OutStanding อย่าลาออก : จิตกร ศรีคำเครือ

OutStanding อย่าลาออก : จิตกร ศรีคำเครือ

OutStanding อย่าลาออก : จิตกร ศรีคำเครือ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คงเป็นค่ำคืนแห่งความเจ็บปวดใจครั้งหนึ่งสำหรับวงการฟุตบอลไทย ...ขอโทษทุกคนถ้าผมเริ่มประโยคหดหู่เกินไปหน่อย

เอเชียน คัพ 2019 คือ "บททดสอบแท้จริง" ทุกคนรับทราบเช่นนั้น หลังตกรอบรองชนะเลิศ เอเอฟเอฟ คัพ ในฐานะกองเชียร์คนไทย เรารู้ครับว่ามันไม่ง่าย

อยู่ร่วมสายกับ ยูเออี, บาห์เรน, อินเดีย ประเมินแบบลวกๆ ไม่มีใครปฏิเสธสองทีมแรก คือตัวเต็งลำดับต้น ฉะนั้นโอกาสเราคือประมาณอันดับ 2 - 3 เพื่อเข้ารอบ (รายการนี้เอาอันดับ 3 ดีที่สุด 4 ทีม เข้ารอบน็อคเอาต์)  

โปรแกรมคลอดออกมา ยอมรับใจชื้นเล็กน้อย เจออินเดียในนัดแรก ถ้าเก็บชัยชนะได้ ทุกอย่างเปิดกว้างมากขึ้น

ใช่ครับ อินเดียมีอันดับฟีฟ่าเหนือกว่าเรา, ใช่ครับ อินเดียพัฒนาขึ้นมาก มีสองลีกใหญ่ในประเทศ (อินเดีย ลีก, อินเดียน ซูเปอร์ลีก) ทำให้ตัวเลือกมากมาย รวมถึงพัฒนาแบบทุกภาคส่วน ตั้งแต่โรงครัวยันลงสนามแข่ง

แต่ถามว่าเราเป็นรองอินเดียงั้นเหรอ?
จบเกมนัดแรกที่อาบูดาบี, อินเดีย ถล่ม ไทยแลนด์ 4-1 เป็นความพ่ายแพ้ครั้งแรกนับจากปี1986 ศึก เมอร์เดก้า คัพ ที่มาเลเซีย คราวนั้นแพ้ 1 - 3

ก่อนเดินทางไปโม่แข้ง ผมมีโอกาสพูดคุยกับ มิโลวาน ราเยวัช อยู่บ้าง แก คือ โค้ชมากประสบการณ์รับมือสื่อได้ดีเยี่ยม ตอบคำถามกว้างๆ, ตอบตามหลักสูตร ซึ่งมันออกมาดี เพียงแค่คำพูดกับผลงานจริงๆ มันคนละเรื่อง

เกมฟุตบอลไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้นครับ ทีมแพ้คือแพ้ในเรื่องหลักๆ แผนการเล่น, คุณภาพนักเตะ, และการบริหารงานของโค้ช

แบ่งย่อยลงลึกอีก ผมเชื่อว่าคุณภาพนักเตะเราไม่ได้แย่ขนาดนั้น โอเคครับ ระดับทวีปยังต้องก้าวไปเรื่อยๆ พยายามไปเรื่อยๆ ทว่าการเจอกับอินเดียแล้วบอกว่าเราเป็นรองเรื่องคุณภาพนักเตะ ผมขอค้าน

000_1c03by
คำว่า "คุณภาพ" คือภาพใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยศักยภาพส่วนตัว, การเรียนรู้แท็คติกจากโค้ช, ทัศนคติต่อการเล่น, สภาพจิตใจ รวมถึงสภาพร่างกาย

เจาะลึกเข้าไปอีก จากบรรทัดบน ผมคิดว่าเรื่องสภาพร่างกายเป็นข้อเดียวที่เราอาจเป็นรองอินเดีย ทัพช้างศึกโม่แข้งยาวนานตลอดทั้งปี ปิดฤดูกาลมีสองรายการใหญ่รออยู่ แล้วเราก็ล้มเหลวจาก ซูซูกิ คัพ ต่อด้วย เอเชียน คัพ ทันที

มันลากยาวจนล้าครับ...รู้ครับว่าเป็นเพียงข้ออ้าง เพราะคงมีอีกหลายประเทศเจอสถานการณ์เดียวกัน สิ่งควรพูดคือเมื่อรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่มีวิธีการรับมือดีกว่านี้ หรือคิดว่าที่ทำอยู่ ดีพอแล้ว?

000_1c03ns
เรื่องแท็คติก ไม่ต้องผ่าอะไรมาก ต่อให้คุณไม่ได้เป็นสื่อ คงได้รับสารบางอย่างมาเหมือนกันว่าแข้งเลือดไทยไม่ค่อยแฮปปี้กับวิธีการ ราเยวัช เท่าไหร่

เน้นความปลอดภัย, เน้นเกมรับ, ซ้อมน่าเบื่อ, รอจังหวะสวนกลับ จริงๆเรื่องแผนการ ผลลัพธ์จะบอกเองครับว่าคิดถูกหรือผิด? ต่อให้เล่นน่าเบื่อแค่ไหนหากมีแชมป์ติดมือ คงไม่มีเสียงวิพากย์ ยกเว้นจะตรงกันข้าม

พอมาเล่นเวทีใหญ่ ส่งนักเตะเกมรุกลงครึ่งทีม ทั้งๆแท็คติกตัวเอง คือ เล่นเกมรับแล้วรอโอกาสสวนกลับอย่างฉับพลัน อย่างที่เห็นครับ เกมรุกบอดสนิท สอบตกทุกคน

ครั้นหวังพึ่งพาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า คือเปลี่ยนตัวเพื่อเปลี่ยนเกม .... มันเจ็บปวดแค่ไหนที่เห็น ชนาธิป โดนถอดออก แล้วส่ง สิโรจน์ ลงมาเล่นกลางรับ

000_1c0470
แวบแรกผมรู้สึกไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ กับการปลดราเยวัชพ้นเก้าอี้กลางศึกใหญ่แบบนี้ กระนั้นพอพินิจอย่างแจ่มแจ้ง ข้อหาใหญ่อีกเรื่องคือ เขาไม่สามารถคุมห้องแต่งตัวของตัวเองได้อีกต่อไป

โค้ชฟุตบอล นอกจากเก่งเรื่องแผนในสนามแล้ว เรื่องนอกสนามคือจิตวิทยาชั้นสูง ต้องมีวิธีบริหารบุคคลด้วย ด้วยความเคารพ .... จุดนี้ราเยวัช “สอบตก”

แม้ไม่ใช่เรื่องถูกต้อง แต่เป็นเรื่องเหมาะสมที่สุด ณ วินาทีนี้

ส่วนกระแสขับไล่ พ.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ให้ลาออกจากนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เป็นอีกเรื่องที่ผมขอยกมือค้าน ลาออกตอนนี้ไม่มีอะไรดีขึ้นครับ แค่หาคนมาแทนยังลำบากเลย

000_1c04ep
สิ่งที่ "บิ๊กอ๊อด" ควรทำคือ เก็บข้อมูลความผิดพลาดเหล่านี้ กลับไปหารือกับทีมงานเพื่อแก้ไข โดยเฉพาะปี 2018 ผลงานทีมไทยทุกชุดตั้งแต่ ยู16 ถึง ทีมชุดใหญ่ เละเทะไม่เป็นท่า  

เรื่องบริหารจัดการ ไม่เถียงครับว่าดีขึ้น แต่เรื่องผลงานในสนามเป็นอีกประเด็น ที่นายกสมาคมฯ ต้องรับผิดชอบเช่นกัน เพียงแค่ไม่ใช่รับผิดชอบด้วยการลาออก

ทำเป็นผลประเมินไปเลยครับว่า ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมผลงานแย่กันทั้งระบบ จากนั้นเมื่อครบวาระ ก็ทิ้งพิมพ์เขียวนี้ไว้ให้นายกสมาคมฯคนต่อไป

เพื่อเอาไว้เรียนรู้ ทำแบบนี้มันผิดนะ...อย่าทำตามเด็ดขาด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook