ผลฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดที่ 2
บาเยิร์น มิวนิค 1-3 ลิเวอร์พูล
(รวมสองนัด ลิเวอร์พูลผ่านเข้ารอบ ด้วยสอร์รวม 3-1)
สนาม : อารีอันซ์ อารีนา
ผู้ตัดสิน : ดานิเอเล่ ออร์ซาโต (อิตาลี)
รูปเกมในช่วงแรก ทั้งสองทีมยังเล่นกันแบบระวังตัวจนแทบไม่มีจังหวะลุ้นประตูกันเลย จนกระทั่งนาทีที่ 25 หงส์แดง มีโอกาส เมื่อ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หวดบอลโด่งไปหน้าประตูให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน โฉบไปเอาลงก่อนตะบันด้วยขวา แต่บอลหลุดเสาแรกออกไป
ถัดมาเพียงนาทีเดียว ลิเวอร์พูล ขึ้นนำไปก่อน 1-0 เมื่อ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ วางยาวจากแดนตัวเองให้ ซาดิโอ มาเน ทะลุไปเอาบอลลง โดยที่ มานูเอล นอยเออร์ ที่พยายามออกมาตัดเกมแต่ไม่เจอบอล ก่อนที่ มาเน จะพลิกตัวแล้วตวัดชิพด้วยซ้ายส่งบอลลอยเข้าประตูที่ว่างเปล่าเข้าไป
เจ้าบ้านไม่ยอมง่าย ๆ มาถึงนาทีที่ 39 บาเยิร์น ที่เดินหน้าบุกหนักก็ตามตีเสมอ 1-1 จากจังหวะที่ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ดักล้ำหน้าพลาดทำให้ แซร์ช นาบรี้ ทะลุเข้าเขตโทษฝั่งขวาแล้วเปิดยัดเข้ากลาง โฌแอล มาติป ที่พยายามยื่นขาสกัดโดนบอลผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเองไป พร้อมหมดครึ่งแรกด้วยสกอร์ 1-1
ในช่วงครึ่งหลัง นาที่ 50 ลิเวอร์พูล มีโอกาสสวนกลับ ซาลาห์ ลากจี้ขึ้นมาก่อนซัดด้วยซ้ายหน้าเขตโทษทำเอา นอยเออร์ ต้องทุบทิ้งออกไป
เสือใต้พยายามตั้งเกมบุก แต่กลายเป็นว่านาทีที่ 69 ก็มาโดนเพิ่ม เมื่อ เจมส์ มิลเนอร์ เปิดลูกเตะมุมจากฝั่งขวาไปเข้าหัว เวอร์จิล ฟาน ไดค์ เทกตัวโหม่งคนเดียวตุงตาข่ายส่งหงส์แดงนำ 2-1
ทีมเยือนมาได้ประตูย้ำชัยใน นาทีที่ 84 เมื่อ ซาลาห์ ได้บอลทางฝั่งขวาก่อนเปิดไปเสาไกลให้ มาเน โหม่งเผาขนตุงตาข่าย ช่วงเวลาที่เหลือ ทั้งสองทีมทำอะไรเพิ่มไม่ได้ จบเกม ลิเวอร์พูล บุกชนะ บาเยิร์น 3-1 รวมผลสองนัดเป็นหงส์แดงที่ทะยานรอบ 8 ทีมด้วยสกอร์ดังกล่าว
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
บาเยิร์น มิวนิค : มานูเอล นอยเออร์ - ราฟินญ่า, นิคลาส ซือเล่, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, ดาวิด อลาบา - ฆาบี มาร์ติเนซ (ลีออน กอเร็ตซ์ก้า น.72), ติอาโก้ อัลกันตาร่า - แซร์จ นาบรี้, ฮาเมส โรดริเกซ (เรนาโต้ ซานเชซ น.79), ฟร้องค์ ริเบรี่ (คิงสลี่ย์ โกมัน น.61) - โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
ลิเวอร์พูล : อลีสซง เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (ฟาบินโญ่ น.13), เจมส์ มิลเนอร์ (อดัม ลัลลาน่า น.87), จอร์จินโย่ ไวนัลดุม - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ (ดิว็อค โอริกี้ น.83), ซาดิโอ มาเน่
ขอขอบคุณ
วิดีโอ :Goal