ศึกตัดสินปัญหาโลกแตก : เมื่อ "เฟเดอเรอร์ vs นาดาล" บนคอร์ตครึ่งดินครึ่งหญ้า

ศึกตัดสินปัญหาโลกแตก : เมื่อ "เฟเดอเรอร์ vs นาดาล" บนคอร์ตครึ่งดินครึ่งหญ้า

ศึกตัดสินปัญหาโลกแตก : เมื่อ "เฟเดอเรอร์ vs นาดาล" บนคอร์ตครึ่งดินครึ่งหญ้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในโลกของกีฬาจะหาใครสักคนที่เก่งจนถึงขั้นไม่มีใครเทียบติดและเป็นพระเจ้านั้นไม่ง่ายเลย เพราะเมื่อคุณบอกว่ามีคนหนึ่งที่เก่งที่สุด ก็จะมีอีกคนแย้งว่าคนนี้เก่งกว่า และเมื่อมันเป็นการเถียงกันด้วยมุมมองของคนสองคน ดังนั้นที่สุดแล้วหลังจากการถกเถียงแล้วคุณก็จะยังไม่ได้คำตอบอยู่ดี  แบบนี้เขาเรียกว่า "ปัญหาโลกแตก"

ในโลกเทนนิสก็เช่นกัน นับตั้งแต่เข้าสู่ยุคมิลเลเนียมมาจนถึงตอนนี้ปัญหาการถกเถียงกันว่า ราฟาเอล นาดาล กับ โรเจอร์ เฟ็ดเดอเรอร์ ใครคือเบอร์ 1 ของวงการกันแน่? จนที่สุดแล้วก็มีคนอยากจะตัดสินให้รู้กันไปเลยว่าคำตอบที่ออกมานั้นจะเป็นอย่างไรหากทั้งสองคนได้ตีบนพื้นสนามที่ต่างคนต่างถนัด...

 

12 ปีที่แล้ว ที่ มายอร์ก้า ประเทศ สเปน แมตช์ที่เรียกว่า ครึ่งคอร์ตดิน ครึ่ง คอร์ตหญ้า ได้อุบัติขึ้นโดยมี นาดาล และ เฟเดอเรอร์ เดินลงสู่สนามและประจำที่ในคอร์ตเก่งของตัวเอง.... แมตช์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร มีเรื่องราวอะไรซ่อนอยู่ภายในบ้าง? ติดตามได้ที่นี่

พวกเขาไร้พ่าย

โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ นั้นมีอายุมากกว่า ราฟาเอล นาดาล อยู่ 5 ปี หากย้อนกลับไปช่วงปี 2007 ณ เวลานั้น เฟดเอ็กซ์ จะมีอายุ 25 ปี ขณะที่ นาดาล มีอายุ 20 ปี เรียกได้ว่า ณ ตอนนั้นคือช่วงเวลาที่ทั้งคู่เป็นหนุ่มกระทง มีแรงตีกันได้ทั้งวัน ยากที่จะหาใครสักคนมาคว่ำพวกเขาได้หากเครื่องยนต์ในตัวของทั้งคู่ทำงาน

 1

ช่วงเวลาก่อนที่แมตช์นี้จะเกิดขึ้นนั้น เฟเดอเรอร์ คือผู้อยู่มาก่อน และครองความเป็นใหญ่อยู่สักพัก จนกระทั่งในปี 2004 เขาต้องเงี่ยหูฟังให้แน่ใจว่ามีเด็กอายุ 17 จาก สเปน ชื่อ ราฟา อะไรสักอย่างกำลังกลายเป็นคลื่นลูกใหม่ที่ร้อนแรงจนวงการเทนนิสต้องจับตา

"ราฟา นาดาล" คือชื่อของเด็กหนุ่มคนนั้น นักเทนนนิสที่ดุเหมือนกระทิง ผิดแผกไปจากนักหวดรุ่นเก่าๆที่มักจะมีลุคแบบผู้ดีเก่าทรงคุณชายตามประวัติศาสตร์เทนนิสที่เป็นกีฬาที่อยู่ในคลับนักกีฬาสวมชุดสีขาวดูสะอาดสะอ้าน ยามนอกสนามก็จะใส่เชิ้ต,สวมสูท พร้อมด้วยหมวกทรงเท่ๆสักใบ  แต่ นาดาล นั้นไม่ใช่เลย หนุ่มชาวสเปนคนนี้มีภาพลักษณ์แบบบจอมลุยเสื้อเลอะเปรอะไปหมดแถมยังชอบใส่เสื้อแขนกุดลงเล่นอีกต่างหาก แต่ก็เป็นความเท่ในความแตกต่างที่นานๆจะปรากฎสักครั้ง

นอกจากเรื่องของภาพลักษณ์ที่แตกต่างแล้ว นาดาล ยังมาพร้อมกับฝีมือไม่ธรรมดาตั้งแต่เด็ก เขาโตมากับการฝึกของ โทนี่ นาดาล ผู้เป็นลุงก่อนจะคว้าแชมป์ระดับทวีปในรุ่นจูเนียร์ตั้งแต่อายุ 16 ปีเท่านั้น นาดาล เป็นดาวรุ่งรูปร่างดี และถูกลุงโทนี่เติมเรื่องความ ใจสู้,ทัศนคติ และ สมาธิ จนเริ่มเก่งกาจขึ้นภายในระยะเวลาอันรวดเร็วและพาอายุ 17 ปี เขาก็สามารถเทิร์นโปรได้สำเร็จ และในปีเดียวกันนั้นเองเขาได้พบกับมือ 1 ของโลกอย่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ในการแข่งขันรอบ 3 ที่ ไมอามี่

เฟเดอเรอร์ นั้นคือนักเทนนิสที่อยู่คาบเกี่ยวระหว่างยุค '90 กับยุค มิลเลเนียม เฟดเอ็กซ์ เทิร์นโปรในปี 1998 และปีแรกเขาขึ้นถึงอันดับท็อป 100 ของโลกทั้งที ในยุคนั้นไม่ต้องพูดถึงว่ามีนักเทนนิสเก่งๆมากมายทั้ง พีท แซมพราส,อังเดร อากัสซี่,แอนดี้ ร็อดดิก,มารัต ซาฟิน รวมถึง คาร์ลอส โมย่า ที่เป็นไอดอลของ นาดาล ซึ่ง เฟเดอเรอร์ เคยร่วมดวลในสนามมาแล้วทั้งนั้น ถึงแม้ส่วนใหญ่จะแพ้ แต่ก็สู้ได้ดีมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังยุคปี 2000 เป็นต้นมาที่ดังระเบิดแจ้งเกิดกับการคว่ำ แซมพราส ในวิมเบิลดัน ปี 2001 และเริ่มชนะ อากัสซี่ ได้บ้าง... เฟเดอเรอร์ นั้นเกิดมาเพื่อเป็นที่หนึ่ง เขาสั่งสมประสบการณ์และขยันซ้อมตลอด 5 ปีหลังจากเทิร์นโปร หลังจากนั้นในปี 2003 ก็ได้แชมป์แกรนด์สแลมแรกในรายการ วิมเบิลดัน และคล้อยหลังเพียงปีเดียว เฟดเอ็กซ์ ก็กลายเป็นมือหนึ่งของโลกไปโดยปริยาย

การเจอกันครั้งแรกของ เฟดเอ็กซ์ กับ นาดาล ในปี 2004  ที่ ไมอามี่ เฟดเอ็กซ์ ในวัย 22 ปี ผ่าน นิโคลาย ดาวีเดนโก้ ในรอบ 64 คน และศัตรูของเขาในรอบนี้คือ มืออันดับ 36 ของโลก นักเทนนิสถนัดซ้ายจากสเปน  เป็นเหมือนการหยั่งเชิงเพื่อรู้ตื้นลึกหนาบางซึ่งกันและกัน...โดยเฉพาะฝั่ง เฟเดอเรอร์ ที่เพียงกระพริบตาก็เหมือนได้ระลึกชาติ การเห็นนาดาลในตอนนั้นเหมือนกับเขาเห็นตัวเองในช่วงวัยทีนที่สู้กับมือ 1 ของโลกอย่าง แซมพราส และ อากัสซี่ ด้วยสภาพจิตใจที่เกินเด็ก  เขาลงเล่นด้วยเสื้อสีขาวดูดีมีภูมิฐาน ขณะที่ นาดาล มาในเสื้อสีแดงเลือดหมูแขนกุด การแข่งได้เริ่มขึ้นแล้ว...

 2

Bleacher Report ให้คำนิยามของ นาดาล ในแมตช์ดังกล่าวว่าเป็นเหมือนแมตช์ที่นำส่วนประกอบต่างๆที่มีในตัวออกมาใช้อย่างถูกที่ถูกเวลา ทั้งจิตวิทยา,ความเรียบง่าย และความอ่อนน้อมถ่อมตน นี่คือสิ่งที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนักสำหรับวัยรุ่นคนหนึ่งที่อายุแค่ 17 ปี

"เมื่อเผชิญหน้ากับอัตราต่อรองในราคาที่เป็นรองสุดกู่มันทำให้ นาดาล เล่นได้ดียิ่งกว่าเดิม เขาไม่มีอะไรจะเสียหากว่าเขาแพ้นั่นคือเสมอตัวเพราะแพ้มือ 1 ของโลก แต่ถ้าเขาจะชนะนั่นหมายความว่าเขาเป็นนักเทนนิสระดับโลก" เจ.เอ. อัลเลน นักเขียนของ Bleacher Report  ว่าถึงบรรยากาศในเกมนั้น

"นาดาลไม่ยอมแพ้และกัดไม่ปล่อยเหมือนหมาพิทบูลที่เมื่อได้งับใครเข้าที่น่องแล้วมันจะสะบัดสุดแรงจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายและถ้าคุณอยากจะให้มันหลุดจากขาของคุณแล้วล่ะก็....ตัดขาของคุณทิ้งยังง่ายเสียกว่า"

ผลปรากฎว่า นาดาล สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเอาชนะ เฟเดอเรอร์ แบบ 2 เซ็ตรวดด้วยคะแนน 6-3 และ 6-3  ....มันขาดลอยชนิดที่ว่าไม่มีใครกล้าทำนายเอาไว้ก่อนแข่ง และเมื่อนั้น เฟเดอเรอร์ รู้ว่าไอ้หนุ่มคนนี้จะกลายเป็นตัวขัดลาภสำหรับเกียรติยศและความยิ่งใหญ่ของเขาแน่นอน

3 ปีแห่งความท้าทาย

หนังสือพิมพ์ทุกฉบับลงข่าวแมตช์แจ้งเกิดของ นาดาล อย่างพร้อมเพียงในพาดหัวของแต่ละสำนัก บ้างว่าก็ว่านี่คือคลื่นลูกใหม่ที่จะซัดเฟเดอเรอร์ให้กระจุย บ้างก็บอกว่าเขาจะกลายเป็นนักเทนนิสสเปนที่ก้าวข้ามระดับของตำนานยุคที่แล้วอย่าง คาร์ลอส โมย่า...ไม่ว่าจะคิดกันไปในทิศทางไหนก็ดูเหมือนว่า นาดาล จะไม่ทำให้เหล่าสื่อผิดหวังเลยแม้แต่น้อย

 3

หลังจากชนะ เฟเดอเรอร์ ได้ปีเดียว นาดาล ก็สร้างความลำบากใจให้กับนักเทนนิสรุ่นพี่อย่างต่อเนื่อง และเริ่มเข้าใกล้แชมป์แกรนด์สแลมมากขึ้น ในปี 2005 เขาเข้าไปถึงรอบที่ 4 ในออสเตรเลี่ยน โอเพ่น แต่ก็แพ้ให้กับ เลย์ตัน ฮีวิตต์ ที่กลายเป็นรองแชมป์ในบั้นปลาย ก่อนที่จะได้เจอกับ เฟเดอเรอร์ เป็นครั้งที่ 2 ที่ไมอามี่เช่นเดิม และหนนี้ เฟดเอ็กซ์ ต้องออกแรงเหนื่อยถึง 5 เซ็ต กว่าจะปราบนาดาลได้ อย่างไรก็ตาม นาดาล มีจุดเด่นเป็นอย่างมากในพื้นที่ที่เรียกว่า "เคลย์คอร์ท" หรือที่เรียกกันว่า "คอร์ทดิน" อันเป็นคุณสมบัติเด่นของนักเทนนิสจากสเปนนั่นเอง เขาทำสถิติชนะบนพื้นดินถึง 24 แมตช์ติดต่อกัน และทำลายสถิติของ อังเดร อากัสซี่ ที่เคยทำไว้สำหรับนักเทนนิสชายวัยทีนเอจ และสิ่งที่ตอกย้ำความเก่งกาจในคอร์ตดินของ นาดาล คือเขายังคว้าแชมป์แกรนด์ สแลมแรกในรายการที่ใช้คอร์ทดินอย่าง เฟร้นช์ โอเพ่น ในปี 2005 นั่นเอง

ด้าน เฟดเอ็กซ์ เองฝีมือก็เก่งกาจเพิ่มขึ้นไม่แพ้กัน แม้ไม่วูบวาบแต่ก็มั่นคงและต่อเนื่อง เพราะเขากวาดแกรนด์สแลมถึง 14 ครั้งภายในช่วงเวลา 5-6 ปี และเป็นอันดับ 1 ของวงการเทนนิสในแบบที่ถูกเรียกว่า Phenomenon หรือปรากฎการณ์เลยทีเดียว นอกจากจะเป็นแชมป์แล้ว เฟเดอเรอร์ ครองตำแหน่งมือ 1 ของโลกมายาวนานถึง 5 ปี แบบที่ไม่เคยมีนักเทนนิสชายคนไหนในประวัติศาสตร์ทำได้  ณ เวลานั้นไม่ว่าจะเจอกับใครแทบจะมัดหัวแม่มือได้เลยว่า "เดี๋ยวเฟดเอ็กซ์ก็ชนะ" ซึ่งหลายครั้งมันก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ..แต่ติดอยู่อย่างเดียวเพราะกับโจทย์เก่าอย่าง นาดาล นั้น เฟดเอ็กซ์ ไม่ได้ชนะง่ายดายเหมือนกับที่ตีกับนักเทนนิสรุ่นเดียวกันหรือรุ่นหลังๆ

 4

มีการถกเถียงกันว่า เฟเดอเรอร์ แพ้ทางนาดาล โดยเฉพาะ คอร์ทดินนั้น แทบจะหมดสิทธิ์คว้าชัยเลยหากทั้งคู่ได้พบกัน ขณะที่อีกฝั่งก็บอกว่า นาดาล เองก็ไปไม่เป็นถ้าต้องรับมือกับ เฟดเอ็กซ์ บนคอร์ทหญ้า   ซึ่งสถิติ ณ เวลานั้นมันฟ้องว่าทำไมถึงต้องถกเพียงกันขนาดนั้น 1 คือ เฟเดอเรอร์ ทำสถิติชนะถึง 42 แมตช์ติดต่อกันในการเล่นคอร์ทหญ้าตลอด 5 ปีหลังสุด ขณะที่ นาดาล ชนะไป 72 แมตช์ติดต่อกันหากได้เล่นคอร์ทดิน  

เมื่อทั่วโลกสงสัยก็ได้เวลาที่จะหาคำตอบว่าหากเอามาสู้กันแบบแฟร์ๆ คอร์ทหญ้าครึ่งหนึ่ง คอร์ทดินครึ่งหนึ่งใครจะเป็นผู้ชนะระหว่าง กระทิงหนุ่มชาวสเปน หรือ นัมเบอร์วันจากแดนนาฬิกา?

ศึกไขปัญหาโลกแตก

ปี 2007 เกิดแมตช์ประวัติศาสตร์ขึ้นแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เพราะมีการเนรมิตสนามเทนนิสขึ้นมาใหม่ 1 สนามที่ พัลมาร์ อารีน่า เดอะ มายอร์ก้า บ้านเกิดของนาดาล สนามแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยการใช้ระยะเวลาเพียง 19 วัน แต่มีความพิเศษและแตกต่าง นั่นคือฝั่งหนึ่งเป็นคอร์ทดิน และอีกฝั่งหนึ่งเป็นคอร์ทหญ้า งบประมาณในการสร้างทั้งหมด 1.63 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อให้ นาดาล และ เฟเดอเรอร์ ลงแข่งพร้อมกัน และสลับคอร์ทกันตีเพื่อความเท่าเทียม และความคิดนี้โดนใจ เฟเดอเรอร์ เข้าอย่างจัง

 5

"เราทั้งคู่ตั้งตารอคอยอีเว้นท์นี้แบบใจจดใจจ่อ มันเป็นไอเดียที่ถูกใจผมมากๆ เราทั้งคู่ต่างก็ครองความยิ่งใหญ่บนคอร์ทที่ตัวเองถนัด ราฟา ทำสถิติชนะ 72 ครั้งบนคอร์ทดิน ส่วนผมก็ไม่แพ้ใครในคอร์ทหญ้ามา 48 นัด มันสนุกดีที่จะได้ลงเล่นในสนามที่มีคอร์ทแบบผสม"

"มีคนพูดถึงอะไรแบบนี้มานานแล้วตอนนี้คำถามที่ว่ากำลังจะได้หาคำตอบในไม่ช้า มันโอเคที่เล่นที่ มายอร์ก้า บ้านเกิดของ นาดาล เพราะเขาก็เคยไปที่ บาเซิล บ้านของผมแล้วเหมือนกัน" เฟดเอ็กซ์กล่าว

สำหรับความแตกต่างนั้น คอร์ทหญ้าจะมีปฎิกิริยาต่อลูกที่เร็วกว่าและนักเทนนิสสายพลังหวดแหลกจะได้ประโยชน์จากคอร์ทนี้ ขณะที่คอร์ทหญ้านั้นจะช้ากว่าแต่ก็จะจับทิศทางของลูกยากกว่าคอร์ทหญ้า ซึ่งนักเทนนิสที่ได้ประโยชน์จากคอร์ทประเภทนี้คือสายตีโต้ที่อดทน,อึดและมีความแม่นยำ

เปิด 3 เสิร์ฟแรก เฟเดอเรอร์ แพ้ นาดาล ที่ต่างฝ่ายต่างเล่นบนคอร์ทไม่ถนัดไปก่อน 1-3 แม้เกมที่เหลือจะแลกกันไปมาแต่ที่สุดแล้ว นาดาล ก็เอาชนะไปก่อนในเซ็ตแรกด้วยคะแนน 7-5

และเมื่อกลับสู่เซ็ตที่ 2 ซึ่งทั้งคู่ได้เล่นบนคอร์ทถนัด เฟดเอ็กซ์ ก็ปรับจังหวะได้และเริ่มไล่ล่า นาดาล ทันที ซึ่งมันก็เหมือนสังเวียนใครสังเวียนมัน เพราะจบเซ็ต 2 ไปด้วยชัยชนะของ เฟเดอเรอร์ ด้วยคะแนน 6-4

 6

เข้าเซ็ตสุดท้าย ที่คราวนี้ฝ่ายจัดงัดกฎที่ท้าทายขึ้นด้วยการให้ทั้งคู่ต้องสลับคอร์ทระหว่างเซ็ต นาดาลเบรกเกมเสิร์ฟในเกมที่ 4 และนำเฟเดอเรอร์ไป 3-1 แต่ เฟดเอ็กซ์ ไม่ยอมแพ้ ไล่ตีเสมอมาเป็น 3-3 จากนั้นก็ตีสวนกันไปสวนกันมาแบบแกะแต้มกันไม่ออก และสุดท้ายเป็น นาดาล ที่เอาชนะด้วยคะแนน 11-10 ไปในที่สุด

"มันเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมาก แม้ว่าก่อนแข่งผมคิดว่าตัวเองจะต้องใช้เวลาปรับตัวกับคอร์ทสักพักเพราะรู้สึกได้เลยว่ามันยากมาก แต่สุดท้ายผมก็มีช่วงเวลาที่ดี นั่นถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด" นาดาล กล่าวหลังคว้าชัยในเกมสุดมทัน

"เราทั้งคู่อยากจะเจอกันอีกสักครั้งในสนามแบบนี้ เพราะแม้มันจะไม่ใช่การแข่งขันแบบเป็นทางการ แต่มันก็มีข้อดีที่ทำให้เราไม่ต้องตึงเครียดจนเกินไป สามารถลุ้นทำแต้มกันได้อย่างผ่อนคลายมากขึ้นกว่าปกติ" ผู้ชนะกล่าวส่งท้าย

 7

ทั้งสองคนยอมรับกับผลการแข่งขันในเกมพิเศษนี้ นาดาล และ เฟดเอ็กซ์ เดินเข้ามากอดกันหลังเกมจบ ซึ่งตัวของ เฟดเอ็กซ์ ก็ไม่ได้อ้างอะไรมากไปกว่าการชื่นชมไอเดียและคุณภาพของทั้งสองคอร์ทในเกมสุดมันที่ผ่านมา

"คอร์ทในเกมนี้เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากโดยเฉพาะส่วนของคอร์ทดินที่ท้าทายและมีความยากเกิดขึ้นหลายอย่างในหัวของผม และเมื่อคุณมีปัญหาคุณย่อมต้องหาวิธีที่จะเล่นและปรับตัวในแต่ละฝั่งของคอร์ทที่คุณยืนอยู่ บนพื้นหญ้าผมคิดว่าผมเคลื่อนไหวได้ดีมาก แต่กลับดินนั้นผมต้องใช้เวลาปรับตัวนานพอดดูเลยล่ะครับ" เฟเดอเรอร์ กล่าว

ชัยชนะที่บอกอะไรไม่ได้

แม้จะรู้สึกว่านี่เป็นชัยชนะที่ทำให้ นาดาล พิสูจน์ว่าตัวเขาเป็นมือหนึ่งของโลกตัวจริง แต่นั่นก็แค่ในความรู้สึกของแฟนๆเท่านั้น เพราะตัวของนาดาลก็ไม่ได้มีคำพูดที่บ่งบอกถึงความจริงจังในแมตช์นี้มากนัก เช่นเดียวกับ เฟเดอเรอร์ ที่เล่นเกมนี้จบลงเหมือนกับเกมอุ่นเครื่องเอนเตอร์เทนแฟนๆเท่านั้น เพราะหลังจากศึก "Battle of the Surfaces" จบลง ทั้งคู่ก็เอามาตั้งหน้าตั้งตาและเอาจริงในการเล่นแมตช์ระดับเป็นทางการต่อไป มันคือความจริงที่ว่าแมตช์นี้ไม่ได้เป็นแมตช์ตอบคำถามปัญหาโลกแตกอย่างที่คาดการณ์กันไว้ก่อนที่ทั้งสองจะลงแข่งขันกัน

 8

เฟเดอเรอร์ อาจจะแพ้นาดาล แต่ช่วงเวลาหลังจากแมตช์นั้นเขาเดินหน้าสร้างตำนานคว้าแกรนด์สแลมเป็นว่าเล่นและถูกเรียกว่า "GOAT" (Greatest of All Time) ด้วยจำนวนแกรนด์สแลมทั้งหมด 20 ครั้ง และเป็นนักเทนนิสที่รักษาตำแหน่งมือวางอันดับ 1 ของโลกได้ยาวนานที่สุดถึง 310 สัปดาห์ ทำลายสถิติเก่าของ พีท แซมพราส ที่ทำไว้ 286 อย่างขาดลอย (ขณะที่นาดาล ครองมือ 1 ได้ 196 สัปดาห์)

ขณะที่ นาดาล คว้าแกรนด์สแลมถึงตอนนี้แล้ว 17 รายการ ซึ่งในประวัติศาสตร์เทนนิสก็เป็นรองแค่ เฟเดอเรอร์ เพียงคนเดียวเท่านั้น แม้ว่าปัจจุบัน นาดาล จะไม่ใช่ดาวรุ่งอีกต่อไปแล้ว และเข้าสู่เลข 3 แต่ตัวเขาเองก็ยังเป็นหัวแถวของวงการเทนนิสไม่เปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับ เฟเดเรอร์ ที่ปัจจุบันเข้าใกล้เลข 4 แล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมถอยให้กับรุ่นน้องหรือคลื่นลูกใหม่ลูกไหนทั้งสิ้น   

 9

แม้การขับเคี่ยวในสนามของทั้งคู่จะกินเวลามาแล้วกว่า 20 ปี และมันชวนให้คิดว่าทั้งคู่ต่างแอบจงชังกันอยู่ ทว่าจริงแล้วในฐานะมืออาชีพและยอดฝีมือทั้ง นาดาล และ เฟดเอ็กซ์ ต่างให้เคารพกันในเรื่องของฝีมือเป็นอย่างมาก ครั้งหนึ่งทั้งคู่เคยจับคู่กันในรายการ  เลเวอร์ คัพ ให้กับทีมยุโรป และช่วยกันเล่นจนเอาชนะคู่ของ แจ็ค ซ็อค กับ แซม เคอร์เรย์ คู่ของทีมรวมนานาชาติ 2-1 เซต 6-4, 1-6, 10-5

"เราจะเป็นคู่แข่งกันไปเสมอตราบเท่าที่พวกเรายังลงแข่งขันกันอยู่ และหลังจากนี้เราจะเป็นคู่ต่อสู้กันอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม นี่เป็นบางสิ่งที่พิเศษ มันทำให้คุณรู้ว่า สามารถไว้วางใจเขาได้ในช่วงเวลาสำคัญ การได้เห็นการตัดสินใจความคิดและการตัดสินใจของเขาเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากๆ" เฟเดอเรอร์ กล่าว

นอกจากนั้น นาดาล ยังเผยว่า ในช่วงที่ เฟเดอเรอร์ เล่นแมตช์ตัดสินให้ทีมยุโรป เจอกับ นิค คีร์กิออส ของทีมนานาชาติ ซึ่งสู้กันดุเดือดถึงช่วงซูเปอร์ไทเบรก ก่อนที่ เฟด-เอ็กซ์ จะชนะ 4-6, 7-6 (8-6), 11-9 ส่งให้ทีมยุโรปซิวแชมป์ด้วยสกอร์ 15-9 แต้มนั้น ตนได้ให้คำแนะนำกับรุ่นพี่ด้วย

"ผมแค่บอกให้เขาใส่ความดุดันเข้าไปอีกนิดหน่อย เขาเล่นได้ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว และคุมสถานการณ์ไว้ได้ แต่เราก็คิดว่าเขาน่าจะตีลูกโฟร์แฮนด์ได้แรงกว่านี้ และเมื่อบอกเขาไป เขาก็เห็นด้วย" นาดาล กล่าวหลังช่วยกันบันดาลแชมป์ให้ทีมยุโรปสำเร็จ

 10

เมื่อถึงคราวที่เป็นมิตรก็แนบแน่น เมื่อถึงคราวต้องหวดกันเองก็เต็มที่ สุดท้ายเราก็หาคำตอบแบบชัดเจน 100% ไม่ได้อยู่ดีว่า นาดาล กับ เฟเดอเรอร์ ใครเก่งกว่ากัน เพราะ เฟเดอเรอร์ คือ GOAT อย่างที่ได้กล่าวไป ขณะที่ นาดาล เองก็มีสถิติที่ดีกว่าในการเจอกับ เฟดเอ็กซ์ (ชนะ 23 แพ้ 15 - อัพเดท พฤษภาคม 2019) ดังนั้นมันจึงยากมากที่จะหาคำตอบนี้เพราะของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับมุมมองและความชอบของแต่ละคน... ไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูกสำหรับคำตอบปัญหาโลกแตก แต่คำตอบ 1 ข้อที่ถูกแน่ๆคือ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ และ ราฟาเอล นาดาล คือปรากฎการณ์แห่งวงการเทนนิสยุคมิลเลเนียมอย่างแท้จริง

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ ศึกตัดสินปัญหาโลกแตก : เมื่อ "เฟเดอเรอร์ vs นาดาล" บนคอร์ตครึ่งดินครึ่งหญ้า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook