"มาร์เซโล่ บิเอลซ่า" : คนบ้าที่ "กวาร์ดิโอล่า" นับถือ

"มาร์เซโล่ บิเอลซ่า" : คนบ้าที่ "กวาร์ดิโอล่า" นับถือ

"มาร์เซโล่ บิเอลซ่า" : คนบ้าที่ "กวาร์ดิโอล่า" นับถือ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มีคำกล่าวว่า "มีเส้นบางๆที่ขั้นอยู่ระหว่างคำว่าอัจฉริยะและคนบ้า"  แต่ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า กุนซือคนปัจจุบันของลีดส์ ยูไนเต็ด อาจจะเป็นทั้งสองอย่าง 

เขาคือคนที่หมกมุ่นจนเกิดเหตุ เป็นพวกนิยมในความสำเร็จแบบสุดขั้ว ใส่ใจทุกรายละเอียดอย่างบ้าคลั่งจนได้รับฉายาว่า El Loco หรือคนบ้า

 

อย่างไรก็ดี เขากลับได้รับการยกย่องจากคนที่เกี่ยวข้อง ครั้งหนึ่ง เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือชื่อดังที่เพิ่งพาแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลล่าสุด เคยบอกว่าเขาคือ “ผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในโลก” 

เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ร่วมติดตามไปพร้อมกับ Main Stand 

ต้นตำรับความบ้า 

หากมองอย่างผิวเผิน บิเอลซา อาจจะเหมือนกับผู้จัดการทีมทั่วไป ที่ทุ่มเทให้กับการคุมทีม ตั้งแต่เริ่มเส้นทางโค้ชตั้งแต่อายุ 25 ปี แต่ภายใต้ใบหน้าอันเงียบขรึม กลับมีบางอย่างที่เกินกว่ามาตรฐานทั่วไป

นอกจากแทคติก 3-1-3-3 และการเข้าเพรสซิ่งที่หนักหน่วงซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้า บิเอลซา ยังขึ้นชื่อในฐานะโค้ชที่มีความเฮี้ยบคนหนึ่งของโลก เขาคือคนที่ใส่ใจทุกรายละเอียด มาแต่ไหนแต่ไรจนถึงขั้นหมกมุ่น จนได้รับฉายาว่า El Loco หรือคนบ้า

 1

“มันคือเรื่องจริง เขาค่อนข้างบ้านิดหน่อย” เซซาร์ หลุยส์ เมนอตติ อดีตโค้ชทีมชาติอาร์เจนตินาดีกรีแชมป์ฟุตบอลโลก 1978 กล่าวถึง มาร์เซโล บิเอลซา ที่เป็นเพื่อนร่วมชาติและอดีตคู่แข่งของเขา

ความบ้าของบิเอลซา มีมาตั้งแต่สมัยที่เขาคุมทีมในอาร์เจนตินา เฟอร์นันโด แกมบัว กองหลังที่เคยร่วมงานกับเขาที่ นีเวลล์ โอลด์บอย เล่าว่าบิเอลซาเคยจะตัดนิ้วตัวเอง หากทำให้ทีมชนะ หรือเคยให้ จอร์จ กริฟตา ผู้ช่วยผู้จัดการทีมของเขา ขังเขาไว้ในห้องน้ำเพื่อช่วยหยุดความโกลาหลเมื่อทีมแพ้สมัยคุมทีมในอาร์เจนตินา 

ครั้งหนึ่งตอนที่เขาคุมทีม นีเวลล์ ในปี 1992 เขาพาทีมแพ้คู่แข่งถึง 6-0 ความปราชัยอย่างย่อยยับทำให้กลุ่มแฟนบอลหัวรุนแรงอย่าง “อุลตรา” ของสโมสร ไม่พอใจอย่างมาก และบุกไปถึงบ้านของบิเอลซา แต่เขาก็ต้อนรับด้วยการเปิดประตูมาพร้อมกับระเบิดที่ขู่ถือไว้ในมือจนกลุ่มแฟนบอลต้องกระเจิง 

ในปี 2001 สมัยที่เขาคุมทีมชาติอาร์เจนตินา เขาเคยเกือบโดนยิง หลังเข้าไปในศูนย์ฝึกแห่งชาติตอนตี 2 และถูกเข้าใจผิดว่าเป็นขโมยเนื่องจากบิเอลซา เอาแต่ฟังเทปแทคติก จนไม่ได้ยินรปภ.สั่งให้หยุด และกว่าจะรู้ตัวก็เป็นตอนที่ถูกเล็งปืนมาแล้ว 

 2

หรือในเดือนมีนาคม 2008  สมัยที่คุมทีมชาติชิลี ขณะเดินทางไปชมเกมลีกชิลีระหว่าง อูนิเบร์ซิดาด พบ ริเวอร์เพลทเพื่อดูฟอร์มของอเล็กซิส ซานเชส ระหว่างเดินไปสนาม เขาได้เอาตั๋วของตัวเองให้เด็กสองคนที่เล่นฟุตบอลอยู่ริมถนนที่เจอระหว่างทางเดินไปสนาม ส่วนตัวเขาไปดูเกมที่บาร์แทน 

บิเอลซา ยังเป็นพวกคลั่งไคล้ในเรื่องข้อมูล เขาต้องตรวจเช็คทุกอย่างที่สามารถทำได้ สมัยที่เขายังเป็นโค้ชเยาวชนของนีเวลล์  มีข่าวลือว่าเขาควบรถ Fiat 147 ไปทั่วอาร์เจนตินาเป็นระยะทางกว่า 5,000 ไมล์ เพื่อดูฟอร์มนักเตะดาวรุ่งกว่า 3,000 คน เพื่อเลือกมาเข้าทีม

เขายังเป็นพวกบ้างานสุดขีด เขาใช้เวลาในวันหยุดตามกฎหมายและสุดสัปดาห์ หรือแม้กระทั่งช่วงเทศกาลคริสมาสต์และปีใหม่ไปกับการชมเทปย้อนหลังเพื่อวิเคราะห์เกม แทนที่จะออกไปสังสรรค์หรือพักผ่อนตามชายหาด 

“ครั้งหนึ่งตอนที่ถามว่าเขาจะใช้เวลาในวันหยุดช่วงคริสต์มาสและปีใหม่อย่างไร บิเอลซาอธิบายว่าเขาตั้งใจว่าจะออกกำลังกายวันละ 2 ชั่วโมง และอีก 14 ชั่วโมง ใช้มันไปกับการดูวิดีโอย้อนหลัง” โจนาธาน วิลสัน นักเขียนของ The Guadian ผู้เคยสัมภาษณ์บิเอลซากล่าว 

 3

แต่บิเอลซา ก็ยังยึดวิถีการทำงานแบบนี้มาตลอด แม้จะย้ายมาคุมทีมในลีกอังกฤษ ที่เป็นประเทศอนุรักษ์นิยมก็ตาม 

สปายเกตและแฟร์เพลย์ 

คำว่า “นิยมในความสมบูรณ์แบบ”  (Perfectionist) อาจจะเป็นคำจำกัดความที่ดีที่สุดสำหรับ บิเอลซา ในวันที่เขามาถึง ลีดส์ ยูไนเต็ด เป็นวันแรก เขาใช้นิ้วลูบไปตามผืนหญ้าในสนามทอร์ป อาร์ช สนามซ้อมของทีมเพื่อเช็คดูว่ามีฝุ่นหรือไม่ 

ในขณะเดียวกัน เขายังถามถึงรอยเปื้อนที่อยู่บนกำแพง ซึ่งห่างจากพื้นไม่ถึงครึ่งหลา เจ้าหน้าที่อธิบายว่าน่าจะเป็นใครบางคนเอาเท้ายันกำแพง แต่บิเอลซาตอบกลับมาว่า 

“นั่นแสดงให้เห็นว่าคนนั้นไม่ได้มีสมาธิกับงาน ถือเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้” 

 4

รอยเปื้อนอาจจะเป็นเรื่องเล็กสำหรับคนอื่น แต่สำหรับบิเอลซา ที่ใส่ใจทุกรายละเอียดถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ลีดส์อาจจะมีปัญหาที่ใหญ่กว่านี้ แต่สำหรับเขามันคือสิ่งเล็กๆที่ทำให้ทีมกลับมาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นได้ 

อันที่จริงลีดส์เคยเป็นทีมที่โดดเด่นในยุคพรีเมียร์ลีก และเคยเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก แต่ต้องตกชั้นจากลีกสูงสุดในปี 2003-2004 หลังมีปัญหาทางการเงิน  และเคยตกต่ำถึงขั้นลงไปเล่นในลีกระดับ 3 อย่างลีกวันมาแล้ว 

บิเอลซา เข้ามาปฏิวัติทีม เริ่มตั้งแต่การให้ทีมชุดใหญ่กับทีมเยาวชนแยกสนามซ้อม เนื่องจากเมื่อก่อนทั้งทีมชุดใหญ่และชุดเล็กต่างใช้สนามทอร์ป อาร์ช ร่วมกัน โดยให้เหตุผลว่าเขาอยากให้ทีมชุดใหญ่มีพื้นที่ส่วนตัว มีหอพักและห้องสำหรับดูเกมเป็นของตัวเอง เนื่องจากสนามซ้อม เป็นเสมือนที่ทำงานของนักเตะ พวกเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ตลอดทั้งวัน 

เขายังเพิ่มปริมาณการซ้อมให้หนักขึ้นทั้งด้านจิตใจและร่างกาย เน้นการซ้อมแบบ 1 ต่อ 1 แต่จะมีช่วงพักเบรกกลางวัน และชั่วโมงให้นอนหลับ 15 นาทีทุกวัน ยิ่งไปกว่านั้นตัวเขาเองยังมีเตียงส่วนตัวในออฟฟิศของตัวเองที่เอาไว้ดูเทปย้อนหลังเพื่อวิเคราะห์เกม

“งานของผมคือเค้นศักยภาพนักเตะออกมาให้ถึงขีดสุด” บิเอลซากล่าว

 5

ช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่บิเอลซาเข้ามา ลีดส์ก็แปรสภาพจากทีมกลางตารางเมื่อฤดูกาลก่อน กลายเป็นทีมลุ้นแชมป์อย่างสมบูรณ์แบบ เขาพาทีมไร้พ่าย 8 นัดรวดและรั้งอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูงของตารางหลังผ่านครึ่งฤดูกาลแรก แต่น่าเสียดายที่พวกเขาทำได้เพียงแค่อันดับ 3 เท่านั้น 

อย่างไรก็ดี สำหรับ บิเอลซา เขายังคงยังคงยึดมั่นในวิถีทางของตัวเองอยากหนักแน่น แม้คนอื่นอาจจะมองว่าเป็นปัญหา แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ เดือนมกราคม 2019 เขาถูกกล่าวหาจากแฟรงค์ แลมพาร์ดกุนซือของดาร์บี เคาท์ตี ว่าส่งคนมาสอดแนมการซ้อม และการเป็นข่าวโด่งดังในชื่อคดี “สปายเกต” 

บิเอลซายอมรับในข้อกล่าวหาก่อนจะเปิดเผยข้อมูลสุดช็อคว่าเขาสอดแนม “ทุกทีม” 
ยิ่งไปกว่านั้นในงานแถลงข่าว เขายังนำพรีเซนเทชั่น แสดงข้อมูลของทุกทีมมาแสดง ในนั้นมีข้อมูลของนักเตะทุกคน ระบุอย่างละเอียดว่าทีมไหนเล่นแบบใด ในช่วงนาทีที่เท่าไร มีการเปลี่ยนแผนระหว่างเกมหรือไม่ ใครมีโอกาสได้ลงสนามบ้าง และลงในนาทีที่เท่าไร และลงลึกถึงขั้นการแสดงสัญญาณมือของนักเตะในสนาม 

บิเอลซา มองว่าสิ่งที่เขาทำไม่ใช่เรื่องผิด เป็นสิ่งที่ทำมาตั้งแต่สมัยคุมทีมในอาร์เจนตินา หรือลีกต่างๆในยุโรป และแน่นอนหากมีคนบอกว่าผิด เขาก็ยืดอกรับผิดชอบด้วยการควักกระเป๋าจ่ายเงินค่าปรับมูลค่า 200,000 ปอนด์ (ราว 8 ล้านบาท) ด้วยตัวเอง และเปิดเผยรายชื่อนักเตะก่อนเกมทุกนัด  

 6

“ผมจะรับผิดชอบเอง มันไม่ได้ผิดกฎหมาย เราทำมันอย่างเปิดเผย และเราก็พูดในการแถลงข่าว สำหรับบางคน มันอาจจะเป็นสิ่งที่ผิดที่ทำ และสำหรับบางคนมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ผิด” บิเอลซากล่าวในงานแถลงข่าว

นี่ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่ บิเอลซา แสดงตัวตนของเขาให้ฟุตบอลอังกฤษได้เห็น ในเกมระหว่าง แอสตัน วิลลา ในช่วงท้ายฤดูกาล ได้เกิดดรามาขึ้น เมื่อนักเตะของลีดส์ ได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ผู้เล่นวิลลาบาดเจ็บและคิดว่าลีดส์จะหยุดเล่น 

เหตุการณ์ดังกล่าวลุกลามจนก่อนให้เกิดความวุ่นวายในสนาม และหลังการปะท้วงของฝั่งวิลลา บิเอลซาไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาสั่งให้นักเตะของตัวเองหยุดเล่นและปล่อยให้วิลลายิงประตูเสมออย่างง่ายดาย  

แม้จะมีพฤติกรรมที่คาดเดาไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับได้รับการยกย่องจากโค้ชและนักเตะชื่อดังหลายคน

กุนซืออันดับหนึ่งของโลก 

บิเอลซา อาจจะไม่ใช่กุนซือที่มีชื่อเสียงที่ผ่านการคุมทีมระดับโลกมาอย่างโชกโชน เพราะนอกจากทีมชาติอาร์เจนตินาแล้ว ทีมดังที่สุดที่เขาเคยกุมบังเหียนคือ ลาซิโอ สโมสรที่เขาลาออกหลังได้รับการแต่งตั้งเพียง 2 วัน 

ส่วนที่เหลือ กลับเป็นทีมที่อยู่ในระดับกลาง ไม่ว่าจะเป็น นีเวลล์ โอลด์บอย (อาร์เจนตินา)  แอตลาส (เม็กซิโก) เอสปันญอล และแอธเลติก บิลเบา (สเปน) หรือ โอลิมปิก มาร์เซย์ และ ลีลล์ (ฝรั่งเศส) 

 7

ทว่าทุกทีมที่เขาเข้าไปมีส่วนร่วม กลับมีเสียงเชิดชูจากคนที่เกี่ยวข้อง จากการใช้ทรัพยากรที่มีอย่างจำกัด ผลักดันให้ทีมเหล่านั้นกลายเป็นทีมที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพา นีเวลล์ โอลด์บอย คว้าแชมป์ลีกอาร์เจนตินาในปี 1991 ทั้งที่ฤดูกาลก่อนหน้านั้นเป็นเพียงกลางตาราง หรือการพาทีมเล็กๆอย่าง แอธเลติก บิลเบา เข้าชิงชนะเลิศ ยูโรปาลีกในปี 2011-2012 หรือล่าสุดคือการพาลีดส์ลุ้นเลื่อนชั้นในฤดูกาลที่ผ่านมา 

“bueno loco คนบ้าที่ดีคนหนึ่ง เขาไม่เคยหยุดที่จะฝึกสอนนักเตะ การฝึกซ้อมอาจจะยาวนานมาก จนกว่าเขาจะพอใจ สองชั่วโมงซ้อมอยู่แบบเดิม แต่ตอนที่คุณลงไปในสนาม มันจะกลายเป็นสิ่งที่ละสายตาไม่ได้ แล้วคุณจะเถียงได้อย่างไร” อันเดร เอร์เรราที่เคยร่วมงานกับบิเอลซาที่บิลเบากล่าว  

“ชายคนนี้จดบันทึกทุกเกม ถ้าเขาได้ดูเวย์น รูนีย์และมาซิยาล ประสานงานเข้าด้วยกัน เขาจะถ่ายคลิป สาธิตให้ดูเป็นตัวอย่าง และคุณต้องฝึกจนกว่าจะถูก คุณต้องคิดว่า “เหมือนเดิมอีกแล้ว อีกแล้วเหรอเนี่ย” แต่มันกลับได้ผล” 

เขากลายเป็นผู้กอบกู้ทีม แม้ว่าการซ้อมจะหนักขึ้น และอาจเกิดการต่อต้านจากผู้เล่นบางคนในตอนแรก แต่สุดท้ายแล้วทุกคนก็ยอมรับในแนวทางของเขา 

 8

“โปรแกรมการซ้อมเข้มข้นมาก เขารู้ทะลุปรุโปร่งทั้งเรื่องเทคนิคและแทคติก” อังเดร ปิแอร์ ฌีญัก ที่เคยเป็นลูกทีมของเขาที่โอลิมปิก มาร์กเซย์กล่าว

“เขารู้ทุกอย่างตั้งแต่รายละเอียดเล็กๆ ผมได้ดูตารางการซ้อมของเขา มันมีเป็นร้อยๆ และเขาวิเคราะห์มันทุกเกม เขาสอนเราให้เฉิดฉาย มันคือฟุตบอลที่แท้จริง” 

บิเอลซาคือกุนซือที่หลายคนรักหากได้ทำงานด้วย เขาอุทิศตัวให้กับฟุตบอลอย่างแท้จริง เมื่อปี 2018 เขาเพิ่งจะบริจาคเงิน 1.9 ล้านปอนด์ให้ นีเวลล์ สร้างสนามซ้อมใหม่ เนื่องจากมองว่าสโมสรแห่งนี้มอบชีวิตให้กับเขา 

“เขาเป็นโค้ชที่นักฟุตบอลอยากจะเล่นให้ เป็นคนที่นักข่าวอย่างพวกคุณอยากจะคุยด้วย เขาทิ้งรอยเท้าไว้ทุกที่ที่เขาไป ไม่ว่าจะที่นีเวลส์ฯ หรือบิลเบา, ชิลี, มาร์กเซย์, อาร์เจนตินา”  ตาตา มาร์ติโน อดีตโค้ชบาร์เซโลนา ซึ่งเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของบิเอลซากล่าว 
 
ตัวตนของ บิเอลซา กลายเป็นต้นแบบให้กับกุนซือหลายคน ไม่เว้นแม้แต่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือแมนเชสเตอร์ ซิตี ที่เพิ่งพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 4 ยังยกย่องให้เขาเป็นผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในโลก 

“ความชื่นชอบของผมต่อมาร์เซโล บิเอลซา มันมหาศาล เขาทำให้ผู้เล่นที่เล่นดี เล่นดีมากกว่าเดิม” กวาร์ดิโอลาเคยให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อปี 2017

 9

“ผมยังไม่เคยเจอคนที่เป็นอดีตนักเตะของบิเอลซาพูดไม่ดีเกี่ยวกับเขา พวกเขาต่างรู้สึกซาบซึ้งกับอิทธิพลที่มีต่อชีวิตนักฟุตบอลของพวกเขา” 

กวาร์ดิโอลา ได้รับอิทธิพลมาจากบิเอลซามาพอสมควร ว่ากันว่าที่เขาซื้อ ฮาเวียร์ มาสเคราโน มาเล่นกองหลังที่บาร์เซโลนา มาจากทฤษฎีของบิเอลซาที่ว่า กองกลางตัวรับสามารถเล่นเกมรับได้ดี และเล่นลูกโต้กลับได้จากตำแหน่งนี้ 

“เขาให้คำปรึกษาผมมาก เมื่อผมได้คุยกับเขา ผมรู้สึกว่าเขาอยากจะช่วยผมทุกครั้ง” กวาร์ดิโอลากล่าว 

แม้บิเอลซา อาจจะดูเป็นพวกนิยมความสมบูรณ์แบบมากเกินไป แต่ทุกอย่างที่เขาทำล้วนมีเหตุผล เพราะนั่นคือสิ่งที่เขาพยายามเพื่อนักเตะของเขา เขาทุ่มเท ใส่ใจ เพื่อรีดศักยภาพของผู้เล่นและทีมออกมาให้ได้มากที่สุด 

มองจากภายนอกเขาอาจจะไม่ใช่โค้ชที่ประสบความสำเร็จหากพูดถึงถ้วยรางวัล แต่นั่นคือการตัดสินเขาเพียงด้านเดียว เพราะบางทีถ้วยแชมป์อาจจะไม่ใช่เครื่องวัดความสุดยอดของโค้ชคนหนึ่งก็เป็นได้ 

“เราตัดสินโดยดูจากความสำเร็จที่เขามี แชมป์ที่เขาคว้ามาได้ แต่นั่นเป็นเพียงเรื่องเล็กเมื่อเทียบกับสิ่งที่เขามีอิทธิพลต่อฟุตบอล ต่อนักเตะของเขา” กวาร์ดิโอลากล่าวต่อ

“ผมรักเขาในความเป็นมนุษย์ของเขา เขาฝึกผมตอนเด็กๆด้วยวิธีที่น่าทึ่ง ความสำเร็จของเขา ผมรู้สึกเหมือนเป็นความสำเร็จของผมด้วย ทุกคนที่ทำงานกับเขากลายเป็นผู้เล่นที่ดีขึ้น และทีมที่ดีขึ้น นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาจึงเป็นผู้จัดการทีมที่พิเศษ เป็นคนพิเศษ” 

“นั่นคือเหตุผลว่าสำหรับผมเขาคือโค้ชที่ดีที่สุดในโลก”

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ ของ "มาร์เซโล่ บิเอลซ่า" : คนบ้าที่ "กวาร์ดิโอล่า" นับถือ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook