5 ประเด็นหลังเกม! ลิเวอร์พูล ต่อชะตาลุ้นแชมป์บุกคว่ำ นิวคาสเซิ่ล 3-2

5 ประเด็นหลังเกม! ลิเวอร์พูล ต่อชะตาลุ้นแชมป์บุกคว่ำ นิวคาสเซิ่ล 3-2

5 ประเด็นหลังเกม! ลิเวอร์พูล ต่อชะตาลุ้นแชมป์บุกคว่ำ นิวคาสเซิ่ล 3-2
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"เกือบเอาตัวไม่รอด" ผมคงต้องขอใช้คำนี้จริง ๆ เพราะถ้า หงส์แดง หลุดเสมอหรือแพ้ในเกมนี้ พวกเขาก็แทบที่จะหมดลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ไปเลย

ถือเป็นอีกเกมที่ลุ้นกันเหนื่อยแบบพอตัว แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ผ่านมาได้ด้วยชัยชนะ นอกจากจะได้ 3 คะแนนสำคัญกลับออกมาจาก เซนต์ เจมส์ พาร์ค แล้ว เชื่อเหลือเกินว่าเกมนี้น่าจะปลุกใจมีแรงส่งในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พอสมควร ที่สำคัญไปกว่านั้นชัยชนะนัดนี้จะส่งผลโยนความกดดันไปถึงคู่ท้าชิงอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีคิวลงเตะในค่ำคืนวันจันทร์กับ เลสเตอร์ ซิตี้ 

5. สถิติหลังเกมและรูปเกมโดยรวมVirgil van DijkClive Brunskill/GettyImages

สถิติหลังเกม เจ้าบ้าน นิวคาสเซิ่ล มีโอกาสยิงประตู 14 ครั้ง เข้ากรอบ 7 ครั้ง และมีเปอร์เซนต์การครองบอลอยู่ที่ 30 เปอร์เซนต์ ทางฝั่ง ลิเวอร์พูล มีโอกาสยิงประตู 11 ครั้ง เข้ากรอบ 4 ครั้ง และมีเปอร์เซนต์การครองบอลอยู่ที่ 70 เปอร์เซนต์ 

รูปเกมโดยรวม เจ้าบ้าน นิวคาสเซิ่ล เกมนี้วางหมากมาแบบรัดกุมเลือกใส่กองหลังถึง 5 คน ทางฝั่ง หงส์แดง ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ เลือกจัดชุดที่ขอใส่เต็มที่ แต่เกมนี้ไม่มีชื่อของ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ แม้กระทั่งบนม้านั่งสำรองสาเหตุมาจากมีอาการบาดเจ็บไม่พร้อมลงสนาม

รูปเกมเปิดแลกใส่กันตั้งแต่ 5 นาทีแรก โดยเจ้าบ้าน สาลิกาดง มาไม่เบาในเกมนี้เพราะใส่เต็มที่เล่นประหนึ่งทีมหนีตกชั้นทั้งที่ทีมนี้ไม่มีลุ้นอะไรแล้วและรอดพ้นจากการตกชั้นแน่นอนแล้ว แต่ความมุ่งมั่นของนักเตะแรงมาก บวกกับแรงส่งของเสียงเชียร์ใน เซนต์ เจมส์ พาร์ค ยิ่งทำให้พวกเขาหึกเหิมกันไปใหญ่

แน่นอนว่าเกมนี้ หงส์แดง เจอความลำบากตั้งต้นเกม นิวคาสเซิ่ล เล่นเกมรับกันอย่างมีวินัย เกมรุกบุกมาแต่มาทีละทีมีเสียวใช้ได้เลย ทางฝั่ง หงส์แดง ถล่มปูพรมหวังประตูขึ้นนำเร็วจนมาถึงลูกเตะมุมแรก ฟาน ไดค์ วิ่งมาโขกสบาย ๆ ชนิด ดูบราฟก้า โวยปล่อยได้ไง เพราะไม่มีใครประกบเลย ซึ่งทำให้นึกถึงสมัย ราฟา คุมหงส์ ก็เสียแบบนี้บ่อยจากการคุมโซนตอนเตะมุม 

เพียงไม่นานเท่านั้น  ราฟา ก็เล่นซะแล้วเมื่อ นิวคาสเซิล มาได้ประตูตีเสมอแบบง่ายเกินคาดจากการครอสบอลธรรมดา ลูกมาเสาไกล เทรนท์ โหม่งไม่ถึง บอลตกมาที่ แมตต์ ริชชี่ ที่ไม่มีใครตามประกบ ได้ตวัดเข้ากลางมาถึง รอนดอน ยิงไปติดแขน เทรนท์ บอลมาเข้าทาง อัตซู ซ้ำดาบสอง เข้าไปแบบน่าเสียดาย

หลังจากได้ประตูตีเสมอ สาลิกาดง เล่นแบบไม่มีอะไรจะเสีย "ก็มาดิครับ" โหมบุกเข้าใส่ หงส์แดง แบบบ้าคลั่ง แต่ดูเหมือนแนวรับ นิวคาสเซิล ก็ดูหลุดสมาธิง่ายเหมือนกัน นำไปสู่ประตูนำอีกครั้ง ต้องชม โมซาลาห์ ที่เหลือบเห็นที่ว่างก่อนแอบย่องไปรอ ก่อนที่ เทรนต์ จะเปิดมาให้ โม ซาลาห์ ตวัดยิงด้วยขวานิ่ม ๆ 

ช่วงครึ่งหลังต้องบอกว่า นิวคาสเซิล เล่นจริงสมบทบาทเพราะเล่นหนักเหลือเกิน กองหน้าที่ชื่อ แซลมอน รอนดอน แฮร่ !! ซาโลมอน รอนดอน ยังคงเป็นตัวอันตรายตลอดเวลา แน่นอนว่าการฆ่าไม่ตายทำให้ทีมต้องตกที่นั่งลำบาก เมื่อเสียเตะมุม โหม่งสกัดไม่ขาด บอลมาถึง แซลมอน รอนดอน วอลเล่ย์ตูมเดียวหาย 

คล็อปป์ ปรับ แท็คติกสู้ในครึ่งหลังด้วยการส่ง ชากิรี่ ลงมาสร้างความวูบวาบให้ทีม แต่ก่อนหน้านี้จำต้องเปลี่ยน ซาลาห์ ออกเพราะมีอาการบาดเจ็บ 

ช่วงท้ายเกม จากภาพมีคำสั่งของ ฟาน ไดค์ ให้ ชากิรี่ เป็นคนเปิด และได้ผล ชากิรี่ เปิดมาหยอดมากลางประตู โอริกิ ขึ้นโขกเต็มๆ 3-2 เป็นประตูชัยในเกมนี้ช่วงนาที 86

4. แอสซิตส์ จาก แบ็คทั้งสองข้างFBL-ENG-PR-NEWCASTLE-LIVERPOOLLINDSEY PARNABY/GettyImages

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กลายเป็นกองหลังคนที่ 4 ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ที่ทำแอสซิสต์ถึงตัวเลข 2 หลักในฤดูกาลเดียว และแน่นอนว่าเกมที่ เซนต์ เจมส์ พาร์ก เขาทำแอสซิสต์ที่ 12 และ 13 รวมทุกรายการของฤดูกาลนี้ ซึ่งนั่นทำให้ตอนนี้เจ้าตัวมีแอสซิตส์เท่ากับ แอนดี โรเบิร์ตสัน คู่แข่งในการสร้างโอกาสทำประตูในฤดูกาลเดียวกัน

นอกจากนี้ นักเตะวัย 20 ปีเปิดลูกเตะมุมให้ ฟาน ไดจ์ค ก่อนที่เขาจะครอสให้ซาลาห์ทำประตู ซึ่งเขาเป็นนักเตะคนแรกของลิเวอร์พูลที่ทำสองแอสซิสต์ในเกมเยือนตั้งแต่ธันวาคม 2017 

3. เรื่องของลูกตั้งเตะDivock OrigiClive Brunskill/GettyImages

ความยอดเยี่ยมในการเล่นลูกนิ่งของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้สร้างความแตกต่างอย่างมาก ตอนนี้พวกเขาทำไป 22 ประตูจากลูกตั้งเตะ ซึ่งนับว่ามากกว่าทุกทีม

โดยประตูแรกของ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค มาจากลูกเตะมุมของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ เซอร์ดาน ชากิรี เปิดฟรีคิกสุดสำคัญท้ายเกมให้ โอริกี โหม่งเปลี่ยนทางไปแฉลบศรีษะ จามาล ลาสเซลส์ เข้าประตูไปมันเป็นอีกเกมในฤดูกาลนี้ที่ โอริกี ลงมามาเป็นตัวสำรอง เชื่อว่าทุกคนจำได้หลังจากทำประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บเหนือ เอฟเวอร์ตัน ในเดือนธันวาคม ซึ่งความสำคัญจะมากแค่ไหนยังไม่มีใครรู้จนกว่าจะถึงสัปดาห์หน้า 

2. อาการบาดเจ็บของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์FBL-ENG-PR-NEWCASTLE-LIVERPOOLLINDSEY PARNABY/GettyImages

ลิเวอร์พูลต้องรอประเมินการบาดเจ็บที่โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้รับที่ศรีษะ หลังปะทะกับมาร์ติน ดูบราฟก้า ในเกมดังกล่าว

โดย เยอร์เก้น คล็อปป์ กล่าวหลังเกมว่า “สิ่งที่ผมได้ยิน หัวของเขาชนกับสะโพกของผู้รักษาประตู”

“หลังจากนั้นเขาล้มลงกับพื้น และหมอต้องตัดสินใจว่า ‘เขาจะเล่นต่อหรือต้องออกมา’ และการตัดสินใจคือต้องออกจากจากสนาม แน่นอนว่าต้องยอมรับเรื่องนี้”

“ตอนที่เขาเข้ามาในห้องแต่งตัวเพื่อดูเกมทางทีวี จากนั้นเขาดูสบายดี แต่ชัดเจนว่าเราต้องรอดู ชัดเจนว่าเขาเจอน็อกเต็มๆ ในสถานการณ์นั้น”

1. สปิริตของทีมJurgen KloppLaurence Griffiths/GettyImages

มีหลายอย่างให้พูดถึง เราสามารถพูดเกี่ยวกับฟุตบอลในคืนนี้ เราสามารถพูดได้ถึงการแสดงให้เห็นถึงจิตใจล้วน ๆ การแสดงให้เห็นถึงแพสชั่นและความต้องการที่แท้จริง

แน่นอนว่านี่มันเป็นเกมที่ยอดเยี่ยมของทั้งสองทีม สำหรับ นิวคาสเซิ่ล พวกเขาก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้ หงส์แดง และน่าเหลือเชื่อเหลือเกินว่าเกมนี้ลูกทีมของ ราฟาเอล เบนิเตซ สร้างความลำบากให้ทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ชนิดที่เกือบเอาตัวไม่รอด

ด้วยความกดดันหลาย ๆ อย่าง หลายคนคิดว่า นักเตะ ลิเวอร์พูล จะมีความกังวลให้เห็น ซึ่งบอกตามตรงว่ามีให้เห็นนะ แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นภาพรวมถือว่าซ่อนความกดดันเอาไว้ได้ดี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook