผู้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนที่สุดเล่าไว้เช่นนี้

ปีแรกของ วินซ์ กับ แร็ปเตอร์สเป็นปีที่ใครไม่เคยคาดคิด เขาผสานงานร่วมกับ เทรซี่ แม็คเกรดี้ จนตัวของเขานั้นได้เป็น รุกกี้ ออฟ เดอะ เยียร์ แถมยังได้ฉายาว่า "เงาของจอร์แดน" และเมื่อทั้งสองคนท็อปฟอร์มคู่หู วินซ์ และ ทีแม็ค มักจะถูกกล่าวอ้างว่าเหมือนกับการผสานกันของ จอร์แดน กับ สก็อตตี้ พิพเพ่น เลยทีเดียว

 4

วินซ์ และ ทีแม็ค อาจจะเก่งกาจแต่ก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้ แร็ปเตอร์ส คว้าความสำเร็จได้ แต่มันคือการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของเมืองนี้ ทุกคนเริ่มรู้ว่าบาสของ โตรอนโต้ ไม่ใช่หมูอีกต่อไป และภาพลักษณ์ของ โตรอนโต้ แร็ปเตอร์ส ยังถูกยกให้สูงไปอีกระดับเมื่อ วินซ์ คาร์เตอร์ ลงเเข่งศึกสแลมดังค์ ที่รวมสตาร์จากทั้ง NBA มาวัดฝีมือว่าใครจะดังค์ได้โหดและดุที่สุด ในปี 2000 และหลังจากนั้นมาทุกอย่างคือประวัติศาสตร์ ดังค์ของ วินซ์ ในการแข่งขันครั้งนั้นยังถูกพูดถึงมาจนทุกวันนี้ มันคือการดังค์ที่เพอร์เฟ็คต์ที่สุด เท่าที่เคยมีมา

"โดมินิค วิลกินส์,ไมเคิล จอร์เเดน,ด็อกเตอร์ เจ,วินซ์ คาร์เตอร์ และ คุณ ... หากทุกคนอยู่ในช่วงที่พีกที่สุดและมาเเข่งดังค์กันใครจะชนะ" พิธีกรช่อง NBC ถามกับ โคบี ไบรอันท์ ก่อนที่เขาจะใช้เวลาคิดครู่เดียวและตอบว่า "วินซ์... วินซ์ เป็นจอมดังค์ที่ไม่ธรรมดา MJ อาจจะทำได้ยอดเยี่ยมจนกลายเป็นดังค์แห่งยุค รวมถึง ‘ด็อคเตอร์ เจ’ ด้วย แต่สิ่งที่ วินซ์ ทำผมไม่รู้จะใช้คำไหนจริงๆ นอกจากคำว่าโคตรเหลือเชื่อ"

กระแสนิยมหลั่งไหล

ไฮไลต์การดังค์ของ วินซ์ คาร์เตอร์ ออกอากาศไปทั่วโลกตามรายการต่างๆของ NBA เสียงลือเสียงเล่าอ้างที่โตรอนโต้บอกกันปากต่อปากว่ามียอดมนุษย์เกิดขึ้นในสนามบาสชั่วคราว (ยืมสนามทีมฮ็อคกี้ใช้) หลังจากนั้นผู้ชมเริ่มเข้ามาเต็มสนาม และกิจกรรมของทีมที่พบปะเด็กๆตามที่ต่างๆในเมืองก็เปลี่ยนไป คนรุ่นพ่ออาจจะชอบฮ็อคกี้ แต่เด็กๆที่โตรอนโต้ชื่นชอบบาสเก็ตบอลไปเรียบร้อยแล้วเพราะ วินซ์ คาร์เตอร์ และอีกไม่นานเด็กๆเหล่านี้จะเติบโตและกลายเป็นพ่อ-แม่ นี่คือแรงกระเพื่อมของการมาของคนแค่คนเดียว

 5

"สิ่งต่างๆเปลี่ยนแปลงไปหมด คลื่นความนิยมในเมืองถาโถมเข้ามา ความคลั่งไคล้ก่อตัว ทีวีทุกช่อง ป้ายบิลล์บอร์ดทุกป้าย โรงเรียนทุกแห่ง ... ทุกอย่างเลย ทุกคนพูดถึงแร็ปเตอร์สกันหมด ซึ่งตอนนั้น วินซ์ เป็นเหมือนนักร้องนำ เขาโดดเด่นยิ่งกว่าใครทั้งนั้น" เดรก ที่โตมากับยุคของการเปลี่ยนแปลงกล่าว

จากเมืองทื่มีแต่ฮ็อคกี้ กลายเป็นกระแสบาสไล่หลังพร้อมถล่ม มีสนามบาสเก็ตบอลที่ทันสมัยเกิดขึ้นมากมาย ที่สร้างขึ้นเพื่อให้เด็กๆในเมืองได้เล่นกับแบบฟรีๆ เทศบาลและกรมตำรวจโตรอนโต้ก็ให้การสนับสนุนเรื่องนี้เป็นอย่างดี เพราะมันคือสนามที่จะเปลี่ยนการก่ออาชญากรรมให้เป็นพรรสวรรค์ในการเป็นนักกีฬา และยังเปลี่ยนเหล่าวาที่อาชญากรให้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์อีกด้วย

หากจะถามว่าใครคือผลผลิตจากสนามบาสเก็ตบอลที่สร้างใหม่ในยุคนี้ วินซ์ คาร์เตอร์ แจ้งเกิดในโตรอนโต้ได้บ้าง มันจะต้องมีชื่อหนึ่งที่คุณไม่กล้าจะสงสัยอะไรต่อ และชื่อนั้นคือ สเตฟเฟ่น เคอร์รี่ นักบาสระดับ MVP NBA ของ โกลเด้น สเตท วอริเอร์ส ที่กำลังจะชิงแชมป์กับ แร็ปเตอร์ส ในฤดูกาล 2018-19 นี้นี่แหละ

สเตฟ และ เซธ เป็นลูกชายของ เดล เคอร์รี่ เพื่อนร่วมทีมของ วินซ์ ในช่วงปี 1999-2002 ทั้งคู่ชอบมากที่ได้มาเล่นบาสในโรงยิม พวกเขาคลั่งไคล้ วินซ์ คาร์เตอร์ และชอบที่จะรอให้ วินซ์ ซ้อมเสร็จและมาเเข่งกันแบบ 2 รุม 1

"เซธ และ สเตฟ จะรอผมซ้อมจนเสร็จพวกเขาจะเข้ามาถามแล้ว เร็ว วินซ์ พร้อมจะดวลกันรึยัง" วินซ์ จดจำ 2 พี่น้อง เคอร์รี่ ได้ดี  

 6

นอกจาก เซธ และ สเตฟ แล้ว เด็กๆในโตรอนโต้หลายคนก็พยายามที่จะเป็นนักบาสอาชีพใน NBA มากขึ้น เด็กๆในเมืองเริ่มมีความสามารถในการเล่นบาสเก็ตบอล มันมีตัวเลขที่เห็นกันค่อนข้างชัดเจนเพราะนับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมาเริ่มมีผู้เล่นชาวแคนาดามาเล่นใน NBA มากขึ้น ทุกอย่างตกผลึกมาจนถึงปัจจุบันที่มีผู้เล่นชาย เเคนาดา ทั้งหมด 13 คนที่เล่นใน NBA และ 12 ใน 13 คนนั้นเป็นผู้เล่นที่มีบ้านเกิดอยู่ที่ โตรอนโต้  

ไม่ใช่บาสเก็ตบอลเท่านั้น ทุกอย่างที่เกี่ยวกับ วินซ์ คาร์เตอร์ กลายเป็นสินค้าขายดีแม้แต่วงการแฟชั่นของ โตรอนโต้ เขาก็ยังเป็นผู้ปฎิวัติมันด้วย เพราะก่อนหน้านี้สินค้าประเภทสปอร์ตแวร์ไม่เป็นที่นิยมในแคนาดาเลย ว่ากันว่ารองเท้าไนกี้รุ่นแอร์ จอร์เเดน ที่ลดราคา 50-70% ก็ยังไม่มีใครสนใจ จนกระทั่ง ไนกี้ เซ็นสัญญากับ คาร์เตอร์ และเปิดตัวรองเท้า ไนกี้ช็อกซ์ วิซี 2 เท่านั้นแหละผู้คนต่อแถวแย่งกันซื้อชนิดที่ว่าผลิตเท่าไหร่ก็ไม่พอ

โตรอนโต้ กลายเป็นเมืองที่สื่อจากฝั่งอเมริกาเข้ามาถ่ายทำวิดีโอเพื่อโปรโมตหรือถ่ายภาพยนตร์ต่างๆ และเมื่อความสนใจมากเข้า แม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ใน แคนาดา ที่เคยทุ่มทุนให้กับทีมฮ็อคกี้ก็ไม่อาจจะมองข้ามที่บาสเก็ตบอลประจำเมืองทีมนี้ได้อีกแล้ว วินซ์ เป็นคนชิงมันมาจากฮ็อคกี้น้ำแข็งและตัวเขายังกลายเป็นนายแบบสินค้าในแคนาดาอีกไม่รู้กี่ชิ้นต่อกี่ชิ้น

"วินซ์ คาร์เตอร์ ชิงเงินของบริษัทยักษ์ใหญ่มาได้ แถมยังรวยเละจากการเป็พรีเซนเตอร์สินค้าในแคนาดา ตอนนี้เราพูดได้เเล้วว่ากระแสบาสกำลังมาแรงจริงแท้แน่นอน และเขาเป็นคนทำลายกำเเพงนั้น" สตีฟ แนช อดีตนักบาสเก็ตบอล NBA ที่เป็นชาวแคนาดา กล่าว

ส่งโตรอนโต้สู่สายตาชาวโลก

แม้จะทำลายกำเเพงในเมืองโตรอนโต้ได้เเล้ว แต่ วินซ์ และ เเร็ปเตอร์ส ยังไม่เป็นที่นิยมในวงกว้างมากนัก เพราะพวกเขามักจะไม่ได้รับการสนใจเท่าที่ควรจากสถานีโทรทัศน์ที่มักจะเลือกถ่ายทอดสดการเเข่งขันของทีมที่อยู่ในอเมริกามากกว่า วินซ์ เองเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี เขารักโตรอนโต้ไม่ต่างจากบ้านของเขา และเขาพยายามที่จะพาเมืองแห่งนี้ออกสู่สายตาชาวโลกให้ได้

 7

"ไม่เคยมีใครสนใจเรามาก่อน เราต้องสู้กับ NBA มานานเเล้ว เราได้แต่ภาวนาว่า "ถ่ายทอดพวกเราสิ ให้โอกาสเราหน่อย เราอาจจะเป็นทีมเกิดใหม่แต่ให้ผู้ชมเห็นเราบ้าง" วินซ์ พยายามเป็นอย่างมากที่จะบอกถึงความสุดยอดของ โตรอนโต้

NBA ทนมองข้าม แร็ปเตอร์ส ได้ไม่นานนักหรอก พวกเขาก็ต้องยอมศักยภาพของ วินซ์ สิ่งที่เขาแสดงออกมาในสนามมันมีหลายอย่างผสมกัน เขามีพลังใจที่มุ่งมั่น,มีความคิดสร้างสรรค์ที่เหลือเชื่อ ยิ่งเข้าอยากจะยกระดับตัวเองไปมากเท่าไหร่ มันก็เหมือนเป็นการเปิดประตูทางลัดให้กับ โตรอนโต้ เเร็ปเตอร์ส เพื่อโลกจะได้รู้จักพวกเขาด้วย.... และเกมแห่งความทรงจำที่ โตรอนโต้ แร็ปเตอร์ส ถูกท่ายทอดสดไปทั่วโลกเป็นการพบกับ ฟีนิกซ์ ...เขาทำคนเดียวไป 51 แต้ม และตอนนี้มีแต่คนอยากจะดูเกมของ เเร็ปเตอร์ส มากขึ้นไปอีก

"มันเป็นโอกาสทองในชีวิตของผม มันทำให้ทุกคนหันมาสนใจทีม แร็ปเตอร์ส และทำให้เราเป็นที่ยอมรับในลีกนี้ด้วย" หลังจากการแสดงความผาดโผนและจินตนการที่เกินกว่าใครจะคาดคิด อเมริกา และ โลกใบนี้จับตามอง โตรอนโต้ เพราะบาสเก็ตบอลของเขา.... จริงอยู่การ บูมของบาสเก็ตบอลของที่นี่อาจจะเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุหลายปัจจัย มันอาจจะมีการวางแผนวางระบบมาก่อนหน้านี้เเล้ว แต่ วินซ์ คาร์เตอร์ คือผู้ขับเคลื่อนมันด้วยการแบกความกดดันทั้งหมดไว้บนบ่าคนเดียว

การเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของทีมไม่ใช่เรื่องง่าย เราอาจจะได้เห็นด้านดีของการที่ วินซ์ คาร์เตอร์ เข้ามาเปลี่ยนแปลง โตรอนโต้ ให้คลั่งกีฬาและสร้างอิทธิพลไปทั่วทุกหย่อมหญ้า แต่มันก็มีมุมที่เขาต้องเสียสละไม่น้อยเลยทีเดียว ทุกครั้งที่ แร็ปเตอร์ส แพ้จะมีคำวิจารณ์มาถึง วินซ์ เสมอ โดยเฉพาะช่วงที่เขากรำศึกหนักจนเกินไปร่างกายบาดเจ็บและเล่นได้ไม่ดีเหมือนเดิม ดังค์ได้ไม่สะใจแฟนๆเหมือนเมื่อก่อน  ... "กำจัดเขาออกไปซะ เขาดังแล้วนี่ เขาไม่อยากอยู่ที่นี่เเล้ว" อะไรประมาณนั้น

 8

เรื่องราวพวกนี้เองทำให้เขาต้องย้ายออกจากทีมไปอยู่กับ ออร์แลนโด้ แมจิค ในปี 2004 และไม่ค่อยมีปีที่ดีนักในช่วงเวลาหลังจากนั้น อย่างไรก็ตามแม้ตัวจะจากไปหลายที่ (ปัจจุบันยังคงลงเล่นใน NBA กับ แอตแลนต้า ฮอว์คส์) แต่ใจของ วินซ์ คาร์เตอร์ ยังอยู่ที่โตรอนโต้ เสมอ เขามักจะเรียกว่านี่คือบ้าน และเรื่องราวของเขาก็กลายเป็นตำนานให้แฟนๆของ แร็ปเตอร์ส ได้จดจำ

ปัจจุบัน แคนาดา ที่มีประชากรทั้งหมด 37 ล้านคน และ 22% คือผู้ที่เล่นบาสเก็ตบอลและมันส่งผลให้ แคนาดา เป็นเเหล่งผลิตนักบาสเก็ตบอลฝีมือดีมากที่สุดหากไม่นับสหรัฐอเมริกา  โดยนิตยสาร ฟอร์บส ยืนยันว่า วินซ์ คาร์เตอร์ เป็นผู้มีอิทธิพลกับเรื่องนี้ เขาเป็นเหมือนผู้เพาะเชื้อความบ้าคลั่งบาสเก็ตบอลไว้เมื่อหลายปีก่อนและปัจจุบันเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นเติบโตให้เก็บเกี่ยวได้เป็นที่เรียบร้อยเเล้ว

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ ของ "วินซ์ คาร์เตอร์" : ชายผู้เปลี่ยนเมืองโตรอนโต้ให้คลั่งบาสเกตบอล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook