3 อุปสรรคที่ "อเล็กซ์ อัลบอน" (อาจ) เจอเมื่อลงสนาม F1 ในปี 2019

3 อุปสรรคที่ "อเล็กซ์ อัลบอน" (อาจ) เจอเมื่อลงสนาม F1 ในปี 2019

3 อุปสรรคที่ "อเล็กซ์ อัลบอน" (อาจ) เจอเมื่อลงสนาม F1 ในปี 2019
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อปลายปี 2018 ที่ผ่านมา ข่าวการก้าวเข้ามาเป็นนักขับรถสูตร 1 หรือ Formula 1 ของ อเล็กซานเดอร์ อังศุสิงห์ อัลบอน นักขับลูกครึ่งอังกฤษสัญชาติไทยเป็นสิ่งที่หลายคนสนใจมาก เพราะเขาคือนักขับรถสูตร 1 คนไทยคนที่ 2 ต่อจาก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช ซึ่งเคยขับรถ Formula 1 ในปี 1950-1954 หรือประมาณเกือบ 70 ปีที่แล้ว

เส้นทางการขับรถ F1 ของอเล็กซ์นั้นเริ่มต้นจากการขับรถคาร์ทในปี 2005 จนถึง 2011 ก่อนที่จะก้าวมาแข่งฟอร์มูล่าเรโนลต์ ซึ่งเป็นการแข่งรถล้อเปิดรายการดังที่นักขับ F1 หลายคนเคยแข่ง ก่อนจะขยับมาขับรถสูตร 3 หรือ GP3 ในปี 2016 จนคว้าอันดับ 3 ในคะแนนสะสมปีดังกล่าว และในปี 2017 นั้นเขาก็ได้แข่งรถ F2  จนประสบความสำเร็จด้วยการคว้าอันดับ 3 ในตารางคะแนนสะสมปี 2018 ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวก็ทำให้เขาได้ขึ้นมาขับ F1 ในที่สุด  

ในการแข่งขันครั้งนี้ อเล็กซ์ จะได้เป็นนักขับของทีม สคูเดอเรีย โทโร่ รอสโซ่  ทีมรถสูตรหนึ่งที่บริษัทเครื่องดื่มชูกำลัง เร้ดบูล เป็นเจ้าของ โดยทีมนี้ได้ถูกก่อตั้งให้เป็นพื้นที่สำหรับปั้นนักขับหน้าใหม่จากโปรแกรม เร้ดบูล จูเนียร์ทีม ก่อนที่จะเลื่อนขั้นขับทีมเร้ดบูล F1 เต็มตัว โดยโทโร่ รอสโซ่ นั้นใช้สัญชาติอิตาลี เนื่องจากทีมนี้มีโรงงานตั้งอยู่ในเมืองเฟนซ่า ประเทศอิตาลี และเคยใช้ชื่อว่าทีมมินาดี้ก่อนถูกทางเร้ดบูลซื้อกิจการไป

ถึงแม้ว่าจะประสบความสำเร็จในฐานะนักขับที่ได้ก้าวขึ้นสู่การแข่งรถสูตรหนึ่งเต็มตัว แต่การก้าวเข้ามาแข่งรถสูตรหนึ่งนั้น อเล็กซ์เองยังต้องเจออุปสรรคในสายอาชีพอีกมาก ซึ่งวันนี้ S! Sport ได้รวม 3 อุปสรรคที่อเล็กซ์อาจจะต้องเจอ เมื่อเข้าสู่การแข่งรถสูตรหนึ่งเต็มตัว ในปี 2018

1. การขาดประสบการณ์กับรถ Formula 1

 s

ในบรรดานักขับ F2 ที่ก้าวเข้ามาขับ Formula 1 ในปีนี้ อเล็กซ์ถือเป็นนักขับที่ยังไม่เคยมีโอกาสได้ขับรถ F1 มาก่อน ซึ่งต่างจากนักขับหน้าใหม่ที่จะก้าวเข้ามาขับ F1 ในปี 2019 แลนโด้ นอร์ริส ที่เป็นนักขับทดสอบทีมแม็คลาเรนมาก่อน และมีชั่วโมงบินในการขับรถสูตรหนึ่งเยอะพอตัว หรือ จอร์จ รัสเซลล์ ที่เคยได้ขับรถทีม เมอร์ซิเดส F1 ในฐานะนักขับทดสอบ มาก่อนที่จะกลายเป็นนักขับเต็มตัว

ซึ่งหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาขาดประสบการณ์นั้น เป็นเพราะ อเล็กซ์ เป็นนักขับที่มีเส้นทางตอนแข่งจูเนียร์ ฟอร์มูล่า ที่ค่อนข้างลุ่มๆ ดอนๆ โดยในปีแรกที่ขับรถนั้น เขาไม่สามารถเก็บคะแนนได้เลย จนถูกปลดจากทีมเร้ดบูล จูเนียร์ ก่อนที่จะมาเป็นนักขับเยาวชนของทีมโลตัส  ซึ่งถูกยุบไปในปี 2015 ต่างจากเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง แลนโด้ และ จอร์จ ที่ได้เข้าเป็นนักขับเยาวชนของทีม F1

แต่ถึงแม้จะมีเส้นทางที่ไม่ราบรื่น แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าในการแข่งขัน F2 นั้น อเล็กซ์ก็ขับได้ดีจนสามารถคว้าอันดับ 3 ในซีซั่น 2018 ได้ พร้อมทั้งมีชื่อเสียงในฐานะนักขับที่ค่อนข้างจะขับได้ดุดัน ดังนั้นถ้าเขาสามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในช่วงทดสอบก่อนเริ่มซีซั่น หรือในเครื่องซิมูเลเตอร์ได้ เขาก็น่าจะประสบความสำเร็จไม่แพ้นักขับรุ่นใหม่คนอื่นๆ

2. สมรรถนะรถ โทโร รอสโซ่ ที่สร้างความกังขาให้กับแฟนๆ

 g

ช่วงที่ผ่านมารถทีมโทโร รอสโซ่ นั้นถือเป็นรถแข่งที่สมรรถนะสูงแม้ว่าจะมาจากทีมที่ทุนน้อย ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับ เจมส์ คีย์ ผู้อำนวยการทางเทคนิคมากความสามารถที่สามารถออกแบบรถปี 2017 อย่าง STR12 ได้ดี จนคว้าอันดับ 7 ในตารางคะแนนสะสม ถึงแม้จะมีงบทำทีมเพียงแค่ 124.3 ล้านยูโร และทำคะแนนน้อยกว่าทีมเรอโนลต์ ที่อยู่อันดับ 6 ซึ่งลงทุนทำทีมด้วยเงินมากถึง  271.15 ล้าน ยูโร แค่ 4 คะแนน

แต่ทว่าในปี 2019 นี้ คีย์ได้ย้ายไปเป็นผู้อำนวยการทางเทคนิคทีมแม็คลาเรนและทางทีมโทโร รอสโซ่ ได้เผยว่าพวกเขาจะไม่มีใครมาแทนตำแหน่งของคีย์ และจะพยายามใช้ชิ้นส่วนร่วมกับรถทีมเร้ดบูลให้มากที่สุด ซึ่งถึงแม้ว่ารถเร้ดบูล จะถูกดีไซน์โดย เอเดรียน นิวอี้ ที่สร้างรถระดับแชมป์โลกให้กับทีมเร้ดบูลมาแล้ว แต่เนื่องจากกฎคองคอร์ด ก็บังคับไม่ให้รถ F1 ของสองทีมนั้นเหมือนกัน 100% ทำให้รถโทโร รอสโซ่ อาจจะมีสมรรถนะที่เป็นรองรถเร้ดบูลชัดเจน และการที่ไม่มีผู้อำนวยการทางเทคนิค ก็อาจทำให้การพัฒนารถระหว่างซีซั่นเป็นไปได้ช้า เนื่องจากทีมไม่มีวิศวกรที่ดูภาพรวม

นอกจากตัวรถแล้ว การที่ทีมโทโร รอสโซ่ จะใช้เครื่องฮอนด้านั้น ก็เป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะในปี 2018 ที่ผ่านมาทีมโทโร รอสโซ่ ได้จบปีด้วยคะแนนสะสมอันดับ 9 ซึ่งเหตุผลหลักก็มาจากเครื่องยนต์ที่ยังขาดประสิทธิภาพ เนื่องจากฮอนด้าได้ห่างหายจากการทำเครื่องรถสูตรหนึ่งไปตั้งแต่ปี 2008 และเพิ่งได้กลับมาในฐานะผู้ผลิตอีกครั้งในปี 2015 ซึ่งเราต้องมาติดตามว่าในปี 2019 พวกเขาจะพัฒนาเครื่องยนต์ จนมีสมรรถนะทันเครื่องยนต์จากทีมอื่นหรือไม่

3. ความกดดันจากการอยู่ในตำแหน่งที่สามารถถูกแทนที่ได้

 a

ปกติแล้วทีมโทโร รอสโซ่นั้น มักจะนำเยาวชนในสังกัดเร้ดบูล จูเนียร์ทีม มาเป็นนักขับตามเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้ง แต่ทว่าในปี 2018 นั้นก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อ แดเนียล ริคคิอาโด้ นักขับเรดบูล F1 ได้ย้ายออกจากทีม ทำให้ ปีแอร์ แกสลี่ย์ นักขับทีมโทโร รอสโซ่ ในปี 2018 ได้เลื่อนขั้นขึ้นทีมพี่ทันที และในขณะเดียวกัน เบรนดอน ฮาร์ทลี่ย์ อีกหนึ่งนักขับโทโร รอสโซ่ ก็ถูกปลดออกจากทีมเนื่องจากการทำผลงานที่ไม่เข้าเป้า จนทางทีมตัองไปดึงอดีตนักขับชาวรัสเซียอย่าง แดเนียล คัฟแยต กลับมาร่วมงานอีกครั้ง และอเล็กซ์ซึ่งเคยอยู่ในทีมเร้ดบูล จูเนียร์ ช่วงปี 2012 ก่อนถูกปลดออกไปกลับมา เพราะในเวลานี้นักขับ เร้ดบูล จูเนียร์ ไม่มีใครพร้อมที่จะขึ้นมาขับ F1

แต่เส้นทางของอเล็กซ์ในปี 2019 นั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายแบบที่หลายคนคิด เพราะทีมโทโร รอสโซ่ เองก็เป็นทีมมีประวัติการเปลี่ยนนักขับกลางฤดูกาลมาหลายครั้ง อย่างเช่น แดเนียล คัฟแยต เพื่อนร่วมทีมของอเล็กซ์ก็เคยถูกปลดกลางฤดูกาลปี 2018 เนื่องจากไม่สามารถโชว์ฟอร์มในสนามได้ดี และในเวลา แดน ทิกทัม นักขับเร้ดบูลจูเนียร์วัย 19 ปีที่เพิ่งคว้าตำแหน่งรองแชมป์ F3 ในปี 2018 และกำลังพยายามขึ้นสู่สนาม F1 รวมไปถึงอดีตนักขับเร้ดบูล จูเนียร์ อีกหลายๆคนที่สามารถถูกดึงกลับมาเป็นนักขับโทโร รอสโซ่ ได้ ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นอีกแรงกดดันที่อเล็กซ์ต้องแบกรับในปีนี้

เรียกได้ว่าถึงแม้จะฝ่าฟันอุปสรรคมามาก จนได้เข้าสู่สนาม F1 แล้ว แต่ในปีนี้อเล็กซ์ เองยังต้องเจอความกดดันอีกมาก ดังนั้นแฟนๆ ชาวไทยอย่าลืมส่งกำลังใจให้เขากันด้วยในปีนี้

Story : Sidhipong W.

อัลบั้มภาพ 19 ภาพ

อัลบั้มภาพ 19 ภาพ ของ 3 อุปสรรคที่ "อเล็กซ์ อัลบอน" (อาจ) เจอเมื่อลงสนาม F1 ในปี 2019

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook