24 ปีแห่งการรอคอย: ลูกฟุตบอลสีขาวที่เกือบจะไม่ได้ใช้ในโลกฟุตบอล
ลูกฟุตบอลสีขาวถูกใช้อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในปี 1951 แต่อันที่จริงมันเคยถูกใช้มาก่อนหน้านั้น
หากเอ่ยถึงลูกฟุตบอลสีขาว ประวัติศาสตร์มักจะจารึกไว้ว่า มันได้รับการอนุญาตใช้อย่างเป็นทางการในปี 1951 ในลีกฟุตบอลของอังกฤษ และถูกใช้ในการแข่งขันระดับโลกในฟุตบอลโลก 1958 ที่สวีเดน แต่ทว่าในความเป็นจริง มันได้ถูกทดลองใช้มาก่อนหน้านั้น 24 ปี
ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1920s ที่ทั่วโลกกำลังใช้ลูกบอลหนังสีน้ำตาลในเกมการแข่งขัน เช่นเดียวกับที่ประเทศอังกฤษ จดหมายถึงหนังสือพิมพ์จากผู้อ่านคนหนึ่งได้กลายเป็นจุดเริ่มที่ทำให้ประวัติศาสตร์ของฟุตบอลเปลี่ยนไป
เดือนกรกฎาคม 1927 ก่อนลีกอังกฤษเปิดฤดูกาล อีแอล โรเบิร์ต ได้เขียนจดหมายถึงหนังสือพิมพ์ แอธเลติก นิวส์ โดยแนะนำให้เปลี่ยนสีของลูกฟุตบอลจากสีน้ำตาลมาเป็นสีขาว เพื่อทำให้ผู้ชมมองได้เห็นง่ายขึ้น และทำให้เกมสนุกยิ่งขึ้น
“ความน่าสนใจคือการได้เห็นลูกบอลสีขาวเคลื่อนที่แบบสูงต่ำ มันจะทำให้คนสนใจมากขึ้น และตื่นเต้นขึ้นขณะที่บอลกำลังเคลื่อนที่ไปยังประตู” ข้อความจากในจดหมาย ”
อิวาน ชาร์ป อดีตนักเตะทีมชาติสหราชอาณาจักรชุดคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 1912 ที่เป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์แอธเลติก นิวส์ ในตอนนั้นเห็นด้วยกับความคิดขอ โรเบิร์ต จึงลงจดหมายฉบับเต็มในหนังสือพิมพ์ พร้อมเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ลูกบอลหนังสีขาวมีประโยชน์ต่อคนดูและผู้เล่น ในวันที่แดดจัดผู้เล่นจะมองเห็นบอลที่ใช้อยู่ในปัจจุบันยากขึ้นไปอีก และในวันที่แดดจ้าของช่วงหน้าหนาวอังกฤษอาจจะมองไม่เห็นบอลเลย ในสภาพอากาศที่ขมุกขมัว ลูกฟุตบอลสีขาวจะเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ตอบโจทย์สำหรับคนดู ไอเดียอาจจะดูล่องลอยไปสักนิด แต่มันความคิดที่เป็นประโยชน์เลยทีเดียว”
หลังบทความเผยแพร่ออกไปผู้จัดการทีมหลายคนก็ยินดีที่จะทดลองใช้ลูกฟุตบอลสีขาวในช่วงปรีซีซั่นทันทีในปี 1927 รวมไปถึง เฮอร์เบิร์ต แชปแมน กุนซือระดับตำนานของอาร์เซนอล ที่ออกตัวสนับสนุนแนวคิดนี้อย่างเต็มที่
“เราได้เห็นถึงความเป็นไปได้ในคำแนะนำในแอธเลติก นิวส์ และเราก็ตั้งใจที่จะศึกษามันอย่างเต็มที่เท่าที่จะทำได้” เขากล่าว
“แน่นอนมันเป็นข้อเสนอที่แปลกใหม่” เฟรเดอริค วอลล์ เลขาธิการของสมาคมฟุตบอลอังกฤษกล่าว “มันไม่มีกฎข้อไหนที่ห้ามใช้ลูกฟุตบอลสีขาว และในเกมซ้อม ส่วนตัวแล้วผมไม่คัดค้าน”
แต่หลังจากทดลองใช้ในเกมก่อนเปิดฤดูกาลไปราวหนึ่งสัปดาห์ ก็มีเสียงบ่นระงมตามมาทั้งจากผู้เล่นและผู้จัดการทีม โรเบิร์ต เอ็กโก กัปตันของเรดดิง หนึ่งในทีมที่ได้รับการทดสอบไม่รู้สึกว่านวัตกรรมใหม่จะแตกต่างไปจากเดิมไปสักเท่าไร ในขณะที่แอนดรู ไวลีย์ผู้จัดการทีมรู้สึกว่ามันเป็นแค่แฟชั่น
ส่วนอาร์เซนอล ยินดีอย่างมากในการทดสอบใช้ลูกฟุตบอลสีขาว พวกเขาได้จัดเกมอุ่นเครื่องระหว่างทีมตัวจริงกับทีมสำรอง โดยครึ่งแรกจะใช้ลูกฟุตบอลสีขาวแบบมันวาว ส่วนครึ่งหลังใช้แบบขาวด้าน แต่ผลก็ต่างไปจากที่คิดไว้มากจนถอยแทบไม่ทัน
บิลลี บาร์ธ กัปตันอาร์เซนอลกล่าวว่า “ผู้เล่นทุกคนเห็นด้วยว่ามันควบคุมยาก มันหลุดออกจากเท้าไม่ว่าจะมุมไหน การมองเห็นก็เป็นเรื่องน่าเป็นห่วง เราสามารถมองเห็นบอลชัดตอนอยู่บนพื้น และเริ่มมองไม่เห็นตอนที่มันลอยสูงขึ้น”
“เราได้ทดลองในฐานะผู้ทดลองไปแล้ว และเราก็ไม่ใช้มันต่อ ผมคงไม่ถึงกับพูดว่ามันน่าผิดหวัง แต่มันไม่ดีพอที่จะเปลี่ยนไปจากเดิม” แชปแมน ผู้จัดการทีมอาร์เซนอลกล่าวทิ้งท้าย
สุดท้ายลูกฟุตบอลสีขาวก็ไม่ได้ถูกนำมาใช้ในเกมทางการ
เวลาล่วงเลยผ่านไป ความคิดในเรื่องนี้ก็เริ่มจากหายไป กอปรกับหลังจากนั้นสงครามโลกครั้งทึ่ 2 อุบัติขึ้น ที่ทำให้ฟุตบอลต้องเว้นวรรคไปหลายปี ลูกฟุตบอลสีขาวก็จางหายไปตามกาลเวลา
ทว่าหลังเกมกระชับมิตรระหว่างทีมชาติอังกฤษและอิตาลีที่มีการถ่ายทอดสดจากไวท์ ฮาร์ท เลน ในปี 1949 ความคิดเรื่องการเปลี่ยนสีลูกฟุตบอลก็กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง
เซอร์ แสตนลีย์ รูส ประธานฟีฟ่าชาวอังกฤษในตอนนั้นให้ความเห็นว่าลูกฟุตบอลแบบเดิมมองยากมากในเวลากลางคืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสนามที่มีอัฒจันทร์สูง
“ด้วยพื้นหลังที่เป็นอัฒจันทร์สูงในไวท์ ฮาร์ท เลน ในเวลากลางคืน ลูกฟุตบอลแบบเดิม จะมองไม่ค่อยเห็นตอนอยู่ในอากาศ”
แม้ว่า เอฟ โฮเวิร์ธ เลขาธิการของสมาคมฟุตบอลอังกฤษจะเห็นต่างว่าไม่รู้สึกว่าลูกฟุตบอลแบบใหม่จะมีประโยชน์มากกว่าแบบเดิมอย่างไร แต่หลังจากนั้นไม่นาน ฟุตบอลที่มีสีต่างไปจากเดิม ได้ถูกนำมาใช้ในเกมการแข่งขันของทีมชาติอังกฤษ
ปี 1950 ทีมชาติอังกฤษชุดบี มีคิวลงสนามพบกับ สวิสเซอร์แลนด์ ชุดบี ที่สนามฮิลส์โบโร เกมวันนั้น พวกเขาใช้ลูกฟุตบอลสีเหลืองลงแข่งในครึ่งแรก และเปลี่ยนมาเป็นสีส้มในครึ่งหลัง
จากวันนั้น ความคิดเรื่องการเปลี่ยนสีลูกฟุตบอลได้ถูกนำมาพิจารณาอีกครั้ง ก่อนที่ในปี 1951 ลีกอังกฤษอนุญาตให้ใช้ลูกฟุตบอลสีขาวอย่างเป็นทางการ
ลูกฟุตบอลสีขาวไม่ใช่แค่สีที่เปลี่ยนไปเท่านั้น มันยังนำมาด้วยเทคโนโลยีใหม่ในการสร้างลูกฟุตบอล ด้วยการทำเป็นสองชั้น โดยชั้นแรกเป็นกระบวนการทำให้ฟุตบอลเป็นสีขาว ส่วนชั้นที่สองเคลือบด้วยเซลลูโลสที่ช่วยปกป้องลูกฟุตบอลไม่ให้ชั้นแรกเสียหาย
ทั้งนี้ มันยังทำให้ลูกฟุตบอลสีขาวกันน้ำอย่างไม่ได้ตั้งใจ กล่าวคือลูกฟุตบอลแบบเดิมหากโดนน้ำ จะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นถึง 20 เปอร์เซ็นต์ กลับกันลูกฟุตบอลแบบใหม่จะไม่ได้รับผลกระทบในวันที่ฝนตก
อย่างไรก็ดี แม้จะอนุญาตให้ใช้แต่หลายทีมก็ยังลังเล ทำให้ปีแรกของการแข่งขันในอังกฤษ ทุกทีมจะยังคงใช้ลูกฟุตบอลสีน้ำตาลแบบเดิมตอนเขี่ยลูกเริ่มเกม และจะเปลี่ยนมาใช้สีขาวตอนฟ้ามืดเท่านั้น
ทว่าประสิทธิภาพของมันก็เริ่มเป็นที่รับรู้แก่คนทั่วไป ในเกมกระชับมิตรสมัครเล่นระหว่างเวลส์กับอังกฤษในปี 1951 ขณะที่ทั้งคู่กำลังเสมอกันอยู่ 1-1 ในสนามที่เต็มไปด้วยโคลน ในช่วง 15 นาทีสุดท้าย อังกฤษลองเปลี่ยนมาใช้บอลสีขาว ก่อนที่ท้ายที่สุดอังกฤษจะเอาชนะไปได้ 4-1 ทำให้ลูกฟุตบอลแบบใหม่ถูกจับตามองมากขึ้น
Sunderland Echo สื่อของอังกฤษให้ความเห็นว่าลูกฟุตบอลสีขาวมีประโยชน์แก่ผู้เล่นตัวเล็ก และทำให้ทีมที่เน้นการจ่ายบอลสั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“ผู้เล่นตัวใหญ่จะได้ประโยชน์จากโคลนอย่างชัดเจน ทำให้พวกเขาเริ่มและปิดฤดูกาล ด้วยความฟิตที่มากกว่าคนตัวเล็ก”
“พวกเขายืนยันว่าลูกบอลแบบเบา ถูกนำมาจัดการกับโคลน ซึ่งมันได้ลงโทษพวกเขา”
ลูกฟุตบอลแบบใหม่ถูกทำให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อเกมกระชับมิตรระหว่าง วูล์ฟแฮมตัน วันเดอเรอร์ส ยอดทีมของอังกฤษในสมัยนั้น และ ฮอนเวด บูดาเปสต์ ทีมดังแห่งฮังการีที่นำโดย เฟรเรนซ์ ปุสกัส แข้งระดับตำนานตัดสินใจเลือกใช้บอลสีขาวในเกมการแข่งขัน
เกมนัดนั้นได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากแฟนบอล มีผู้ชมซื้อตั๋วเข้ามาในสนามโมลินิวซ์ราว 55,000 คน และมีคนดูผ่านการถ่ายทอดสดทางช่องบีบีซีถึง 12 ล้านคน มากกว่าเกมนัดชิงชนะเลิศเอฟเอคัพ หรือเกมระดับทีมชาติ ท้ายที่สุด วูล์ฟเป็นฝ่ายพลิกแซงเอาชนะไปได้ 3-2 พร้อมกับการทำให้ลูกบอลสีขาวเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น
จากนั้นอีกไม่กี่ปีต่อมา ลูกฟุตบอลสีขาวก็ได้อวดโฉมสู่สายตาชาวโลก เมื่อมันได้ถูกนำมาใช้อย่างเป็นทางการในศึกฟุตบอลโลก 1958 ที่สวีเดน และถูกใช้ในนัดชิงชนะเลิศระหว่างเจ้าภาพ สวีเดน และบราซิลอีกด้วย
นับตั้งแต่วันนั้น ก็ไม่มีใครกังขาในลูกฟุตบอลสีขาว มันได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย กลายเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ทุกคนต้องการ
จากวันแรกที่ทุกคนต่างพากันยี้ ลูกฟุตบอลสีขาวใช้เวลาเกือบ 30 ปี กว่าจะได้รับการยอมรับ และกลายเป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นในการผลิตลูกฟุตบอลสมัยใหม่ในเวลาต่อมา
เหมือนกับคำกล่าวที่ว่า “หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์บอลขาว (คน)”