เฟลิกซ์ ซานเชซ : กุนซือกาตาร์ผู้ออกหน้ารับผิดชอบโครงการ 4 หมื่นล้าน

เฟลิกซ์ ซานเชซ : กุนซือกาตาร์ผู้ออกหน้ารับผิดชอบโครงการ 4 หมื่นล้าน

เฟลิกซ์ ซานเชซ : กุนซือกาตาร์ผู้ออกหน้ารับผิดชอบโครงการ 4 หมื่นล้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ณ เวลานี้คอฟุตบอลเอเชียไม่มีใครไม่รู้จัก เฟลิกซ์ ซานเชซ บาส กุนซือทีมชาติกาตาร์ ที่พาทีมคว้าแชมป์เอเชียน คัพ 2019 ด้วยการคว่ำญี่ปุ่นแบบหักปากกาเซียน...

ว่ากันว่ามนุษย์มีเรื่องให้รับมือปัญหาของตัวเองกันทั้งนั้น ต่างคนก็ต่างคิดว่าปัญหาของตัวเองหนักหนาสาหัสที่สุดในโลก ซึ่งก็ไม่ผิดนัก ของแบบนี้เขาเรียกว่า “ต่างกรรมต่างวาระ” ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจความทุกข์และความกดดันที่เกิดขึ้นภายในใจของคนอื่นๆ

 

อย่างไรก็ตาม คุณลองนึกภาพว่าตัวเองทำงานโครงการชิ้นหนึ่งที่มีมูลค่า 40,000 ล้านบาท มันคือโครงการระยะยาว 18 ปี ที่กำลังเดินทางเข้าใกล้วันประกาศผลว่าโครงการของคุณจะสอบตกหรือสอบผ่าน ทุกๆวันจะมีนายทุนมาบอกมาชี้คอยกดดันว่า "งานที่ให้ไปถึงไหนแล้ว?" หรือ "งบขนาดนี้มีปัญญาทำได้แค่นี้หรือ?" คุณคิดว่ายากแค่ไหนที่จะหลับตานอนได้อย่างสบายใจในทุกๆคืน นั่นล่ะคือสิ่งที่ เฟลิกซ์ ซานเชซ บาส โค้ชฟุตบอลที่ไม่ได้มีโปรไฟล์ใหญ่โตจากแคว้นกาตาลันเจอ... เรื่องราวผู้รับผิดชอบโครงการหมื่นล้านรายนี้เป็นใครมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่?

แอสไปร์ 2004

ปี 2004 ราชวงศ์แห่งกาตาร์รู้สึกไม่พอใจนักกับวงการกีฬาในบ้านเมืองของพวกเขา เพราะหากย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีก่อนหน้า กาตาร์ ไม่ปรากฎความโดดเด่นเรื่องกีฬาชนิดใดเลยบนโลกใบนี้ แม้ว่าพวกเขาจะมีเงินมากมายให้ลองผิดลองถูกก็ตาม

 1

เข้าสู่ช่วงกลางปีคำสั่งจาก เอเมียร์ ชีกห์ ฮาเหม็ด บิน คาห์ลิฟา อัล ทาห์นี่ เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ ได้รับเอกสารหนึ่งชุดจาก ชีกห์ ทามิม บิน ฮาหมัด อัล ทาห์นี่ ผู้เป็นรัชทายาทถึงโครงการที่จะสร้างความเป็นเลิศทางกีฬาให้กับแผ่นดินกาตาร์ และงบประมาณที่วางไว้คือ 14,000 ล้านเหรียญ ภายใต้ชื่อโครงกว่า Aspire Academy

เมื่อกาตาร์ คือประเทศที่มีประชากรน้อย และอาชีพส่วนใหญ่ของคนในประเทศคือการทำงานที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสายกีฬา จึงทำให้โครงการนี้มุ่งเน้นการสร้างนักกีฬาระดับเพชรในตม โดยไม่สนว่าจะมีเชื้อชาติกาตาร์หรือไม่ พวกเขาเดินทางไปยังทั่วทุกมุมโลกทั้งแอฟริกา, อเมริกาใต้ และ เอเชีย เพื่อหาเด็กๆที่มีแววและจากนั้นก็มอบทุกอย่างให้ ทั้งการศึกษา, ศาสตร์ และ ศิลป์ทางกีฬาทั้งหมด

ทุกๆปี แอสไปร์ จะทำการคัดเลือกนักกีฬากว่า 5-6 แสนคน เพื่อคัดเอาระดับหัวกะทิมาต่อยอด ณ สถานที่ที่มีพร้อมทั้งที่พัก, การศึกษา, วิทยาศาสตร์การกีฬา และ ผู้มีประสบการณ์ในเกมกีฬาระดับสูง

 2

เมื่อจะต้องเลี้ยงดูกันตั้งแต่ยังเด็ก แน่นอนว่าหนึ่งในหน้าที่ที่สำคัญที่สุดคือโค้ช ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับนักกีฬามากที่สุด ตำแหน่งนี้ต้องรับมือกับความดื้อของนักกีฬาเด็ก ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการคนที่รู้จักทั้งร้อนและเย็นได้อย่างถูกสถานการณ์ ให้ความสนุกเพื่อสร้างความเชื่อใจ และจากนั้นคือการมอบคำสอนที่เด็กๆสามารถปฎิบัติตามเพื่อพัฒนาตัวเองได้... ในเมื่อกาตาร์ไม่มีความรู้ด้านการอยู่กับนักกีฬาเด็กๆมาก่อน พวกเขาจึงมองหา 1 ในใต้หล้าเรื่องการทำฟุตบอลระดับอคาเดมี่ และคงไม่มีที่ไหนเหมาะไปกว่า บาร์เซโลน่า อีกแล้ว

ผมอยากเป็นโค้ช!

ตระกูล อัล ทาห์นี่ ชื่นชอบฟุตบอลแบบบาร์เซโลน่า และรู้ว่าจุดแข็งของบาร์ซ่า คือการปั้นเด็กเยาวชนป้อนชุดใหญ่ และด้วยความที่เงินมากมายก่ายกอง แล้วจะไปลองผิดลองถูกกับพวกมือใหม่ทำไม? ตระกูล อัล ทาห์นี่ บอก บาร์เซโลน่า ว่าอยากจะได้ โจเซป โคโลเมอร์ ผู้อำนวยการทีมเยาวชนของบาร์ซ่า จากนั้นก็จบปัญหาด้วยการจ้างแบบยกชุดด้วยการทุ่มเงินมหาศาลให้ ซานโดร โรเซลล์ หนึ่งในบอร์ดบริหารของ บาร์เซโลน่า ภายใต้ชื่อบริษัท โบนัส สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง มาดูแลโครงการ "ฟุตบอล ดรีมส์" โครงการที่จะทำให้กาตาร์กลายเป็นชาติมหาอำนาจด้านลูกหนังของเอเชีย และพร้อมสำหรับการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันในระดับทวีป หรือแม้แต่ของโลก

 3

หลังเข้ามาควบคุมการผลิตของ แอสไปร์ ได้ 2 ปี โคโลเมอร์ รับบทหนักในการดูแลภาพรวมของทีมเยาวชนหลายรุ่นอายุ และเขารู้ดีว่าเด็กน้อยรุ่น 8 ขวบคือช่วงเวลาที่ต้องการคนมาช่วยตั้งไข่ เขารู้จักคนเก่งๆที่ ลา มาเซีย คนหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือ เฟลิกซ์ ซานเชซ บาส นี่เอง พระเอกของเรื่องเก็บกระเป๋าทันทีที่รู้ข่าว เขาลาออกจากงานที่บาร์เซโลน่า และพร้อมสำหรับงานใหม่ที่ท้าทายที่สุดในชีวิตของเขา

เฟลิกซ์ ซานเชซ บาส คือคนที่เล่นฟุตบอลไม่เก่งเท่าไรนัก และในประเทศที่ผลิตนักฟุตบอลได้ปีละเป็นแสนๆคน ย่อมยากที่จะได้มีโอกาสขึ้นมาในระดับหัวแถว ดังนั้นเขาจึงไม่เคยเป็นนักฟุตบอลอาชีพมาก่อนเลย และเลือกเดินสายโค้ชทันที และสโมสรแรกที่ให้โอกาสเขาคือ เอฟซีบี เอสโกล่า หรือถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นมาหน่อยคือทีมระดับเยาวชนอายุไม่เกิน 8 ขวบของ บาร์เซโลน่า นั่นเอง และประวัติศาสตร์ก็เริ่มต้นขึ้นในปี 1996 ที่ โยฮัน ครัฟฟ์ เป็นกุนซือบาร์เซโลน่า พร้อมวางโมเดลการฝึกแบบเดียวกันทุกชุดตั้งแต่ยู 8 ขวบของ เฟลิกซ์ จนไปถึงชุดเยาวชนที่อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายอย่าง บาร์เซโลน่า เบ นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมกลิ่นอายฟุตบอลของกาตาร์ชุดนี้จึงดุดัน เข้าทำรวดเร็ว และยังมีศิลปะการยิงประตูที่มีเสน่ห์ติดตัว

 4

เฟลิกซ์ ขยับตัวเองขึ้นมาจนได้เป็นโค้ชของทีมอคาเดมี่ที่มีชื่อเสียงอย่าง ลา มาเซีย ช่วงระยะ 6 ปีหลังจากนั้น โดยทีมชุดที่เขารับผิดชอบมีนักเตะอย่าง เซร์กี้ โรแบร์โต้, เคราร์ด เดโลเฟว, มาร์ก มูเนียซ่า และ โบยาน เกอร์คิช อยู่ในชุดดังกล่าวด้วย ก่อนที่เขาจะตอบรับข้อเสนอของนายเก่าทั้ง โรเซลล์ และโคโลเมอร์

ที่กาตาร์ แม้จะปรากฎชัดเจนว่า เฟลิกซ์ ได้ค่าเหนื่อยเท่าไร แต่แน่นอนว่าการโดนจ้างให้ออกจากบาร์เซโลน่า และมายังดินแดนที่มีวัฒธรรมและสังคมแตกต่างกันคนละขั้วที่โดฮาย่อมมีค่าแรงที่สูงขึ้นอยู่แล้ว แรกเริ่ม เฟลิกซ์ ไม่ได้ทำงานโค้ชให้กับทีมทันที เพราะในช่วงนั้น โคโลเมอร์ มั่นใจในสายตาของเขาจึงส่งออกมาเป็นหัวหน้าทีมแมวมอง คอยสอดส่องนักเตะเยาวชนจากทั่วโลก และด้วยนักเตะที่มาคัดในระดับครึ่งล้านคน ทำให้ค่าเฉลี่ยต่อปีที่เฟลิกซ์ต้องไปดูเกมการแข่งขันของเด็กๆด้วยตัวเองนั้นมากถึง 60,000 เกมเลยทีเดียว ซึ่ง 2 ปีผ่านเขาก็ได้วัตถุดิบที่ต้องการ ก่อนที่เจ้านายอย่างโคโลเมอร์ จะมอบตำแหน่งโค้ชแบบเต็มตัวให้กับเขาในที่สุด

ไต่จากล่างขึ้นบน

งานของ เฟลิกซ์ ไม่ได้ถือว่ายากเย็นและกดดันอะไรนักในช่วงแรก สิ่งที่ตระกูล อัล ทาห์นี่ อยากจะเห็นคือการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาวไม่ใช่การโอนสัญชาติปุปปับแล้วก็หายไป ไม่ต้องรีบไม่ต้องร้อน ทำเต็มที่เพื่อให้เด็กๆก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญให้ได้ก็พอ

 5

อย่างไรก็ตาม โจทย์เปลี่ยนทันทีเมื่อถึงปี 2010 กาตาร์ถูกรับเลือกให้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งผลการรับเลือกนี้นำมาซึ่งกระแสต่อต้านมากมายว่า กาตาร์ ใช้เงินซื้อโอกาสให้ตัวเองได้เล่นฟุตบอลโลก เมื่อพวกเขายังไม่เคยผ่านรอบคัดเลือกเข้ามาเล่นในรอบสุดท้ายมาก่อนเลย (และฟุตบอลโลกปี 2022 ก็จะเป็นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งแรกของชาตินี้อีกด้วย)

เมื่อโดนหยาม ตระกูล อัล ทาห์นี่ ก็เริ่มอยากจะตอบโต้กลับ พวกเขาจะพิสูจน์ว่ากาตาร์ไม่ได้มีแค่เงินแต่มีสมองด้วย ดังนั้นเมื่อมีโอกาสแสดงฝีมือในเวทีระดับสูง กาตาร์จะต้องแสดงออกถึงพัฒนาการที่ใครก็ไม่อยากจะเชื่อให้ได้ ดังนั้นการไล่บี้คนที่ดูแลทีมในแต่ละชุดจึงเริ่มเกิดขึ้นอย่างจริงจังนับตั้้งแต่นั้นมา และ เฟลิกซ์ คือหนึ่งในผู้ต้องเข้าประชุมรายงานผลบ่อยพอๆกับการพบหน้าเด็กๆในทีมของเขาเลยทีเดียว

"จงวางเป้าหมายให้สูงเข้าไว้และประเมินคู่ต่อสู้ที่จะต้องเจอให้สูงสุด" นี่คือปรัชญาฟุตบอลของเขากับเด็กกาตาร์ชุดที่ถูกหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องได้ไปโชว์ฝีเท้าในฟุตบอลโลกที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพ

แม้จะโดนบี้จากนายทุน แต่ เฟลิกซ์ ไม่ได้เปลี่ยนแนวทางของตัวเอง เขายืนยันว่าจะทำงานแบบ “ช้าๆแต่มั่นคง” เพื่อให้ผู้เล่นเด็กน้อยของเขาสามารถเรียนรู้วิธีการทำงานภายใต้แรงกดดันที่เกิดขึ้น และค่อยเป็นค่อยไปไม่เร่งรัดจนเสียทั้งระบบ ผู้เล่นแต่ละคนต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เพราะถ้าหากผิดขั้นตอนไป กว่าจะรู้ว่าพลาดก็อาจสายไปแล้ว

 6

"เราถูกข้อกำหนดด้วยจำนวนประชากรที่น้อย ดังนั้นเราต้องเริ่มทำงานกับเด็กแต่ละรุ่นที่เกิดในระบบปฎิทิน ที่นี่ไม่เหมือนสเปนหรอกนะที่นักเตะคนนี้ไม่ดีเล่นไม่ได้คุณก็แค่โละออกแล้วหาใหม่ กาตาร์ไม่มีตัวเลือกมากนัก คุณต้องดูพวกเขาให้ดีและอ่านให้ออกว่าพวกเขาเหล่านี้จะก้าวไปได้อย่างไร" เฟลิกซ์ให้สัมภาษณ์กับสื่อดังบ้านเกิดอย่าง AS

สื่อจากกาตาร์เรียกระบบการทำงานของเฟลิกซ์และเด็กๆของเขาว่า "พ่อกับลูก" เขาทำให้เด็กเชื่อในการสั่งการของเขา ดังนั้นจึงไม่มีใครเหมาะกว่าเขาอีกแล้วที่จะคุมทีมกาตาร์ ชุดยู 19 ลงแข่งขันในศึกชิงแชมป์เอเชียปี 2014 ก่อนที่เด็กๆของเขาที่นำโดย อัลโมเอซ อาลี ดาวยิงที่เกิดในซูดานที่เข้าระบบของ แอสไปร์ ตั้งแต่ 8 ขวบ, อัคราม อาฟิฟ, อาเหม็ด โมอีน และ อาเหม็ด อัล ซาดี้ นี่คือดาวเด่นตัวท็อปของกาตาร์ที่ช่วยกันพาทีมคว้าแชมป์ได้สำเร็จด้วยการเอาชนะ เกาหลีเหนือ ในรอบชิงชนะเลิศ

 7

งานของ เฟลิกซ์ หลังจากนั้นคือการไล่ตามเก็บพัฒนาการของทีมชุดยู 19 ชุดนี้ ที่ถือว่าเป็นชุดแห่งความหวังสำหรับฟุตบอลโลกปี 2022 ดังนั้นเขาจึงต้องขยับตามรุ่นเด็กๆของเขาไปเรื่อยๆ เพื่อความต่อเนื่องและความเข้าใจกันในระบบการเล่น กาตาร์ ขยับเขาขึ้นมาในชุดยู 20 ในปีต่อมาที่ได้ไปแข่งชิงแชมป์โลกที่ประเทศนิวซีแลนด์  

พวกเขาตั้งความหวังสูงและประเมินคู่แข่งสูงตามปรัชญา ทว่าการไปแข่งระดับโลกครั้งนี้ กาตาร์ แพ้กลับมาแบบ 0 แต้ม และยิงได้ประตูเดียวเท่านั้น แม้จะเป็นผลงานที่น่าผิดหวัง แต่ก็ทำให้ กาตาร์ เห็นข้อผิดพลาดในทีมเยอะขึ้น และถึงแม้มันจะเป็นความผิดหวังครั้งแรกแต่เหล่าพี่บิ๊กในบอร์ดบริหารยังเชื่อมั่นว่า กาตาร์ ในมือของ ซานเชซ บาส ยังมีอนาคต และความล้มเหลวในฟุตบอลโลกน่าจะเป็นอะไรที่พอให้อภัยได้บ้าง นั่นจึงทำให้เขาได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองต่อไป

"หลังกลับมาจากนิวซีแลนด์ เราแพ้หมดเลย แต่มันเป็นเรื่องน่าประทับใจ เราเห็นสิ่งที่ต้องแก้ และเรามีความสุขมากที่ได้ไปแข่งขันรายการนี้" ก่อนจะทิ้งท้ายให้กับความพ่ายแพ้ว่า

"เด็กๆของผมพวกนี้จะเป็นนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ในปี 2022 ตอนที่พวกเขาอายุ 25-26 ปี ฟุตบอลโลกยู 20 ทำให้พวกเขาผิดหวัง แต่การเดินทางยังอีกยาวนาน และพวกเขาจะได้เจอมันอีกในฟุตบอลโลกของจริง"

ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง

อย่างที่เคยได้กล่าวไว้ในข้างต้นการทำงานแบบพ่อกับลูกของ เฟลิกซ์ กับเด็กๆของเขา ทำให้เขารู้ว่าแต่ละคนยังขาดอะไร เขาร่วมรบเร้าให้บอร์ดบริหารของ แอสไปร์ หาสโมสรในยุโรปเอาไว้เพื่อรองรับนักเตะกาตาร์ในรุ่นหลังที่เก่งเกินกว่าจะเล่นในประเทศแถบอาหรับ ไม่ใช่แค่นั้นเขายังคิดต่อไปถึงเด็กๆที่เก่งไม่พอไปเล่นในต่างแดน ก็ควรได้เห็นตัวอย่างที่ดีเพื่อคอยซึมซับความรู้ ดังนั้นลีก กาตาร์ จำเป็นต้องมีสตาร์เข้ามาเสริมทีมบ้าง

 8

แอสไปร์ ตอบรับอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ เฟลิกซ์ อยากได้พวกเขาจัดการปิดดีล เทคโอเวอร์สโมสร อูเปน ทีมในระดับลีกสูงสุดของเบลเยียม และ คูตูรัล เลโอเนซ่า ในระดับดิวิชั่น 3 ของสเปน

"ในกาตาร์ไม่ค่อยนิยมเรื่องกีฬาและไม่มีวัฒนธรรมสำหรับเรื่องนี้เท่าไหร่ ลีกกาตาร์ไม่ได้แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ ผมรู้ดี นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเราต้องมีสโมสรในยุโรปที่คอยรับนักเตะของเราไปต่อยอด และทั้ง อูเปน และ คูตูรัล เลโอเนซ่า คือเป้าของการพัฒนาตามโครงการนี้" เฟลิกซ์ อยากให้เด็กๆของเขาเก่งกว่าที่เป็นอยู่

ขณะที่ในระดับสโมสรนั้น อัล ซาดด์ ทีมที่มีนักเตะทีมชาติกาตาร์มากที่สุด ได้คว้าตัว ชาบี เอร์นันเดซ ยอดกองกลางขั้นเทพผู้กวาดมาทุกแชมป์กับบาร์เซโลน่า และทีมชาติสเปนมาร่วมทีม ซึ่งตัว ชาบี เอง สนิทสนมกับ เฟลิกซ์ เป็นอย่างดีและ เฟลิกซ์ ก็ฝากเด็กๆของเขาที่ อัล ซาดด์ ให้กับ ชาบี คอยป้อนประสบการณ์ระดับโลกแบบที่เขาเคยพบเจอมาให้เพื่อเปิดสิ่งที่นักเตะกาตาร์ไม่เคยเห็น

"ชาบี เป็นตัวช่วยที่ยอดเยี่ยม เขาเป็นนักฟุตบอลอาชีพตลอด 24 ชั่วโมง เขาสามารถเข้ามาในแคมป์ทีมชาติกาตาร์เมื่อไรก็ได้ที่เขาต้องการ เขาถือเป็นสต๊าฟฟ์ในกรณีพิเศษ คุณลองนึกเอาสิว่าเด็กๆของเราจะได้ประโยชน์มากแค่ไหน ถ้ามีคนอย่าง ชาบี คอยแนะนำพวกเขา"

 9

เห็นได้ชัดว่า เฟลิกซ์ คิดต่อไปไกลหลายลี้ เขามองเห็นช่องทางต่างๆมากมายที่จะทำให้เด็กๆที่เป็นเหมือนลูกของเขาเก่งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เขาพยายามพิสูจน์ตัวเองว่าความสามารถของเขามากพอที่จะเป็นส่วนสำคัญในโครงการ 4 หมื่นล้านบาทนี้

เข้าช่วง 5 ปีสุดท้ายก่อนที่พวกเขาจะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2022 ชีกห์ ทามิม บิน ฮาหมัด อัล ทาห์นี่ นายทุนแห่งแอสไปร์หวังกับทีมของ เฟลิกซ์ ไว้สูงพอสมควร และในปี 2017 เขาจึงแต่งตั้งให้ เฟลิกซ์ คุมทีมชาติชุดใหญ่แทนที่ ฮอร์เก้ ฟอสซาติ กุนซือวัย 66 ปีชาวอุรุกวัย พร้อมทั้งรับงานคุมทีมชุดยู 23 ไปพร้อมๆกันอีกด้วย

กลางปี 2018 เฟลิกซ์ ต้องหนาวๆร้อนๆบ้างเมื่อ กาตาร์ ต้องส่งทีมมาเล่นใน เอเชียน เกมส์ ด้วยสภาพนักเตะที่ไม่ฟูลทีมเพราะเหล่าตัวหลักจาก อัล ซาดด์ และทีมระดับหัวแถวอื่นๆติดภารกิจลงเล่นในศึกชิงแชมป์สโมสรเอเชีย จนทำให้ผลงานกาตาร์ ย่ำแย่ถึงขีดสุด แพ้ให้กับ บังคลาเทศ, เสมอกับไทย และพ่ายต่อ อุซเบกิสถาน ตกรอบไปแบบเป็นบ๊วยของกลุ่มอย่างไม่น่าเชื่อ

ความผิดพลาดนี้ทำให้เจ้าตัวโดนนายทุนตามจี้ไม่น้อย อย่างไรก็ตามเขาแจกแจงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากอะไร "ฟุตบอลมีส่วนผสมมากกว่าแค่เงินและสถานที่ฝึกซ้อมที่สะดวกสบาย แต่มันยังมีเรื่องของโชคและความกระหายที่เป็นปัจจัยสำคัญ" เขากล่าวกับ อัล จาซีร่า สื่อในประเทศหลังตกรอบ เอเชียน เกมส์

 10

ไม่มีใครรู้ว่าเขาพูดอะไรกับตระกูล อัล ทาห์นี่ เพราะจากเก้าอี้ที่เคยร้อน กาตาร์เองยอมรับฟังทุกข้อเสนอของเฟลิกซ์ อารมณ์ประมาณว่าอยากได้อะไรขอให้บอกมาเดี๋ยวทางเราจะจัดให้

และตัวของเฟลิกซ์เองก็ต้องการเกมการแข่งขันในระดับที่สูงขึ้นอีก เขาอยากให้มีการอุ่นเครื่องกับทีมในยุโรปซึ่งก็ได้เจอกับหลากหลายทีมทั้ง เช็ก, ไอซ์แลนด์ และ ลิกเตนสไตน์ นอกจากนี้ยังเรียกของแข็งอย่าง สวิตเซอร์แลนด์, แอลจีเรีย และ เอกวาดอร์ ชุดใหญ่มาลับแข้งอีกด้วย

เขาให้เหตุผลว่าที่ต้องเชิญทีมระดับนี้มาเป็นเพราะคู่แข่งเหล่านี้จะแสดงให้เด็กๆของกาตาร์เห็นว่าหากพวกเขาผิดพลาดในเกมจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และเมื่อพวกเขาพลาดโอกาสยิงประตูหรือเข้าทำแบบจะแจ้งจะต้องรอเวลาอีกนานโขกว่าที่จังหวะดีๆแบบนี้จะวนกลับมาอีกครั้ง ถึงจะแพ้แต่ได้พัฒนา นี่คือสิ่งที่ เฟลิกซ์ หวังไว้ตั้งแต่แรก

"จุดประสงค์ในการเจอกับ สวิส คือเราอยากจะรู้ว่าแท้จริงแล้วเราอยู่ตรงไหนกันแน่ และสามารถรับมือกับนักเตะระดับโลกและทีมระดับโลกไหวหรือไม่" เขายืนยันว่าถึงแพ้ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าเจ็บปวดอะไร แต่ที่สุดแล้วเด็กๆของเขาก็เอาชนะ สวิตเซอร์แลนด์ คู่แข่งระดับท็อป 20 ของโลกไปได้ 1-0 จากการยิงของ อัคราฟ อาฟิฟ ในช่วงท้ายเกม และเมื่อนักข่าวถาม อัล ไฮดอส กัปตันของกาตาร์ในวันนั้นว่าอะไรคือกุญแจสำคัญของชัยชนะประวัติศาสตร์ครั้งนี้ เขาตอบว่า

 11

"กดดันให้เร็วและสูงที่สุด ต้องรู้จักเกมรับ และสำคัญที่สุดคือรู้ว่าจังหวะไหนของเกมควรฆ่าคู่ต่อสู้ให้ตาย" เห็นได้ชัดว่าบทเรียนต่างๆทั้งในและนอกสนามที่ เฟลิกซ์ สอดแทรกนั้นเริ่มผลิดอกออกผลมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว

ในช่วงเวลาเจอกับเหล่าทีมที่แข็งแกร่ง อายุเฉลี่ยของผู้เล่นกาตาร์ในช่วงปี 2018 นั้นอยู่ที่ 24 ปีกับอีก 195 วันเท่านั้น และมีถึง 13 จาก 25 คนที่ค้าแข้งในต่างประเทศ และแน่นอนว่าพวกเขาเหล่านี้คือผลผลิตของ แอสไปร์ อคาเดมี่ ทั้งสิ้น

"นี่คือกลุ่มผู้เล่นที่แข็งแกร่ง ผมรู้จักพวกเขามานาน แม้เราจะมีข้อจำกัด เป็นประเทศที่เล็กมีประชากรไม่กี่คน แต่การทำงานหนักทำให้เราได้เจอกับผลลัพธ์บางอย่างที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้” เฟลิกซ์ ชานเชซ กล่าวและยิ้มส่งท้าย

เอเชียน คัพ 2019

รายการที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชียเดินทางมาถึงแล้ว หนนี้สร้างความลำบากใจให้กับ กาตาร์ พอสมควร เพราะถึงแม้ด้านฟุตบอลพวกเขาจะเตรียมตัวมาดีทั้งการเก็บตัว, การอุ่นเครื่อง และความเข้าใจในทีม ทว่าเรื่องของการเมืองระหว่างประเทศแถบอาหรับนั้นทำให้ทุกเรื่องยุ่งยากไปหมด

 12

กาตาร์ โดน 5 ประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ซาอุดิอาระเบีย, บาห์เรน, จอร์แดน, เยเมน) คว่ำบาตรด้วยข้อกล่าวหาว่า รัฐบาลให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายและบ่อนทำลายเสถียรภาพในภูมิภาคตะวันออกกลาง เลวร้ายที่สุดคือการใช้มาตรการปิดกั้นทางเศรษฐกิจกับกาตาร์ สั่งห้ามผู้คนเดินทางไปมาหาสู่กัน รวมถึงการตัดท่อน้ำเลี้ยงไม่ให้มีการขนส่งสินค้าให้กับกาตาร์ในทุกช่องทาง ทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ เพื่อปิดกั้นไม่ให้กาตาร์สามารถส่งออกก๊าซธรรมชาติได้ราบรื่นเหมือนเคย

แน่นอนว่ามันหมายถึงการไปแข่งขันเอเชียน คัพ 2019 ที่ ยูเออี ลำบากขึ้นด้วย เพราะนักเตะกาตาร์ จะต้องเสียเวลาการเดินทางแบบหลายต่อหลายขั้นตอน ทั้งเรื่องการทำเอกสารเข้าประเทศก็กลายเป็นเรื่องยาก แม้ว่า 2 ประเทศจะมีพรมแดนใกล้กัน แต่กว่าที่ลูกทีมของ เฟลิกซ์ จะเข้าประเทศยูเออี เพื่อเตรียมพร้อมก่อนแข่งขันได้ก็ต้องรอเวลาถึง 40 ชั่วโมงเลยทีเดียว

"สถานการณ์ทางการเมืองคือเรื่องที่เราต้องคุยกันในทีม พวกเขามีความตระหนักกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน แต่ผมพยายามปลุกเร้าให้พวกเขาสามารถโฟกัสไปที่เรื่องของการแข่งขันเท่านั้น ที่เหลือตัดทิ้งไปให้หมด"

งานของ เฟลิกซ์ จึงไม่ได้อยู่แค่ในเฉพาะเรื่องของแท็คติกเท่านั้น เขาต้องคอยจัดการเรื่องสมาธิให้กับเหล่านักเตะหนุ่มที่เจอกับสถานการณ์ที่แปลกใหม่ ดาวเตะอย่าง คาห์เล็ด โมฮัมเหม็ด ยังเพิ่งฉลองวันเกิดอายุครบ 18 ปี เมื่อไม่กี่เดือนก่อนอยู่เลย ขณะที่ในส่วนของ เฟลิกซ์ เองหนนี้คือบททดสอบสำคัญที่สุดของเขาด้วยเพราะถ้าหากว่า กาตาร์ เกิดตกรอบแบบไม่ได้ลุ้นความใจเย็นของ อัล ทาห์นี่ อาจจะหมดลงก็เป็นได้  

งานของ กาตาร์ ในรอบแบ่งกลุ่มจัดว่าเหนือชั้นมาก พวกเขาเอาชนะ เลบานอน 2-0, ถล่ม เกาหลีเหนือ 6-0 ตามด้วยการชนะ ซาอุดิอาระเบีย หนึ่งในกลุ่มชาติพันธมิตรที่เล่นงานทางการเมืองกับพวกเขาอีก 2-0 ด้วยสไตล์การเล่นแบบที่เคยซักซ้อมและบ่มเพาะมาหลายปี ก่อนจะตามด้วยการเชือด อิรัก 1-0 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย และจัดการเกาหลีใต้ที่มี ซน ฮึง-มิน นักเตะเอเชียที่ดีที่สุดแห่งยุคนี้ ในรอบก่อนรองชนะเลิศ 1-0

 13

เกมรอบตัดเชือกถือเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี เพราะกาตาร์ต้องเจอกับ ยูเออี เจ้าภาพ ชาติที่คว่ำบาตรพวกเขา และมีความบาดหมางจนเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่ง เฟลิกซ์ กระตุ้นลูกทีมว่าต่อให้โดนโห่ก็อย่าสนใจเด็ดขาด

"เราคุยกันหลายครั้งมากว่าเรามาที่นี่เพื่ออะไร เราต้องการแสดงศักยภาพว่าเราคือหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดของเอเชีย เราจะโฟกัสกับเกมที่เกิดขึ้นมีเพียงฟุตบอลเท่านั้นที่อยู่ในใจเราในตอนนี้"

เขาไม่ได้แค่พูด แต่ลูกทีมของเขาลงไปกระหน่ำเจ้าภาพเละเทะถึง 4-0 แม้จะต้องแลกมาซึ่งการโดนปาขวดและรองเท้าใส่ แต่การเอาชนะชาติที่ไม่ยอมรับพวกเขา คือสิ่งที่ทำให้ความมั่นใจของกาตาร์ทะยานถึงขีดสุด แม้ทาง ยูเออี จะฟ้องเรื่องการส่งนักเตะผิดกฎของกาตาร์ หลังจากพวกเขาพ่ายแพ้ แต่เฟลิกซ์ย้ำคำเดิมคือ "ไม่สนใจ"

 14

"ผมไม่เคยกังวลเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เด็กๆของผมคิดอยู่อย่างเดียวคือพวกเขาอยากจะลงเล่นนัดชิงแชมป์เอเชียเต็มที่แล้ว" เฟลิกซ์กล่าวก่อนดวลกับญี่ปุ่น

เกมนัดชิงชนะเลิศ กาตาร์ ต้องเจอกับญี่ปุ่น เบอร์ 1 เอเชียตัวจริง แต่กาตาร์ มาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะความมั่นใจ เกมนัดชิงชนะเลิศเริ่มขึ้น และ กาตาร์ แสดงให้เห็นถึงคลาสที่พัฒนาขึ้นมาอย่างชัดเจน การต่อบอลของพวกเขาเฉียบขาด เพียงไม่กี่จังหวะก็ถึงหน้าประตู ขณะที่เกมรับก็ไม่ได้รับต่ำในกรอบเขตโทษ แต่เป็นการดักรอชิงบอลมาเล่นจังหวะสวนกลับ นี่คือแท็คติกที่ทำให้ญี่ปุ่น โดนซัดไป 2 ลูกติดๆกันในช่วงครึ่งแรก

 15

แม้ครึ่งหลัง กาตาร์ จะเสีย บูอาเล็ม คูคี กองหลังตัวหลักจากอาการบาดเจ็บ แต่ที่สุดแล้วแท็คติกรับทั้งทีมและบุกแบบหาจังหวะฆ่าด้วยความเร็วของ เฟลิกซ์ ซานเชซ บาส ก็ทำสำเร็จ พวกเขาชนะ ญี่ปุ่น 3-1 และเป็นแชมป์แรกในประวัติศาสตร์ของประเทศ

หลังจบเกม สำนักข่าวรอยเตอร์ ที่เกาะสถานการณ์อยู่ข้างสนามรีบสัมภาษณ์ บาสซาม อัล ราวี่ กองหลังของทีมว่าเหตุผลอะไรที่กาตาร์คว้าแชมป์แบบชนะ 7 นัดรวดและเสียเพียงประตูเดียวเท่านั้น พัฒนาการที่ก้าวกระโดดเหลือเชื่อนี้มาจากไหน?

"เฟลิกซ์ ซานเชซ บาส คือผู้ควรได้รับเครดิตนี้ เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเรา เขารู้ว่าเราชอบอะไร และแบบไหนที่เราไม่ชอบ ถ้าเราต้องการอะไร บางครั้งเราแทบไม่ต้องเอ่ยปากเลยด้วยซ้ำ มันเป็นการทำงานที่ยอดเยี่ยมมาก เขาเป็นเหมือนพ่อของเราเลย" กองหลังตัวเก่งกล่าว

ผู้สร้างความเปลี่ยนแปลง

แม้จะเป็นคนสเปนแต่ดูเหมือนว่า เฟลิกซ์ จะเกิดมาเพื่อเป็นโค้ชของทีมกาตาร์ชุดนี้ที่สุด หากว่ากันตามจริงโปรไฟล์ของเขาหากยังอยู่กับบาร์เซโลน่าต่อคงเป็นเรื่องยากที่จะได้ก้าวขึ้นมาคุมทีมชุดใหญ่หรือแม้กระทั่งชุดบี แต่ที่ กาตาร์ เขาเป็นหนึ่งในกุนซือที่โนเนมที่สุดที่นอกจากจะนำแชมป์มาตอบแทนแล้ว เขายังสร้างความเปลี่ยนแปลงมากมายให้วงการฟุตบอลกาตาร์

 16

สำนักข่าวการ์เดี้ยน ของอังกฤษ เคยลงพื้นที่ขณะที่ทีมชาติกาตาร์ ชุดใหญ่ลงสนามเมื่อหลายปีก่อนนั้น อัฒจันทร์แสนจะโล่ง จนต้องจ้างให้กลุ่มแรงงานชาวโอมาน, บาห์เรน และประเทศอื่นๆที่อพยพเข้ามาทำงานเข้าไปชมเกมโดยจ่ายค่าจ้างให้เขาไปชมด้วยเงินราว 5 ดอลล่าร์สหรัฐ พร้อมให้กลุ่มผู้อพยพแต่งชุดขาวเหมือนคนท้องถิ่นกาตาร์เพื่อความกลมกลืน

ทว่าตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป หลังจากทีมของเฟลิกซ์คว้าแชมป์ ถนนหนทางในกรุงโดฮาเต็มไปด้วยแฟนบอลที่ออกมาฉลองไม่ว่าจะด้วยการโห่ร้องดีใจหรือขับรถบีบแตร พวกเขาดูเหมือนชาติที่คลั่งฟุตบอลเข้าเส้นเลือดเหมือนกับทื่ เวียดนาม หรือ ไทย เป็นเลยทีเดียว

 17

คล้อยหลังจากนั้น 2 วันเมื่อทัพนักเตะเดินทางกลับมาถึงประเทศ (ซึ่งก็ต้องเดินทางอ้อมเหมือนกับขามา) ก็มีการฉลองใหญ่เกิดขึ้น ทั้งประเทศคึกคักเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ แม้แต่ ชีก ทามิม อัล ทาห์นี่ นายทุนของแอสไปร์ยังอดไม่ได้ที่จะต้องฉลองด้วย

"นี่คือฮีโร่ผู้น่ายกย่อง การแข่งขันครั้งนี้เป็นความสำเร็จของชาวกาตาร์และอาหรับทั่วโลก  ตอนนี้ทุกคนได้ตระหนักถึงความฝันของพวกเราแล้ว" อัล ทาห์นี่ โพสต์ข้อความดังกล่าวบนทวิตเตอร์ของเขา

 18

ตอนนี้ กาตาร์ กำลังพยายามยกระดับตัวเองเข้าไปอีกด้วยการถูกเชิญไปแข่งในศึกโคปา อเมริกา 2019 พวกเขาจะได้เจอกับทีมอย่าง บราซิล, อาร์เจนติน่า และ อุรุกวัย ซึ่งแน่นอนว่า เฟลิกซ์ คงไปในจุดมุ่งหมายเดิมนั่นคือการลองวัดรอยเท้าดูว่าตอนนี้เด็กๆของเขาพร้อมแค่ไหน และถึงต่อให้แพ้เละเทะ เขาก็จะนำเอาสิ่งที่ได้กลับมาปรับใช้จนเจอสูตรที่ลงตัวสำหรับฟุตบอลโลก 2022 ที่จะต้องเจอกับทีมระดับหัวแถวของโลกมากมาย

"ช้าแต่มั่นคง" ยังคงเป็นปรัชญาการสร้างทีมของเขามาจนวันนี้ และดูเหมือนว่ามันจะเข้าท่าดีเสียด้วย

อัลบั้มภาพ 18 ภาพ

อัลบั้มภาพ 18 ภาพ ของ เฟลิกซ์ ซานเชซ : กุนซือกาตาร์ผู้ออกหน้ารับผิดชอบโครงการ 4 หมื่นล้าน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook