เจนนี่ จาก แจ็คสันวิลล์ : ผู้หญิงปริศนาที่ทำให้ 2 ยอดมวยเฮฟวี่เวทซัดกันข้างถนน
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/sp/0/ud/167/839457/ww.jpgเจนนี่ จาก แจ็คสันวิลล์ : ผู้หญิงปริศนาที่ทำให้ 2 ยอดมวยเฮฟวี่เวทซัดกันข้างถนน

    เจนนี่ จาก แจ็คสันวิลล์ : ผู้หญิงปริศนาที่ทำให้ 2 ยอดมวยเฮฟวี่เวทซัดกันข้างถนน

    2018-12-21T09:24:00+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    ยุค '80 วงการหมัดมวยกำลังถึงยุคทอง โดยเฉพาะรุ่นเฮฟวี่เวทที่มีสุดยอดนักชกขับเคี่ยวชิงเป็นเบอร์ 1 ของโลกกันหลายคน มูฮัมหมัด อาลี กำลังจะถอนลงจากบัลลังค์ด้วยอายุที่มากขึ้นทุกวัน ขณะที่เหล่าตัวเบอร์ 2 ทั้งหลายพร้อมใจกันตื่นตัว สก็อตต์ แฟร้งค์,ไมเคิล สปิงค์ และ ไมค์ วีเวอร์ คือชื่อที่คุ้นหูในเรื่องของลีลาอันดุเดือดในสังเวียนผ้าใบ แต่ในส่วนเรื่องของการเป็นคู่กัดที่เล่นแรงถึงขีดสุดต้องยกให้คู่นี้เท่านั้น แลร์รี่ โฮล์มส์ กับ เทรเวอร์ เบอร์บิก ที่ความเกลียดชังกลั่นออกมาเป็นการฟาดปากกันในที่ที่มืออาชีพไม่ทำกัน

     

    การใส่กันนอกสนามอาจจะเป็นเรื่องปกติของเหล่านักชกหลายๆคู่ ทว่าบางครั้งมันเกิดจากการ "เตี๊ยม" เพื่อโปรโมตเรียกความสนใจจากแฟนๆ แต่สำหรับ โฮล์มส์ และ เบอร์บิก นี่คือกรณีที่แตกต่าง เกลียดจริง,โกรธจริง และแค้นจริง สิ่งที่ยืนยันได้คือแม้จะผ่านจากซัดกันบนสังเวียนไปถึง 10 ปี  ความเเค้นครั้งนี้ฝังสมองนานเท่าไหร่ก็ไม่ลืม

    สาเหตุต้นเรื่องมาจากไหน ทำไมล้างแค้น 10 ปีจึงไม่มีสาย ติดตามเรื่องราวทั้งหมดพร้อมๆกับ Main Stand ได้ที่นี่

    คู่กัดโดยธรรมชาติ

    "นักเชือดตำนาน" นี่คือสมญานามที่เหมาะสมกับ โฮล์มส์ และ เบอร์บิก อย่างแท้จริง บนโลกนี้มีชาย 2 คนเท่านั้นที่สามารถเอาชนะโคตรมวยอย่าง มูฮัมหมัด อาลี แบบไม่ครบยกได้ แน่ละ 2 คนที่ทำได้คือ โฮล์มส์ และ เบอร์บิก นั่นเอง

     1

    ในปี 1980 อาลี อย่างที่ทราบกันว่าป็นช่วงที่เขากำลังเข้าสู่ขาลง เพราะแพ้สังขาร ทำให้ในไฟต์ระหว่าง โฮล์มส์ และ อาลี จึงต่อยแบบไม่ครบ 15 ยก อาลี โดนรุ่นน้องหน้าใหม่ไล่ถลุงจนเจียนอยู่เจียนไปทั้ง 10 ยกจนกระทั่ง  อันเจโล ดันดี เทรนเนอร์คู่ใจของ อาลี ขอยอมแพ้ไม่ส่งนักชกของตัวเองชกต่อในยกที่ 11

    1 ปีหลังจากนั้น เบอร์บิก แสดงให้เห็นว่าเขาเองก็ไม่ต่างกัน 10 ยก ณ สังเวียน ควีน อลิซาเบธ สปอร์ตส์ เซ็นเตอร์ ณ ประเทศ บาฮามาส เบอร์บิก ไล่ออกอาวุธใส่ อาลี ในวัย 39 ปี จนสิ้นท่า การชกดำเนินไปถึงยกที่ 10 ท้ายที่สุด เจ้าของฉายา “โบยบินเหมือนผีเสื้อ ต่อยเจ็บเหมือนผึ้ง” ก็แพ้ไปแบบไม่ครบยก และไฟต์นี้คือไฟต์สุดท้ายของเขาในสังเวียนผ้าใบ

    แม้จะเป็นช่วงบั้นปลายอาชีพของอาลี อย่างไรก็ตามทั้ง โฮล์มส์ และ เบอร์บิก ต่างก็ได้รับการชื่นชมว่า “แจ๋วจริง” จากการน็อคชนะอาลีแบบไม่ครบ 15 ยก

     2

    อย่างไรก็ตามนั่นคือเรื่องเล็กๆที่ทำให้ทั้งสองคนไม่ค่อยจะสบอารมณ์ โดยธรรมชาติของเหล่าแชมเปี้ยน คนจำพวกนี้ไม่ชอบให้มีใครมายืนข้างๆและเอาไหล่เกยกัน เมื่อเป็นแชมป์นั่นหมายความว่าต้องมีหนึ่งเดียว กาได้รับการขนานนามว่าผู้คว่ำอาลีแบบไม่ครบยก ไม่อาจทำให้ทั้งสองพอใจได้ เพราะต่างคนต่างก็หยิ่งทรนงในศักดิ์ศรีถึงขีดสุด และนี่คือชนวนเล็กๆของการใช้ปาก มากกว่าหมัดของคู่กัดคู่นี้

    แค้นแรกในยุค ‘80

    อย่างที่ทุกคนรู้กันดี การจะจัดมวยไฟต์เงินล้านนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย มีทั้งปัจจุบันภายนอกและภายในมากมาย ต่อยเเล้วจะคุ้มไหม? ฝั่งไหนจะเสียเปรียบ? ค่าตัวที่ได้มากพอกับการเสี่ยงจะแพ้หรือไม่?  นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นในวงการมวย แม้ในยุค '80 การบริหารงานในด้านโปรโมเตอร์อาจจะไม่เท่ายุคปัจจุบันที่มี อัล เฮย์มอนด์ เบื้องหลังผู้ถือครองสิ่ทธิ์ในการชกของ ฟลอยด์ เมเวทเธอร์ จูเนียร์ ซึ่งคุณจะเห็นได้ว่า ฟลอยด์ แทบขึ้นชกโดยจำนวนปีละไฟต์เท่านั้น บางทีก็ไม่มีไฟต์ป้องกันแชมป์เลย

     3

    โฮล์มส์ คือเจ้าสังเวียน เขาเป็นมวยไฟต์เตอร์ตัวจริง หมัดขวาของเขาหนักหน่วงมาก เรียกได้ว่าในยุคนั้นหากใครขึ้นเวทีกับเขาก็การันตีได้เลยว่าอย่างน้อยๆต้องโดนกรรมการนับสักครั้งสองครั้ง

    เรื่องนี้ไม่ใช่การกล่าวอ้างลอยๆ ไฟต์สร้างชื่อที่ทำให้ โฮล์มส์ เป็นแชมป์โลกเฮฟวี่เวทของสถาบันสมาคมมวยโลก (WBA) ที่ลาสเวกัส เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1980 คือ ไฟต์ที่เขาแทบไม่ต้องออกแรงอะไรเลย ผู้ท้าชิงชาวอิตาเลียนอย่างลอเรนโซ่ ซาน่อน อุตส่าห์ซุ่มซ้อมมาเป็นปีๆ สุดท้ายเขาขึ้นเวทีและเผชิญหน้ากับ โฮล์มส์

    ตลอดการชกเป็นทางฝั่งแชมป์โลกที่ไล่ถลุงอยู่ฝ่ายเดียว โดยในยกที่ 3 โฮล์มส์ ไล่อัด ซาน่อน จนลงไปกองกับพื้นเวทีได้ถึง 2 ครั้ง แต่เจ้าตัวยังกัดฟันสู้ต่อจนรอดการถูกน็อคมาได้

    ขณะที่ ชานอน สะบักสะบอม โฮล์มส์ ยังควงกำปั้นอย่างสบายอารมณ์ เหมือนกับว่าเขาจะเอาเมื่อไหร่ก็ได้ และเมื่อถึงยก 6 โฮล์มส์ ตบเกียร์ 5 เดินยิงหมัดขวารัวเหมือนปืนกล ชานอน สิ้นสภาพด้วยหมัดชุดที่ปิดท้ายด้วยขวาตรงกระแทกใส่หน้า ... เขาหลับสนิทแบบนับถึง 1000 ก็ไม่ตื่น นั่นล่ะคือการป้องกันแชมป์โลกสมัยที่ 5 ของโฮล์มส์ เห็นได้ชัดว่ามันง่ายดายจนเหลือเชื่อ

    หลังจากนั้น เทรเวอร์ เบอร์บิก ก็ปรากฎตัวและกลายมาเป็นคู่แข่งของแบบเซอร์ไพรส์เล็กๆ

    เบอร์บิก เป็นนักมวยเชื้อสายเเคนาดา-จาเมก้า ที่คว้าแชมป์รุ่น เฮฟฟี่ เวท ใน แพน อเมริกันเกมส์ ในปี 1975 และอีก 4 ปีต่อมา จึงคว้าแชมป์โลกในระดับการชกอาชีพสำเร็จเป็นครั้งแรก

     4

    อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของ เบอร์บิก ถือว่าเป็นรอง เเลร์รี่ โฮล์มส์ อยู่หลายช่วงตัว ว่าง่ายๆคือ ณ ตอนนั้น เบอร์บิก ถูกจ้างมาชกเพื่อเป็นบันไดให้กับ โฮล์มส์ ที่ชนะรวดมา 36 ไฟต์ติดต่อกันมากกว่า  นั่นจึงทำให้เรตราคาเปิดมาชนิดที่ว่า เบอร์บิก คือมวยรองบ่อนสุดๆ อัตราต่อรองในเวลานั้นอยู่ที่ แทง 1 จ่าย 50 เลยทีเดียว

    ทันที่ขึ้นชก เบอร์บิก ทำให้แฟนเซอร์ไพรส์และสนุกเกินคาด เขาเริ่มเกมอย่างมีชีวิตชีวา เดินหน้ายั่วให้ โฮล์มส์ ออกหมัดและโชว์ฟุตเวิร์กเร็วๆแบบว่าดูก็รู้ว่าตั้งใจกวน

    "เข้ามาสิ แม่สาวน้อย" เขาตะโกนใส่หน้า โฮล์มส์ หลังจากหมดยกที่ 1...แค่นี้เเชมป์โลกก็ร้อนเป็นไฟ โฮล์มส์ หงุดหงิดกับการไม่ให้เกียรติกันจนเกินไป เขาดันตัว เบอร์บิก ออกไปก่อนที่เขาจะกลับไปที่มุมของตัวเอง ณ ตอนนี้อาการของ โฮล์มส์ ออกอย่างชัดเจน แต่สิ่งที่ชัดเจนกว่าคือ เบอร์บิก ยังไม่รู้สึกว่าสิ่งนี้น่ากลัวตรงไหน

    เปิดยกสอง โฮล์มส์ ทำให้แฟนๆของเขาเฮขึ้นมาบ้าง เขาแย็บด้วยขวาใส่หน้าของ เบอร์บิก ไปเต็มๆ แต่ที่น่าแปลกคือ เบอร์บิก เก็บอาการได้ดีราวกลับเเค่โดนเด็ก ป.6 สกิดแก้มซ้ายของเขาเท่านั้น  เบอร์บิก ไม่เลิกรา ทำให้แฟนๆหัวเราะใส่โฮล์มส์เป็นคำรบที่สอง ด้วยการล้อ โฮล์มส์ อีกครั้งหลังระฆังหมดยกดังขึ้น

    การชกวนไปเวียนมาแบบนี้ เบอร์บิก โดนชกมากกว่าเเต่ไม่สะทกสะท้าน อีกทั้งยังยั่วกลับไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งยกที่ 7 เหมือนว่าถึงเวลานาฬิกาปลุกดัง เบอร์บิก เดินหน้าซัด โฮล์มส์ บ้าง แต่ต่างกันที่แชมป์ของเราเข้าตาจน ถอยจนพิงเชือกให้ผู้ท้าชิงได้สอยกันสนุกมือ  โชคดีที่ระฆังหมดยกดังขึ้นก่อน โฮล์มส์ รอดตัวไป แต่เสียงเชียร์จากแฟนๆกลายเป็นย้ายไปอยู่ฝั่งเบอร์บิก ตอนนี้เขาเริ่มรู้เเล้วว่าศึกนี้ชักจะตึงมือขึ้นมาทุกขณะ จนกระทั่ง เบอร์บิก ต่อยขวาใส่โฮล์มส์ ซึ่งเหมือนเป็นการย้อนศร เพราะมันคือไม้ตายก้นหีบของโฮล์มส์ ด้วย เท่านั้นยังไม่พอ หลังจากปล่อยหมักขวาเข้าลำตัว เบอร์บิก ก็เดินทำท่าเอามือลูบท้องประมาณว่า "อู้ว เจ็บไหมนั่น?"   

     5

    ช่วงเวลาหลังจากนั้นคือการแลกหมัดกันเหมือนพายุ เสียงกองเชียร์ดังสั่นเฮลั่นไม่หยุด โฮล์มส์ ออกหมัดมากกว่า แต่ เบอร์บิก ก็ไม่ลดละความพยายามในการสวนกลับ  ที่สุดเเล้วหลังจบยกสุดท้าย โฮล์มส์ เป็นฝ่ายเอาชนะคะแนนไปได้ และยืดสถิตชนะรวด 37 ไฟต์ติดต่อกัน คนดูสนุกเกินคาดโดยเฉพาะลีลาของ เบอร์บิก ที่ชกอย่างสมศักดิ์ศรีจนทำให้ไฟต์นี้เป็นไฟต์ที่ โฮล์มส์ เข้าใกล้ความพ่ายแพ้ที่สุด

    "นี่เป็นบทพิสูจน์เลยว่าคุณไม่อาจจะต่อยแบบอ่อยๆใส่ใครได้ เบอร์บิก ทำให้ผมต้องงัดทุกอย่างที่มีออกมาใช้หมดเลย" โฮล์มส์ กล่าวหลังเอาชนะ

    ขณะที่ฝั่งผู้แพ้อย่าง เบอร์บิก สามารถแจ้งเกิดได้ในไฟต์นี้นอกจากจะต่อยได้ใจแล้วลีลากวนโอ๊ยยังทำให้แฟนๆชื่นชอบอีกด้วย

    "ก่อนชกมีแต่คนบอกว่าไฟต์นี้ต่อยกันไม่ถึง 3 ยกหรอก" เขายิ้มในการให้สัมภาษณ์บนเวที

    "แต่เป็นไงล่ะ ตอนนี้ผมคิดว่าโลกแห่งหมัดมวยต้องจำชื่อผมไว้ให้ ต้องจำว่า เทรเวอร์ เบอร์บิก คือนักชกที่ควรให้ความเคารพนับถือ"

    มวยคือเรื่องของการกระทบกระทั่งและการยั่วยุปั่นประสาท แต่แชมป์อย่าง โฮล์มส์ เริ่มรู้สึกว่าปฎิกิริยาของ เบอร์บิก มันกวนโอ๊ยจนเป็นการล้ำเส้น ...แต่ไม่เป็นไร ก็เขาชนะนี่นะ ชัยชนะหอมหวานพอที่จะทำให้เขาใส่ใจกับเรื่องนี้น้อยลงไปบ้างตามสถานการณ์

    ถ่านเก่าติดไฟ

    10 ปีผ่านไปทั้งสองคนเดินบนเส้นทางผืนผ้าใบของตัวเอง แลร์รี่ โฮล์มส์ เริ่มฟอร์มตกไปในช่วงปลายยุค '80 จากที่ไม่เคยแพ้ใคร เขาก็แพ้ถึง 3 ไฟต์รวดให้กับ ไมเคิล สปิงค์ส 2 ครั้งและ ไมค์ ไทสัน ขณะที่ เบอร์บิก เองก็ถือว่าไปไม่สุดและตกต่ำลงมากกว่าเพราะพบกับความพ่ายแพ้เพิ่มเติมอีกถึง 10 ครั้งหลังจากที่แพ้ โฮล์มส์ ในปี 1981

     6

    สถานการณ์ของ โฮล์มส์ ที่มีชื่อเสียงมากกว่า ได้รับการช่วยเหลือจากดอน คิง โปรโมเตอร์ดังที่พยายามจะจัดนักชกแบบเป็นบันไดมาให้เขาได้สอยเล่นเพื่อเรียกความมั่นใจ  จนกระทั่งได้เจอกับหมูสนามอย่าง ทิม แอนเดอร์สัน ซึ่งการชกมันง่ายกว่าที่คิดเพราะ แอนเดอร์สัน อ่อนชั้นจนเกินไป เสียท่า โฮล์มส์ ภายในเวลาแค่ 2 นาทีกับอีก 3 วินาที เท่านั้น เขาก็โดนน็อคจนสิ้นสภาพ  ช่างเป็นบันไดที่เดินสะดวกจริงๆต่างกับตอนที่ โฮล์มส์ ซัดกับบันไดที่ชื่อว่า เบอร์บิก ลิบลับ

    เช่นเดียวกับเรื่องราวนอกสังเวียน โฮล์มส์ เองก็ยังมีชีวิตดีกว่า เบอร์บิก เป็นไหนๆ แม้เรื่องของการชกจะย่ำแย่สูญเสียตำนานไร้เทียมทาน แต่เขาก็เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี  มีภรรยาชื่อ ไดแอน ที่คอยเป็นคู่คิด และมีลูกๆอีก 2 คนชื่อ แคนดี้ กับ แลร์รี่ จูเนียร์

    ต่างกับ เบอร์บิก มาก ณ จุดนี้ เขาแต่งงานกับและมีลูก 4 คน เพียงแต่ว่าชีวิตครอบครัวของเบอร์บิก ถือว่าประสบความล้มเหลวเข้าอย่างจัง เขามีปัญหาเรื่องพฤติกรรมที่รุนแรงโดนจับกุมหลายครั้ง โดยเฉพาะเรื่องการข่มขืน “สาวปริศนา” รวมถึงการต้องคดีลักพาตัวลูกตัวเองอีกด้วย   

    จากชีวิตที่มีคุณภาพน้อยกว่า โฮล์มส์ ดูเหมือนว่า เบอร์บิก จะไม่ชอบที่จะเห็นคนที่เคยชนะเขาแบบฉิวเฉียดเสวยสุขโดยลำพัง ทั้งๆที่ตัวเขาเองแทบไม่มีเกมชก อีกทั้งยังเริ่มไปจากหน้าประวัติศาสตร์วงการมวยไปเรื่อยๆ นับว่าเขาจะเหลือแต่ชื่อเท่านั้น  นี่คือสิ่งที่ทำให้เขาอยู่เฉยไม่ได้...

    หลังจากเดินลงเวทีพร้อมชัย โฮล์มส์ อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยได้เวลาที่จะให้สัมภาษณ์หลังเกมอย่างเป็นทางการ เขาใช้การพูดที่คุมโทนสงบเรียบเฉยและบอกเล่าถึงไฟต์ที่ยากเย็นนี้ไปตามแบบฉบับของผู้ชนะ การให้สัมภาษณ์ของเขาก็จบลงด้วยด้วยดี จนกระทั่งมีคนเห็น เบอร์บิก มายืนดูการให้สัมภาษณ์นั้น และยืนกอดอกอย่างสงบนิ่ง ราวกับว่าเขามีอะไรจะพูดบ้างเหมือนกัน  

    สื่อในห้องเริ่มสนใจอากัปกิริยาของ เบอร์บิก และเริ่มเอาไมค์ไปจ่อปาก โฮล์มส์ และถามว่าเป็นไปได้ไหมที่เขาจะได้ชกกับ เบอร์บิก ในอนาคตอันใกล้  โฮล์มส์ ไม่ได้ตอบแค่ มี หรือ ไม่มี แต่เขาตอบกลับว่า

    "ผมไม่ชอบท่าทางไอ้หมอนี่เท่าไหร่ แต่ผมลองสมมุติดูหากเราต่อยกัน 15 ครั้ง ผมคงชนะเขาทั้ง 15 ครั้ง อ่า....ไม่แน่นะเขาอาจจะชนะผมได้ซักครั้งอะไรแบบนี้" โฮล์มส์ หยอดได้อย่างเจ็บแสบ

    ปัญหาจริงๆอยู่ที่การให้สัมภาษณ์ของคนดูอย่าง เบอร์บิก ไม่จบ...  เขาซื้อตั๋วราคา 250 เหรียญ เพื่อมาเข้าชมเกมนี้ และอยู่ยาวจนกระทั่งงานเลิกราวกับเป็นแฟนพันธุ์แท้ที่ติดขอบสนามทุกวินาที

    เบอร์บิก มาในชุดสูทผูกไทด์ รอจังหวะที่ โฮล์มส์ ให้สัมภาษณ์แบบนั้นจบ เขาจึงเริ่มประเด็นที่เหมือนกับว่าเตรียมมาจากบ้าน

    เขาเริ่มพูดถึงเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับมวย กล่าวหาว่า โฮล์มส์ คือตัวการที่ทำให้ชีวิตครอบครัวของเขาพังโดยใช้เพื่อนผู้หญิงในนามแฝงว่า "เจนนี่ จาก แจ็คสันวิลล์"

    “เจนนี่ จาก แจ็คสันวิล” ชื่อนี้คือชื่อที่หลอนประสาท เบอร์บิก มานานเกือบทศวรรษ และทำให้เขาตกระกำลำบากเดินทางบนสายหมัดมวยแบบไปไม่สุด ทั้งๆที่เคยล้ม อาลี ได้ แต่ปัญหาชีวิตทำให้เขาก้าวไปไม่ถึงไหน  

    เขารอจังหวะที่ โฮล์มส์ ปลีกตัวไปสัมภาษณ์กับสื่อโทรทัศน์ จึงจัดเต็มแบบไม่มียั้งว่าแท้จริงแล้วโฮล์มส์ ไม่ใช่คนอบอุ่นอะไรอย่างที่คนทั่วไปเห็น โฮล์มส์ เลี้ยงเด็ก, มีเมียเก็บ และ ยังใช้การวางแผนส่ง "เจนนี่ จาก แจ็คสันวิลล์" มาเพื่อล้างแค้นความกวนโอ๊ยของเขาในปี 1981 ที่ทำให้ โฮล์มส์ ต้องโดนแฟนๆหัวเราะเยาะ

    "เขาใช้เมียเก็บของเขานี่แหละเข้ามาทำชีวิตคู่ของผมพัง เจนนี่จากแจ็คสันวิลล์ เป็นโสภีณีริมทาง และเป็นเมียเก็บของเขาด้วย ผมมีหลักฐานและวีดีโอด้วย ปัญหาทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเขานั่นแหละ ลูกๆของผมต้องเจ็บปวดกับเรื่องนี้มาก" เบอร์บิก เล่าถึงการซุกเมียเก็บของ โฮล์มส์ อีกทั้งยังบอกว่า โฮล์มส์ คือตัวการวางแผนส่งเมียเก็บของเขามาปั่นป่วนครอบครัวของเขา

    เบอร์บิก ใส่ไฟไปเน้นๆ หลักฐานเดียวที่มีในเวลานั้นคือคำพูดของเขา หลากหลายถ้อยคำเหมือนกับตอนที่เขายั่ว โฮล์มส์ บนเวทีไม่มีผิด จนมีคำพูดที่ว่าจะให้เขาต่อยกับโฮล์มส์ ตอนนี้ ตรงนี้เลยก็ยังได้

    ไม่มีใครรู้ว่าทำไม เบอร์บิก จึงต้องมาต่อความยาวสาวความยืดถึงเรื่องที่จบไปแล้วเป็น 10 ปี บางทีอาจจะเป็นเพราะความพ่ายแพ้ในไฟต์แรกและไฟต์เดียวที่เจอกัน หากเขาชนะในวันนั้นเขาจะเป็นทั้งผู้ที่น็อค อาลี และเอาชนะผู้ชนะของ อาลี อีกที ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น เส้นทางชีวิตของเขาคงจะไม่ตกต่ำถึงขั้นว่างมานั่งเกาะติดการให้สัมภาษณ์หลังเกม และตามด่าทุกจังหวะที่เปิดช่องแบบนี้

    หากมีแต่สื่อได้ยินบทสัมภาษณ์นี้ก็คงเอาคำกล่าวของ เบอร์บิก ไปพาดหัวข่าวกันอย่างสนุก แต่มันไม่ใช่แค่นั้น เพราะคนที่ได้ยินการด่าทอถึง โฮล์มส์ ครั้งนี้ คือ ไดแอน ภรรยาของโฮล์มส์ เอง  ดังนั้นจึงเป็นการง่ายที่ ไดแอน จะเดินไปบอกกับสามีของเธอและบอกว่า “เขาบอกว่าคุณมีเมียเก็บ”

    หนนี้ โฮล์มส์ ทนไม่ไหว 10 ปีที่เเล้วโกรธอย่างไร วันนี้เขาโกรธขึ้นเเบบคูณ 10 ไปเลย เพราะมันคือการโจมตีกันในเรื่องนอกสังเวียน แถมพาดพิงไปถึงครอบครัวของเขา

    โฮล์มส์ วิ่งขึ้นบนหลังคารถ ลีมูซีน ก่อนจะเหินฟ้ากระโดดใส่ เบอร์บิก และรัวไม่มียั้ง ชนิดนับไม่ถ้วยทั้งมือและเท้ามากันแบบชุดใหญ่ใส่สูด ช่วงเวลาอึดใจเดียวเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็เข้ามาแยกสองฝ่ายออกจากกัน

    "เห็นมั้ยล่ะ เห็นมั้ย เขาต่อยผมเนี่ย ทุกคนเห็นเเล้วใช่ไหม" เบอร์บิก ไม่จบง่ายๆ จน โฮล์มส์ ที่ทำท่าจะขึ้นรถปลีกตัวออกจากงาน แล้วต้องวิ่งเข้าใส่ เบอร์บิก อีกครั้งให้สงบปากสงบคำ

    "แลร์รี่ โฮล์ม มาอย่างไวเลยครับ เขาต่อย และเตะปาก จนเบอร์บิกวิ่งไปบนถนน จากนั้น โฮล์มส์ ก็ต่อยกับเตะเขาอีกไม่หยุดเลย" วิคเตอร์ สเตฟานสัน พนักงานรับรถของโรงเเรมผู้เห็นเหตุการณ์เล่าให้สำนักพืมพ์นิวยอร์คไทม์ฟัง

    หลายคนคิดว่า ณ เวลานั้นมันคือการโปรโมตไฟต์ระหว่างทั้ง 2 คน อย่างไรก็ตามมั่นเป็นการบันดาลโทสะล้วนๆ เรื่องราวของความแค้นที่สุมอกมา 10 ปีกับการถูกเขียนไฟให้ปะทุคือสิ่งที่ทำให้ โฮล์มส์ ต้องยอมลดเกียรติของนักมวย ด้วยการเอามาใช้วิวาทข้างถนน  สิ่งที่ยืนยันได้คือทั้งสองคนไม่เคยได้ขึ้นชกกันเป็นครั้งที่ 2 อีกเลย

    ส่วนเรื่องของ “เจนนี่ แห่ง เเจ็คสันวิลล์” ที่กลายเป็นประเด็นใหญ่ในวันนั้น สื่อพยายามขุดคุ้ยอย่างไรก็ไม่พบตัวตนของเธอ ที่เบอร์บิกเคยบอกว่ามีเทป และหลักฐานยืนยันการสมรู้ร่วมคิดระหว่างสาวปริศนากับโฮล์มส์ ที่หมายทำลายครอบครัวและชีวิตของเขา แต่ว่าที่สุดเเล้วไม่มีใครเคยเห็นเทปที่เขาว่าเลย

    “เจนนี่ แห่ง เเจ็คสันวิลล์” ยังคงเป็นปริศนาที่ยังไม่ถูกไขจนถึงทุกวันนี้ เธอคือใคร และเรื่องราวการพังครอบครัวของ เบอร์บิก เป็นจริงหรือไม่.... ไม่มีใครรู้ นอกจากคู่ชกข้างถนนคู่นี้เท่านั้น

    อัลบั้มภาพ 6 ภาพ

    อัลบั้มภาพ 6 ภาพ ของ เจนนี่ จาก แจ็คสันวิลล์ : ผู้หญิงปริศนาที่ทำให้ 2 ยอดมวยเฮฟวี่เวทซัดกันข้างถนน