เมื่อ "ดเวย์น เหวด" ทำให้นักค้ายาและคนคุกที่เขาเรียกว่า "แม่" กลับสู่ด้านสว่าง

เมื่อ "ดเวย์น เหวด" ทำให้นักค้ายาและคนคุกที่เขาเรียกว่า "แม่" กลับสู่ด้านสว่าง

เมื่อ "ดเวย์น เหวด" ทำให้นักค้ายาและคนคุกที่เขาเรียกว่า "แม่" กลับสู่ด้านสว่าง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หากยังจำกันได้เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายน 2019 "บัดไวเซอร์" เบียร์ดังของสหรัฐอเมริกา ได้จัดกิจกรรมเซอร์ไพรส์สุดซึ้งให้กับผู้ยิ่งใหญ่แห่ง ไมอามี่ ฮีต อย่าง ดเวย์น เหวด ด้วยการเชิญคนสำคัญ 5 คนที่เขาเคยช่วยเปลี่ยนชีวิตเพื่อมาพบเป็นการส่วนตัว

ทุกคนที่กล่าวมาต่างมีปูมหลังชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสตาร์เบอร์ 3 คนนี้ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาสาวที่มูลนิธิของเหวดช่วยออกค่าเล่าเรียนจนจบการศึกษาระดับปริญญาตรี, เด็กหนุ่มที่ได้เหวดเป็นแรงบันดาลใจ เปลี่ยนตัวเองจากเด็กข้างถนนจนมีงานทำ, ครอบครัวที่ต้องสูญเสียบ้านจากเหตุเพลิงไหม้ ซึ่งเหวดให้เงินช่วยเหลือในการพลิกฟื้นชีวิตใหม่ หรือแม้แต่ครอบครัวของเด็กนักเรียนผู้มีเหวดเป็นไอดอล ซึ่งโชคร้ายกลายเป็นเหยื่อเหตุกราดยิงในโรงเรียนที่รัฐฟลอริดาจนจบชีวิตก่อนเวลาอันควร

 

แขกรับเชิญ 4 คนแรกเดินพ้นฉากไป แขกรับเชิญคนสุดท้ายก็ก้าวขึ้นมา นั่นคือแม่ของเขาเอง ... เราอาจจะเคยได้ยินว่าอิทธิพลของแม่นั้นสามารถบ่งบอกด้วยพฤติกรรมของลูกได้ แต่สำหรับครอบครัวนี้หาก ดี-เหวด ไม่สามารถก้าวเป็นนักบาสเก็ตบอล NBA ได้ … บางทีแม่ของเขาอาจจะนอนตายข้างถนน หรือไม่ก็อยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่เรียกว่า "คุก" โดยที่ทั้งคู่จำหน้ากันไม่ได้ด้วยซ้ำ

เกิดอะไรขึ้นกับ แม่-ลูก คู่นี้กันแน่ ติดตามกับ Main Stand ได้ที่นี่ 

ช่วงตกต่ำในชิคาโก้

"อยู่กับพี่ๆ เขานะ เดี๋ยวแม่จะออกไปธุระข้างนอกหน่อย" ... นี่คือประโยคที่ ดเวย์น เหวด ได้ยินจากปากแม่ของเขาบ่อยที่สุดในวันเด็ก และเขาต้องใช้เวลานานพอดูกว่าจะรู้ว่า ธุระที่ว่าของผู้เป็นแม่คืออะไร?

 1

สิ้นเสียงปิดประตูของแม่ เหวด จะต้องอยู่กับพี่ๆ น้องๆ รวมตัวเขาเองด้วยแล้วก็จะมีกันอยู่ทั้งหมด 4 พี่น้อง (2 คนแรกเป็นลูกติดจากสามีเก่า) โดยคนที่ เหวด ติดที่สุดคือ ทราจิล เหวด พี่สาวที่มาจากท้องเดียวกัน และมีหน้าที่ดูแลเขาโดยเฉพาะ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เธอจะต้องเอาน้องชายคนนี้ไปด้วยเสมอ ทว่านี่ไม่ใช่คำสั่งของแม่โดยตรงหรอก แต่มันเป็นสัญชาติญาณของพี่สาวที่ต้องดูแลน้องชายที่อายุน้อยกว่า 5 ปีก็เท่านั้นเอง

จะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนักหรอก ในเมื่อแม่บังเกิดเกล้าไม่ได้ให้ความสนใจลูกๆ นัก ภาระการเป็นแม่คนที่ 2 จึงตกเป็นของ ทราจิล อย่างเลี่ยงไม่ได้

ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อนในนครชิคาโก้ ครอบครัวของ เหวด ต้องประสบปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ภายในครอบครัว เพราะ ดเวย์น ซีเนียร์ ผู้เป็นพ่อ และ โจลินดา แม่ของเขา มีปากมีเสียงกันทุกวันจากปัญหาหลายเรื่อง ซึ่งเมื่อนำเรื่องเล็กๆ ทั้งหมดมารวมกันแล้วก็ถึงเวลาที่ทั้ง 2 คนจะเลิกฝืนชะตาและยอมแพ้ให้กับสิ่งที่พยายามประคับประคองมาตลอด "ทั้งคู่เลิกกัน" ในวันที่มีลูกๆ ด้วยกัน 2 คน

หลังจากเหตุการณ์นั้น ดเวย์น ซีเนียร์ ย้ายไปอยู่กับภรรยาใหม่ ขณะที่ โจลินดา หญิงแกร่งประจำเมืองชิคาโก้ ต้องดูแลลูกๆ ด้วยการเป็นซิงเกิ้ลมัม การเลี้ยงลูกแบบตัวคนเดียวคือสิ่งที่เธอยื่นคำขาดในวันที่เลิกกับสามี ดังนั้นการตัดสินใจของเธอครั้งนี้นำมาสู่สิ่งที่เธอไม่สามารถรับมือได้ง่ายๆ อย่างที่เข้าใจ

เธอเลี้ยงลูกคนเดียวตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น แต่ลูกๆ ทุกคนก็โตวันโตคืน สิ่งที่เธอเคยคิดว่าเอาอยู่ก็ชักจะสั่นคลอน เงินในกระเป๋าเริ่มชักหน้าไม่ถึงหลัง ความเครียดเดินทางมาแวะเวียนจนเธอกินไม่ได้นอนไม่หลับ สิ่งที่พอจะช่วยได้ในเวลานั้นคือ ไวน์ถูกๆ สักขวดตามฐานะที่พอซื้อได้ ก่อนจะค่อยๆ ขยับดีกรีขึ้นเรื่อยๆ กับยานอนหลับจากคลีนิกเถื่อน และเลยเถิดไปจนถึงยาเสพติดเต็มรูปแบบ ทั้ง กัญชา โคเคน และ เฮโรอีน

ทั้งหมดนี้เปลี่ยนความคิดในหัวสมองของเธอไปจนหมดสิ้น ไม่มีมีอีกแล้วแม่ที่คิดว่าการเลี้ยงลูกไม่ใช่ปัญหาแต่คือหน้าที่ที่ต้องทำ โจลินดา กลายร่างเป็นขี้ยาเต็มรูปแบบ "ลูกจะเป็นอย่างไร...ช่างมัน" เธอไม่กลัวว่าความตายจะเกิดขึ้นกับตัวเอง และไม่กลัวว่าลูกๆ จะต้องเติบโตมากับการเห็นอะไรแย่ๆ บ้าง ... นี่คือเรื่องที่น่าเศร้าและทำให้ ทราจิล พี่สาวคนโตที่อายุมากกว่า ดเวย์น เหวด อยู่ 5 ปี จะต้องทำหน้าที่เป็นแม่จำเป็นก่อนวัยอันควร

 2

ห้องเช่าราคาถูกที่เห็นหนูตัวใหญ่เท่ากับแมววิ่งยั้วเยี้ยเพราะไม่มีใครคอยเก็บกวาด วันหนึ่ง โจลินดา เดินออกจากบ้านยามดึกเหมือนกับทุกครั้งพร้อมประโยคว่า "อยู่กับพี่ๆ เขานะ เดี๋ยวแม่จะออกไปธุระข้างนอกหน่อย" เหมือนเช่นทุกครั้ง ทว่าปลายทางของเรื่องนี้มันแตกต่างออกไป เธอ ออกจากบ้านไปตอนฟ้ามืด จนกระทั่งฟ้าสว่างเธอก็ยังไม่กลับมา และหลายวันผ่านไปก็ยังไม่เห็นแม้เงาหรือข่าวคราวจากเธอถึงลูกๆเลยแม้แต่น้อย เท่านั้นก็มากพอที่จะทำให้ลูกคนโตอย่าง ทราจิล รู้แล้วว่า แม่ของพวกเขาจะไม่กลับมาอีกครั้งในเร็ววันแน่ ... แม่จะจากไปด้วยเหตุผลอะไรก็ตามเธอไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คือตอนนี้เธอกลายเป็นหัวหน้าครอบครัวแบบเต็มตัวและเลี่ยงไม่ได้ด้วยวัยเพียง 12 ปี เท่านั้น

"ดเวย์น แต่งตัวซะ เดี๋ยวคืนนี้พี่จะพาเราไปดูหนังกัน" ทราจิล บอกกับน้องๆให้เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าและเตรียมออกเดินทางกันในค่ำคืนนี้  ทุกย่างก้าวที่เดินออกมาจากอพาร์ทเม้นต์โทรมๆ ไม่หมือนกับการผจญภัยในนิทาน เด็กๆ ต้องเดินผ่านกลุ่มอันธพาล กลุ่มขี้ยา และกลุ่มอาชญากร ที่อาศัยกันอยู่ในย่านเสื่อมโทรมแห่งนี้ เพื่อไปสักแห่งที่ ทราจิล ใช้ปัญญาแบบเด็ก 12 ปี คิดว่าดีที่สุดสำหรับน้องๆ และตัวเธอเอง

ทราจิล ใจดีสู้เสือ แม้จะกลัวแต่ก็ต้องทำตัวเหมือนกับว่าทุกอย่างโอเคเพื่อไม่ให้น้องๆ ร้องไห้ เธอนำเงินที่เหลืออยู่ก้อนสุดท้ายที่แม่ได้ฝากไว้ พาน้องๆ ขึ้นรถเมล์ไปยังอีกฟากฝั่งของ ชิคาโก้ เพื่อไปยัง ร็อบบินส์ รัฐอิลลินอยส์ เป้าหมายที่เธอวางแผนไว้มานานแล้วเพื่อขอความช่วยเหลือจากใครสักคนที่เธอเห็นหน้าครั้งสุดท้ายเมื่อหลายปีก่อน

เมื่อถึงที่หมายหลังจากเดินทางมาทั้งคืน 3 พี่น้องปรากฎตัวอยู่ที่หน้าบ้านพ่อของพวกเขา พ่อของเขาเปิดประตูมาและรีบพาน้องเล็ก 2 คนเข้าไปในบ้าน ดเวย์น หันไปหาทราจิล และสงสัยว่าทำไมเธอไม่มาด้วย เธอจึงบอกน้องชายว่า "อยู่กับพ่อเขานะ เดี๋ยวพี่จะออกไปธุระข้างนอกหน่อย"

ประโยคนี้มันเหมือนประโยคที่แม่พูดกับเขาบ่อยๆ สิ้นสุดคำนั้น ทราจิล ก็จ้ำอ้าวเดินพ้นละแวกบ้านของพ่อไปแล้ว เหลือแต่ ดเวย์น และน้องชายที่เริ่มรู้สึกแล้วว่าประโยคคลาสสิกนี้กำลังจะพรากพี่ของเขาไป เหมือนกับตอนที่แม่หายไปแล้วไม่กลับมาอีกเลย

ดเวย์น ร้องไห้ไม่หยุดไปหลายวัน เขาเพิ่งเคยเห็นหน้าพ่อครั้งแรก ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เขาจะไม่ได้รู้สึกผูกพันอะไร ขณะที่แม่ที่มีก็เหมือนไม่มีมาทิ้งเขาไปคนหนึ่งแล้ว แถม ทราจิล ยังมาทิ้งเข้าไปแบบนี้มันคือสิ่งที่ยากจะรับได้สำหรับเด็กน้อยในวัย 8-9 ขวบ เขานับวันรอตลอดว่าเหมือนไหร่ ทราจิล จะกลับมา และความจริงนั้นเจ็บปวดเสมอ เธอไม่เคยย้อนกลับมาเลย แม้จะดูน่าเศร้าแต่สักวันเขาจะต้องขอบใจเธอที่ทำเช่นนี้แน่นอน

จงสู้เพื่อตัวเอง

ดังที่กล่าวมาข้างต้นชีวิตของ ดเวย์น เหวด นั้นน่าสงสารตั้งแต่ยังเด็ก เขาถูกกระทำราวกับว่า พ่อ-แม่ ไม่ได้ตั้งใจให้มาเกิด ... เชื่อหรือไม่ว่าชื่อของเขาในสูติบัตรที่สะกดว่า Dwyane นั้นเป็นชื่อที่เกิดจากการสะกดผิด คำว่า ดเวย์น จริงๆ แล้วต้องสะกดด้วย Dwayne จึงจะถูกต้อง แต่พ่อแม่ของเขาก็ตัดสินใจไม่เปลี่ยนชื่อให้ใหม่ เพราะมันเสียเวลาในการติดต่อกับทางราชการ เหตุผลง่ายๆ แค่นั้นเลย … แต่มันก็มากพอที่จะบอกได้ว่าลูกๆ ของบ้านนี้เกิดจากความไม่พร้อมอย่างแท้จริง

 3

อย่างไรก็ตามการย้ายมาอยู่กับพ่อทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปในทางที่ดี อย่างน้อยๆ เขาก็ไม่ต้องแย่งอาหารกินกับหนูที่ตัวเท่าแมวอีกแล้ว พ่อของเขาสอนให้เล่นบาสเก็ตบอลที่สวนหลังบ้าน และลูกชายคนนี้ก็เก่งเสียเหลือเกินทั้งๆ ที่หัดเล่นได้ไม่นาน จุดเริ่มต้นจากหลังบ้านนี้ทำให้เขากลายเป็นดาวเด่นในทุกระดับตั้งแต่มัธยมจนถึง NBA นี่คือเหตุผลที่ ดเวย์น ต้องขอบใจพี่สาวที่เลือกถูก หาก ทราจิล ไม่พาเขามาทิ้งไว้กับพ่อ ไม่รู้ว่า NBA จะได้รู้จัก ดเวย์น เหวด คนนี้หรือไม่ ...

กีฬาพาชีวิตของเขากลับมาสู่เส้นทางที่สว่างไสวอีกครั้ง เขากลายเป็นดาวเด่นของโรงเรียนมัธยม ก่อนที่โค้ช ทอม เครียน หัวหน้าโค้ชของมหาวิทยาลัย Marquette ติดต่อให้รับทุนการศึกษาและเป็นผู้เล่นของทีมมหา'ลัยด้วย ซึ่งสำหรับคนที่มาจากครอบครัวอันยากไร้แล้ว นี่เปรียบเหมือนสวรรค์ เพราะค่าเทอมในระดับอุดมศึกษาที่สหรัฐอเมริกานั้นแพงเอามากๆ

แม้ปีแรกเขาไม่ได้ลงเล่นเนื่องจากติดปัญหาด้านการเรียนแต่เขาก็นั่งอยู่ข้างอยู่บนม้านั่งสำรองทุกเกมและไม่เคยขาดซ้อม นอกจากนี้โค้ช เครียน ยังให้เขารับหน้าที่เป็นเหมือนผู้ช่วยโค้ชแบบไม่เป็นทางการ หน้าที่ของเขาคือคอยสังเกตุการณ์เล่นของคู่แข่งเพื่อให้เพื่อนร่วมทีมเล่นง่าย นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ เหวด มีความแพรวพราวและเป็นนักคิดเมื่ออยู่ในสนามในช่วงระยะหลัง จะเห็นได้ว่านี่คือสิ่งที่เขาพัฒนาชีวิตในช่วงเวลาวัยรุ่น นับวันเขายิ่งโตขึ้นและประสบความสำเร็จมากขึ้นแถมยังมีเส้นทางสวยๆ ที่รออยู่ ทั้งหมดนี้ทำให้เขาเลิกคิดถึงแม่ที่เคยทิ้งเขาไปแล้ว   

"ลูกจะเป็นยังไงก็ช่างมัน" ที่แม่เคยพูด เปลี่ยนเป็น "แม่จะเป็นอย่างไรก็ช่างเขา" จากความคิดของลูกชาย ... เหวดไม่ได้ตั้งใจจะเป็นแบบนี้แต่แรก แต่ทำอย่างไรได้ เขาไม่เคยได้รับข่าวคราวอะไรจากแม่เลยดังนั้นจะมีประโยชน์อะไรหากเขาจะมัวแต่โฟกัสกับสิ่งที่ไม่มีวันกลับมา มากกว่าอนาคตอันสดใสที่รออยู่

ในขณะที่ดาวดวงใหม่จากชิคาโก้กำลังส่องแสงแจ่มจรัส ดาวดวงหนึ่งก็กำลังจะหมดอายุการใช้งาน แสงของมันริบหรี่เกินกว่าที่ใครจะคิดว่ามันจะสามารถกลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง ... "โจลินดา" ไม่ได้ล้มหายตายจากไปไหน แต่เธอกำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่างอยู่ 

โลกคู่ขนาน

ถึงตรงนี้ เราขออนุญาตย้อนไปฟังประโยคที่ โจลินดา ว่ากับลูกๆ ก่อนปิดประตูห้องเช่าดัง ปัง! ว่า "อยู่กับพี่ๆ เขานะ เดี๋ยวแม่จะออกไปธุระข้างนอกหน่อย" กันอีกครั้ง ...

 4

เธอสารภาพว่าสาเหตุที่ต้องทำอย่างนั้นเกิดจากสภาพจิตใจที่อ่อนแอจนไม่สามารถควบคุมและแยกแยะระหว่างความดีความชั่วได้เลย

ในช่วงที่ลูกๆ เริ่มโตขึ้นและก่อนถึงเวลาแยกจาก โจลินดา เริ่มติดเฮโรอีนอย่างหนัก หนักจนถึงขั้นที่สุดแล้วไม่มีเงินซื้อมาเสพ ต้องขายแสตมป์สวัสดิการรัฐที่เอาไว้แลกอาหารของครอบครัว จนลูกๆ ต้องหิวท้องกิ่วเป็นประจำ ที่สุดแล้ว เธอตัดสินใจออกจากงานมาเพื่อเป็นคนขายเฮโรอีนเสียเองเพราะจะได้ส่วนแบ่งในการขายเป็น เฮโรอีน ที่มากพอให้เธอเสพ แถมเงินที่ได้จากการขายยังมากกว่าการทำงานทั้งอาทิตย์เสียอีก นี่คือวัฎจักรของเหล่าขี้ยาทั้งโลก หากกลับตัวไม่ได้ มันจะดึงคุณลงไปต่ำเรื่อยๆ และที่สุดแล้วหากคุณโชคร้ายคุณจะต้องตายอย่างหมาข้างถนน ... ซึ่งก็ยังดีที่ โจลินดา ไม่โชคร้ายขนาดนั้น

เธอเปิดเผยความจริงทั้งหมดออกมา เธอมีพี่น้องทั้งหมด 9 คน ทุกคนเกิดท่ามกลางสงครามแก๊งค้ายาใน ชิคาโก้ ทั้งหมด ทว่า โจลินดา เริ่มต้นเร็วกว่าใคร คลุกคลีกับยาเสพติดเริ่มจากของเบาๆ ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ แม้จะหักดิบเลิกได้เป็นช่วงสั้นๆ ตอนทีมีครอบครัว แต่ปัญหาก็ตามมาจนเธอต้องกลับไปเสพมันอีกจนเปลี่ยนเป็นผู้ค้าและถูกจับติดคุกในยุค '90 ก่อนจะเข้าๆ ออกๆ มันอยู่อย่างนั้นราวกับเป็นกิจวัตรประจำปี

ทุกๆ วันที่ต้องชดใช้กรรมหลังใต้ลูกกรง เธอก็พบว่าลูกชายของเธอเติบโตขึ้นและเป็นคนดังของเมือง ... โดยปกติแล้วความสุขของพ่อแม่คือการเห็นลูกประสบความสำเร็จ แต่สำหรับเธอ โจลินดา นั้นเธอดีใจไม่ลง ภาพวันเก่าๆ ที่เธอทำร้ายลูกๆ ทางอ้อม ทำให้ความละอายใจคือสิ่งที่เกิดขึ้นมากที่สุด

"เขาเป็นเด็กดีนะ แต่สิ่งที่น่าเสียใจคือฉันไม่ได้มีส่วนร่วมในชีวิตของเขา ที่สำคัญฉันไม่ได้เห็นเขาประสบความสำเร็จด้วยตาตัวเองสักครั้ง" โจลินดา ได้แต่ระบายกับพี่สาวของเธอถึงเรื่องนี้ในวันที่ออกมาจากคุกและลูกชายกำลังเดินอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง สิ่งที่เธออยากจะเป็นคือการเป็นคนดี … ดีพอที่ลูกชายของเธอจะไม่โดนเหล่านักข่าวซุบซิบขุดคุ้ยประวัติและเอามาแฉว่า ดเวย์น เหวด มีแม่เป็นขี้ยาและเป็นพวกค้ายาเสพติด เธออาจจะไม่ได้ทำให้เขาโด่งดัง แต่อย่างน้อยๆ เธอก็ไม่อยากจะดึงเขาให้ต่ำลงก็พอแล้ว

การกลับมาหาพี่สาวที่ชื่อว่า ไดแอน คือครั้งแรกที่ โจลินดา รู้สึกว่าเธอควรจะมีชีวิตต่อไป อย่างน้อยๆ ก็เพื่อแก้ไขสิ่งที่เคยผิดพลาดในอดีตบ้าง ไดแอน คือคนที่ทำงานเกี่ยวกับโบสถ์และเคร่งศาสนา เธอพาน้องสาวของเธอในสภาพที่โทรมเพราะยาเสพติดมาส่องกระจกเพื่อให้เห็นสภาพว่ามันแย่แค่ไหน และปิดท้ายด้วยการสอนว่าทุกอย่างมีทางออกจงเชื่อมั่นในพระคริสต์ เพราะท่านมีเส้นทางสำหรับสาวกทุกคน

"วันที่พบกับพระเจ้าฉันร้องไห้เหมือนกับเด็กน้อยและได้แต่พูดซ้ำๆ ว่า ลูกขอโทษ ลูกขอโทษด้วยกับสิ่งที่ทำไป จากนี้การชำระบาปของลูกจะดำเนินไปจนจบชีวิต จนกว่าที่พระองค์จะให้อภัย"

ชีวิตของ ไดแอน และ โจลินดา 2 พี่น้องนี้คล้ายกันมาก ทั้งคู่เสพยาตั้งแต่ยังเด็ก และมีลูกให้ต้องรับผิดชอบแต่กลับไม่ค่อยสนใจ เส้นทางชีวิตบีบให้พวกเธอเดินทางผิดเหมือนกัน แถมช่วงเวลาในวัยเด็กทั้งคู่ก็ถูกพ่อแม่ทิ้ง เหมือนกับที่ โจลินดา ทิ้งลูกๆ ทั้ง 4 คนแบบหน้าตาเฉย อย่างไรก็ตามเมื่อมาถึงจุดหนึ่งมุมมองของพวกเขาก็เปลี่ยนไป "ฉันต้องค้นหาสิ่งที่ทำให้ความเจ็บปวดในอดีตนั้นหายไป" นี่คือจุดประสงค์ในการกลับมาสวมหัวใจสิงห์สู้กับความจริงที่เลวร้ายที่เธอเป็นคนเริ่มสร้างมันทั้งหมดอีกครั้ง

ในขณะที่ ดเวย์น เหวด ถูกดราฟต์เข้าไปเล่นระดับอาชีพกับ ไมอามี่ ฮีต ในปี 2003 โจลินดา ใช้เวลาหลังจากนั้นไม่นานเปลี่ยนสภาพจากคนตายที่ยังมีลมหายใจ เปลี่ยนตัวเองให้กลับมาทำประโยชน์ให้เพื่อนร่วมโลก แม้สักนิดก็ยังดี 

สิ่งที่ลบล้างความเจ็บปวดในอดีต

ดเวย์น เองก็เป็นคนที่เคร่งในศาสนาและในขณะเดียวกันแม่ของเขาก็เริ่มมีชื่อในแวดวงของผู้นับถือศาสนาประจำเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ และได้ทำงานแบบสุจริตอีกครั้งในฐานะศิษยาภิบาลที่คริสตจักรสร้างสรรค์ใหม่ในชิคาโก นั่นจึงทำให้ทั้งคู่ได้พบกันอีกครั้งหลักจากแยกห่างกันมาหลายปีจนแทบจะลืมหน้าลืมตากันไปแล้ว และลืมไปแล้วว่าเคยมี แม่ และ ลูก อยู่ในชีวิต

 5

การได้เจอกันอีกครั้งทำให้ โจลินดา ถามลูกชายของเธอตรงๆ "ลูกรู้สึกยังไงกับแม่คนนี้?" เธอถามเขาแบบนั้นไปตรงๆ ขณะที่ เหวด ได้เห็นว่าแม่ของเขาเป็นคนใหม่และได้รับรู้ว่าชีวิตที่เหลืออยู่ของแม่ของเขาจะสามารถทำให้ ชิคาโก้ และชุมชนเสื่อมโทรมใกล้เคียงมีชีวิตความเป็นอยู่ที่สงบร่มเย็นขึ้นจากการมีพระเจ้าคอยนำทาง

"ลุยต่อไปเลยครับแม่ สิ่งที่แม่ทำอยู่มันคือสิ่งเดียวที่แม่จะสามารถช่วยใครสักคนได้" เหวด ยิ้มและมองแม่ด้วยความยินดีที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา

 6

ความจริงปรากฎขึ้นคือ แท้จริงแล้ว เหวด รู้อยู่แล้วว่าแม่ของเขากำลังติดเฮโรอีน และติดคุกในช่วงเวลาที่เขากำลังเรียนมัธยม การไม่ได้มีแม่คอยไปเชียร์ข้างสนามและสัมภาษณ์ออกสื่อเหมือนกับดาวเด่นทั่วไป ไม่ได้หมายความว่าเขาเกลียดและไม่สนับสนุนแม่คนนี้อีกแล้ว เหวด เล่าในภายหลังว่าตลอดเวลาที่แม่ติดคุกเขาเป็นคนส่งจดหมายเข้าไปคอยพูดคุยกับแม่มาโดยตลอด และไม่เคยหยุดที่จะสนับสนุนแม่ของเขาที่ต่อสู้กับปีศาจร้ายอย่างเฮโรอีนมามากกว่าครึ่งชีวิต ดังนั้นการได้เห็นแม่เอาชนะปีศาจร้ายได้ มันคือหนึ่งในความสำเร็จที่สุดในชีวิตของเขาเหมือนกัน

หลังจากที่ โจลินดา กลายเป็นคนที่เธออยากจะเป็น เธอไม่กลัวอีกแล้วที่จะบอกใครว่าเธอคือแม่ขี้ยาของ ดเวย์น เหวด ที่นอนในคุกมากกว่านอนกอดกับลูกชาย เธอใช้ประสบการณ์ในวงการยาเสพติดที่มีทั้งหมดเผยแพร่ความรู้ไปตามชุนชมกลุ่มเสี่ยงทั่วสหรับฐอเมริกา ไม่ใช่ทางธรรมอย่างเดียวเท่านั้น เรื่องทางโลกแม่ของ ดเวย์น เหวด ก็พร้อมจะผลักดันอย่างสุดชีวิต เพื่อให้ไม่ต้องมีใครมาเจอกับสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนที่ เธอ กับ ดเวย์น เป็นมาหลายปี   

 7

หากไม่มีลูกชายที่สู้กับชะตาชีวิตจนมีชื่อเสียงและกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่แล้ว โจลินดา คงไม่มีแบบอย่างที่ทำให้เธออยากกลับตัวกลับใจ สิ่งที่ ดเวย์น เป็นและสิ่งที่ ดเวย์น ทำ คือแรงผลักดันที่ดีที่สุดยิ่งกว่าการส่งเงินให้ใช้เสียอีก มันคือแรงบันดาลใจที่ทำให้ โจลินดา รู้ว่าแท้จริงแล้ว มนุษย์เกิดมาเพื่ออะไร? และคนเป็นแม่อย่างเธอควรจะทำอะไรให้กับลูกชายคนเก่งคนนี้บ้าง

ในปี 2008 เหวด ตัดสินใจซื้อโบสถ์แห่งหนึ่งในชิคาโก้ ด้วยมูลค่าสูงถึง 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อให้เป็นสถานที่ที่แม่ของเขาจะได้ใช้เวลาที่เหลือทั้งหมดในชีวิตลบล้างความเจ็บปวดในอดีตให้ได้ ซึ่งเขาเองให้อภัยถึงเรื่องในอดีตจนหมดสิ้น เหลือแต่เพียงการอยากจะตอบแทนแม่คนนี้ด้วยความภาคภูมิใจที่ลูกชายอย่างเขามี   ขณะที่ ทราจิล พี่สาวของเขาตอนนี้เป็นผู้อำนวยการ Wade’s World Foundation มูลนิธิของน้องชายที่ให้ความช่วยเหลือเยาวชนในกลุ่มเสี่ยงให้มีชีวิตที่ดีขึ้นและยังเป็นนักพูดกับไลฟ์โค้ชด้วย

"ผมเคารพเชิดชูแม่ของผมเป็นอย่างมาก จากชีวิตที่เธอเคยเป็น เธอกลับมามีชีวิตใหม่แบบทุกวันนี้ได้ ผมกล้าบอกได้เลยว่าแม่คือความภูมิใจของผม" เหวด กล่าวในงานเปิดโบสถ์ที่แม่ของเขาเป็นเจ้าของ

ทุกวันนี้สองแม่ลูกเดินหน้าสร้างความยิ่งใหญ่บนเส้นทางของตัวเอง เหวด กลายเป็นตำนานของ ไมอามี่ ฮีต และเป็นชายที่เห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน ขณะที่ โจลินดา กำลังเป็นผู้นำทางคนหลงผิดแเบที่เธอเคยเป็นในอดีต เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นเลยหาก 2 แม่ลูกเลือกที่จะลืมอดีตและตัดขาดความสัมพันธ์กันไปในวันที่แยกจากกัน

"ลูกคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นกับแม่ แต่ครั้งหนึ่งแม่ก็ได้ปล่อยมือจากลูกไป แต่อยากบอกให้รู้ไว้ว่าสำหรับแม่ ลูกคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าการเป็นสุดยอดนักบาสเก็ตบอล" โจลินดา กล่าวไว้ในโฆษณาเบียร์ บัดไวเซอร์

 8

ดีเอ็นเอ ของความเป็นนักสู้มีอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคน อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนที่แข็งแกร่งและมีพลังพอที่จะสามารถดึงมันออกมาใช้ได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นการมีใครสักคนที่มีความหมายต่อชีวิตของเรา และเราอยากจะเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อเขาคนนั้น อาจจะเป็นอีกหนึ่งทางลัดที่ดีเอ็นเอนักสู้จะถูกปลุกขึ้นมาสำหรับใครหลายๆคนก็เป็นได้

บางครั้งสถานการณ์ต่างๆ อาจบีบให้คุณเลือกเดินทางผิด แต่อย่าลืมว่าชีวิตของคุณเลือกใหม่ได้เสมอ ...จงอย่าทำผิดซ้ำสองในสิ่งที่เคยผิดพลาดมา แล้วทุกอย่างจะค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ แม้จะช้าไปบ้างแต่สักวันมันจะต้องถึงเส้นชัยแน่ เหมือนกับที่ โจลินดา เหวด คนนี้ได้แสดงให้เห็นมาแล้ว

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ ของ เมื่อ "ดเวย์น เหวด" ทำให้นักค้ายาและคนคุกที่เขาเรียกว่า "แม่" กลับสู่ด้านสว่าง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook