[OPINION] ถ้า "พ่อมดน้อย" กลับมา...
กระแสของการดึง ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ กลับมายังแอนฟิลด์ ในตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์นี้ดังขึ้นอีกครั้ง จากปากของตำนานนักเตะและอดีตผู้ช่วยโค้ชของทีมสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล อย่าง ฟิล ธอมป์สัน
สาเหตุที่ทำให้มีเรื่องต้องพูดถึง "พ่อมดน้อย" กันในช่วงนี้มีอยู่ 2 เรื่องใหญ่ๆ นั่นคือ
1. ฟอร์มอันย่ำแย่กับบาร์เซโลน่าในช่วงขวบปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเกมเจอ ลิเวอร์พูล ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ..
2. ตลาดซื้อขายกำลังจะเปิดทำการอีกครั้ง
ถ้ายังจำกันได้ ตอนที่คูตินโญ่ย้ายไปค้าแข้งรับเงินก้อนใหญ่ในถิ่นคัมป์ นู เมื่อเดือนมกราคมปี 2018 นั้น เจ้าตัวกำลังฟอร์มพีกสุดๆ ชนิดที่เป็นหัวใจหลักในเกมรุกของ เดอะ เร้ดส์ และกำลังส่องแสงเปล่งประกายเหมือนดวงอาทิตย์บนท้องฟ้ายามเช้าอันสดใส
แน่นอนว่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสโมสรต่างรู้สึกว่าพวกเขากำลังจะสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดไป ทำให้ผู้คนทั้งแอนฟิลด์ช่วยกันดึงช่วยกันรั้งเจ้าตัวกันสุดฤทธิ์ จน เยอร์เก้น คล็อปป์ ต้องหล่นประโยคสุดคลาสสิคเพื่อเตือนสติสตาร์บราซิเลียนว่า..
"ถ้าคุณอยู่ที่นี่ต่อไป สุดท้ายแล้วพวกเขาจะสร้างรูปปั้นเพื่อเป็นเกียรติแก่คุณ แต่ถ้าย้ายไปอยู่ทีมอื่นอย่าง บาร์เซโลน่า, บาเยิร์น มิวนิค หรือ เรอัล มาดริด คุณจะกลายเป็นแค่นักเตะธรรมดา ไม่เหมือนอยู่ที่นี่ที่คุณจะทำบางสิ่งได้มากกว่า"
แล้วสุดท้ายคำพูดของนายใหญ่เมืองเบียร์ก็เป็นจริง เมื่อ "คูตี้" กลายเป็นยิ่งกว่านักเตะธรรมดา แต่เขาเป็นนักเตะที่แฟนบอลอาซูลกราน่าไม่ต้องการอีกต่อไป แม้ว่าเมื่อซีซั่นที่แล้วจะโชว์ฟอร์มได้ดี ช่วยให้ทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้ แต่เมื่อเข้าสู่ซีซั่นแรกของตัวเองแบบเต็มๆ กลับกลายเป็นว่า "พ่อมดน้อย" ไม่สามารถร่ายเวทมนตร์ได้เหมือนเคย
ภาพที่เราเห็นก็คือ ทุกครั้งที่จับบอลหรือเลี้ยงบอล บรรดาสาวกทีมเลือดหมู-น้ำเงินจะรุมโห่ฮากันอย่างหนัก ราวกับว่านักเตะบราซิเลียนไปทำความผิดอะไรร้ายแรง ตอนแรกอาจจะยังพอใจสู้ได้บ้าง เพื่อนร่วมทีมก็ช่วยกันให้กำลังใจกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง แต่ยิ่งนานวันไป กลายเป็นว่าคูตินโญ่ก็ยิ่งตกเป็นเป้าหมายของแฟนบอลมากขึ้น และเป็นเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับฟอร์มการเล่นที่ห่างไกลจากที่เคยแจ่มจรัสกับลิเวอร์พูล ขนาดที่หลังจบเกมที่พ่ายให้กับทีมเก่าของตัวเอง 0-4 ในแชมเปี้ยนส์ ลีก มีสต๊าฟฟ์ของบาร์ซ่าบางคนถึงกับให้สัมภาษณ์นักข่าวจากสเปนว่า..
"ชัดเจนว่าคูตินโญ่ไม่ใช่นักเตะของบาร์เซโลน่าอีกต่อไปแล้ว"
ด้วยปัญหาที่รุมเร้าขนาดนี้ จึงไม่แปลกที่จะมีข่าวเรื่องการย้ายทีม ซึ่งมีมาตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมจนเข้าช่วงซัมเมอร์ ข่าวยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น และมีหลายทีมใหญ่ต่างให้ความสนใจกันมากมาย
ซึ่งหนึ่งในนั้นมีชื่อของ ลิเวอร์พูล ทีมเก่าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ฟิล ธอมป์สัน อดีตผู้ช่วยโค้ชและตำนานนักเตะหงส์แดงยุครุ่งเรือง ได้ออกมากระตุ้นสโมสรให้รีบใช้โอกาสนี้ดึง อดีต "ลูกรัก" ของแอนฟิลด์กลับคืนรังโดยด่วน
ธอมโม่ ให้ความเห็นว่ารูปแบบการเล่นของคูตี้ที่บาร์ซ่านั้นแตกต่างจากที่เล่นให้กับ เร้ด แมชชีน เพราะที่นั่นเขาโดนจับไปเล่นเป็นตัวรุกฝั่งซ้าย ในขณะที่คล็อปป์ชอบใช้ดาวเตะวัย 26 ปีเล่นด้านหลังกองหน้าหรือรับบทเพลย์เมกเกอร์มากกว่า ซึ่งตรงนี้เป็นตำแหน่งที่เขาถนัดและสามารถดึงศักยภาพออกมาได้ดีที่สุด
แต่ที่คัมป์ นู นักเตะที่รับบทบาทนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ลีโอเนล เมสซี่ ซึ่งสามารถวิ่งพล่านทำเกมได้ทั่วสนาม ดังนั้น นักเตะที่เหลือจึงต้องถูกจับไปเล่นในตำแหน่งอื่นที่คอยสนับสนุนซูเปอร์สตาร์อาร์เจนไตน์เท่านั้น
คูตินโญ่ จึงกลายเป็นเพียงนักเตะธรรมดาเหมือนที่คล็อปป์ว่าไว้..
เมื่อเป็นเช่นนี้ กับจังหวะประจวบเหมาะแบบนี้ จึงเป็นการดีที่จะดึงเขากลับมาค้าแข้งที่อังกฤษอีกครั้ง แต่ก็มีคำถามตามมาว่า ถ้าหงส์แดงดึงเพลย์เมกเกอร์รายนี้กลับมาในช่วงซัมเมอร์นี้จริงๆแล้ว พวกเขาจะได้อะไร?
หากตัดเรื่องราวอันข่มขืนในอดีตไป สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ ลิเวอร์พูลจะกลับมาเป็นทีมที่มี "เพลย์เมกเกอร์" ตัวทำเกมรุกอีกครั้ง เพราะในซีซั่นที่ผ่านมา แม้ว่าลูกทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ จะโชว์ฟอร์มสุดหรูโกยแต้มได้เกือบร้อยคะแนนก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังไม่ดีพอที่จะเป็นแชมป์ ซึ่งกูรูหลายคนมองว่า เพราะไอ้การที่มีแต่กองกลางประเภทวิ่งสู้ฟัดอย่างเดียวนี่แหละที่ทำให้พวกเขาไปไม่ถึงฝั่งฝัน
แฮร์รี่ เร้ดแนปป์ คุณพ่อของ เจมี่ เร้ดแนปป์ อดีตมิดฟิลด์สุดหล่อยุคสไปซ์บอยแสดงความเห็นว่า ทุกตำแหน่งของลิเวอร์พูลนั้นแทบไม่มีที่ติ มีเพียงแดนกลางที่เดียวที่ยังขาดการสร้างสรรค์เกมและการทะลุทะลวง ซึ่งทำให้ทีมขาดความหลากหลายและขาดทีเด็ดยามตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน
ซึ่งตรงจุดนี้ คล็อปป์เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ จะเห็นได้ว่ากองกลางในระบบ 4-3-3 ของเขานั้นถูกสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันลงสนามแบบที่ไม่มีใครที่ได้ลงเล่นติดต่อกันหลายเกม ไม่ว่าจะเป็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, นาบี เกอิต้า, จีนี ไวจ์นัลดุม, ฟาบินโญ่ และ เจมส์ มิลเนอร์ โดยบางครั้งก็มี เซอร์ดาน ชากีรี่ ลงมาเล่นในพื้นที่นี้ด้วยเหมือนกัน
นายใหญ่ชาวเยอรมันพยายามสับเปลี่ยนหมุนเวียนนักเตะที่มีในแผงมิดฟิลด์ตามแท็คติก แต่ก็ไม่มีใครรับบทบาท "เพลย์เมกเกอร์" โดยตรง เพราะเกือบทั้งหมดนั้นมีสไตล์การเล่นคล้ายๆกัน เกมรุกส่วนใหญ่จึงมาจากด้านข้าง แม้ว่าอาจจะมีเกอิต้าที่พร้อมทะลุทะลวงได้ แต่สไตล์การเล่นน่าจะไปทางหมายเลข 8 หรือคล้าย สตีเว่น เจอร์ราร์ด มากกว่า
ดังนั้น ถ้าคูตี้กลับมา จะทำให้พวกเขามีความหลากหลายในบุกตะลุยมากขึ้น
ลองนึกภาพเกมที่เจอกับ เลสเตอร์ ซิตี้ และ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เมื่อช่วงปีใหม่ ที่หงส์แดงทำได้เพียงผลเสมอทั้ง 2 นัด เก็บได้แค่ 2 คะแนน ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้โดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แซงเข้าป้ายคว้าแชมป์ไปได้ ถ้าพวกเขามีนักเตะอย่างคูตินโญ่ อย่างน้อยอาจเก็บชัยชนะได้ซักนัดจากทีเด็ดลูกยิงไกลก็เป็นได้
นอกจากการได้เพลย์เมกเกอร์หน้าเก่าคนเดิมกลับมาอยู่กับทีมแล้ว สิ่งที่สำคัญก็คือไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก คือใส่ลงไปแล้วใช้งานได้เลย หลังจากที่เจ้าตัวได้เรียนรู้ระบบของคล็อปป์มาแล้วก่อนหน้านั้น
ส่วนเรื่องค่าเหนื่อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขว่าจะไปดึงดาวเตะแซมบ้ากลับมาในลักษณะไหน ถ้าซื้อขาดก็ต้องคุยเรื่องค่าเหนื่อยกันใหม่ อาจจะได้เพิ่มหรือลดลงก็ว่าไป แต่ถ้าเป็นการยืมตัวก็อาจจะไม่ต้องจ่ายอะไรเลย
และสิ่งสำคัญคือ คล็อปป์ไม่ต้องปวดหัวกับการหานักเตะใหม่ในตลาดซื้อขายซัมเมอร์ ถ้าจำกันได้ หลังเสียคูตี้ไปพวกเขาก็เตรียมจะดึง นาบิล เฟคีร์ เพลย์เมกเกอร์ของ โอลิมปิก ลียง มาแทนที่ แต่สวรรค์ต้องล่มเพราะตรวจร่างกายไม่ผ่าน
นั่นแสดงให้เห็นว่ากุนซือเฮฟวี่เมทัลก็ต้องการนักเตะแนวนี้อยู่เหมือนกัน ดังนั้นเมื่อได้อดีตลูกทีมคนเก่งกลับมา เรื่องจะต้องลงไปเสาะหานักเตะใหม่ในตลาดและการยื่นข้อเสนอแข่งกับทีมอื่นคงจะหมดไป
เรื่องแฟนบอลนั้นอาจจะมีเสียงไม่พอใจในตอนต้น แต่อย่าลืมว่าวัฒนธรรมของบรรดาผู้สนับสนุนทีมในอังกฤษกับสเปนนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง
นักเตะของบาร์เซโลน่ารายหนึ่งให้สัมภาษณ์หลังจบเกมที่พวกเขาพ่ายให้กับลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนว่า บรรยากาศในสนามนั้นยอดเยี่ยมมากๆ เขาไม่เคยเห็นแฟนบอลที่ไหนจะหนุนหลังนักเตะอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูได้ขนาดนี้
ต่างกับที่ บาร์ซ่า และ มาดริด
เมื่อทีมจ่ายเงินมหาศาลซื้อตัวคุณมา ถ้าเล่นไม่คุ้มค่าตัว เหล่าแฟนบอลก็พร้อมจะแสดงความไม่พอใจ ดู แกเร็ธ เบล และสิ่งที่คูตี้เจอนี่เป็นไร นอกจากนี้ ยามที่ทีมพ่ายแพ้ พวกเขาก็ค่อนข้างจะรับไม่ได้ เนื่องจากเสพติดชัยชนะและความยิ่งใหญ่เสียจนเคยชิน
แต่ไม่ใช่กับ เดอะ ค็อป ที่ล้มลุกคลุกคลานกับทีมมาตลอด และถ้าคุณไม่ทำตัวเลวร้ายในระดับ เอล ฮัดจิ ดิยุฟ พวกเขาก็พร้อมจะต้อนรับกลับบ้านอยู่เสมอ
ลองนึกภาพดูว่ารูปแบบการจัดตัวผู้เล่นของลิเวอร์พูลในปีหน้าที่มีคูตินโญ่อยู่ในทีมนั้นมันจะอันตรายแค่ไหน? ความหลากหลายในเกมที่มากขึ้น เพิ่มเติมด้วยทีเด็ดทีขาดและเกมทะลุทะลวงหน้ากรอบเขตโทษ บวกกับเกมรุกที่น่ากลัวอยู่แล้วจากฟูลแบ็กทั้ง 2 ข้าง
คิดแล้วมันจะสะเด็ดสะเด่าเร่าร้อนเพียงใด!
ที่สำคัญที่สุดคือการกลับมาครั้งนี้อาจจะเป็นการ "แก้ตัว" ที่ทำให้ เดอะ ค็อป ผิดหวังและหัวใจสลายไปเมื่อปีก่อน ถ้าหากพาทีมไปถึงฝั่งฝันด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จในซีซั่นหน้า
แต่หลายคนอาจจะสะกิดเตือน อย่าลืมนะว่า คล็อปป์ไม่ชอบร่วมงานกับนักเตะเก่า ดังนั้น ดีลนี้อาจจะเป็นเพียงฝันลมๆแล้งๆของใครบางคน
พูดถึงเรื่องนี้ก็จริง
แต่กับโลกของฟุตบอลแล้ว.. อะไรก็เกิดขึ้นได้