เก็บตกหลังเกม! 5 เรื่องต้องรู้ หลังเนเธอร์แลนด์ ยิงทดเจ็บ เข้ารอบรองฯ เนชั่นลีก
เนเธอร์แลนด์ ทำสำเร็จเมื่อพวกเขาบุกมาคว้า 1 แต้มจาก เยอรมนี ส่งผลให้พวกเขาแซงหน้า ฝรั่งเศส เข้ารอบต่อไปเพื่อชิงเงินรางวัล ด้าน เยอรมนี ต้องหวังให้ โปแลนด์ แพ้ โปรตุเกส เท่านั้น หากยังหวังอยู่โถ 1 ในรอบคัดเลือก ยูโร 2020
ไปดูกันว่ามีประเด็นอะไรที่น่าสนใจเกิดขึ้นบ้างในเกมนัดดังกล่าว
1. เยอรมนี กำลังหาจุดลงตัวใหม่ แม้ผลงานท้ายเกมจะไม่เป็นใจ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเกมรุกของ เยอรมนี นั้นทำได้ดีสุด ๆ พวกเขาต่อบอลจังหวะเดียวกันแม่น มีแนวรุกที่ลอบเข้าเขตโทษคู่แข่งได้ แถมแดนหลังยังช่วยจ่ายบอลขึ้นหน้าได้อีก
จุดเปลี่ยนที่ทำให้พวกเขาดูน่ากลัวขึ้นจากฟุตบอลโลกก็คือ เลรอย ซาเน กับ แซร์จ นาบรี ซึ่งเป็นแข้งที่ไม่ติดทีมไปรัสเซียนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่แสดงให้เห็นว่าความเร็วและเทคนิคเฉพาะตัวคือสิ่งที่พวกเขาขาดหายไป
นาบรี้ อาจไม่ได้ทำประตูเองในเกมนี้ แต่เขาก็ช่วยให้เกมรุกของเจ้าบ้านไหลลื่น และยังสามารถสร้างโอกาสในกรอบเขตโทษได้ด้วยอีก 2 ครั้ง ส่วน ซาเน นั่นทำได้ดีในการวิ่งฉีกตัวประกบเพื่อหาที่ว่าง และสามารถทำประตูได้อีกครั้งเป็นนัดที่ 2 ติดต่ิแกัน
เกมรุกของ เยอรมนี ยังดูจืดลงทันทีอีกด้วยที่ ซาเน, แวร์เนอร์ และนาบรี้ ออกจากสนาม
2. แมตช์ที่ไม่น่าจดจำ ไม่ใช่นัดสำคัญที่น่าจดจำเท่าไหร่ของ โธมัส มืลเลอร์ หลังลงรับใช้เกมที่ 100 ของเขากับ เยอรมนี แต่กลับไม่สามารถช่วยให้ทีมเก็บ 3 คะแนน ยิงประตู หรือแอสซิสต์เพื่อนได้เลย และเขาเองก็แทบไม่มีโอกาสได้ทำอะไรมากด้วยซ้ำ
ด้าน ยาไวโร ดิลโรซุน ด่วรุ่งวัย 20 ปีจาก แฮร์ธา เบอร์ลิน ก็เพิ่งจะได้รับโอกาสประเดิมสนามในเกมระดับชาติเป็นครั้งแรก แต่ก็ต้องโชคร้ายได้รับบาดเจ็บ
3. เยอรมนี ชะล่าใจจนเสียของ
เยอรมนี ทำได้ดีกว่าอย่างชัดเจนในครึ่งหลัง แม้ว่าจะยิงประตูเพิ่มไม่ได้และครองบอลได้น้อยกว่าก็ตาม เกมนี้ทุกอย่างดูเป็นใจให้พวกเขาคว้า 3 แต้มแรกสุด ๆ แต่สุดท้ายความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็นำไปสู่การโดนตีเสมอในช่วงเวลา 5 นาทีเท่านั้น
ในนาทีที่ 85 เนเธอร์แลนด์ ซึ่งดูเหมือนว่ากำลังจะบุเฮือกสุดท้ายอาศัยความขยันของ มาร์เทน เดอ โรน เข้าไปเบียดแย่งบอลมาจาก เลออน โกเร็ตส์ก้า ซึ่งแทนที่ปีกของ เยอรมนี จะเข้าไปแยงเอาบอลคืน เขากลับเดินเอื่อย ๆ ดูเนเธอร์แลนด์ต่อบอลอย่างรวดเร็วเข้าเขตโทษ พอบอลไปถึง โพรเมส 2 แข้งเจ้าบ้านที่อยู่ตรงนั้นอย่าง ฮุมเมลส์ และ โครส ก็ชะล่าใจเกินไป เข้าไปสกัดช้าจนโดน โพรเมส ลงโทษในที่สุด
ส่วนจังหวะโดนตีเสมอนั้น แม้ว่า ธีโล เคห์เรอร์ จะไม่ได้ผิดเพียงคนเดียว แต่วิงแบ็คขวาของ เยอรมนี ไม่สามารถรับมือกับ ฟาน ไดค์ ได้ โดยที่ เคห์เรอร์ ยืนอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบกว่าแท้ ๆ ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็จะกลายเป็นบทเรียนให้กับกองหลังวัย 22 ปีต่อไป
4. สถานการณ์ของลีกเอ - ใครเข้ารอบ, ใครตกรอบ, ใครไปโถ 1เนเธอร์แลนด์ กลายเป็นทีมสุดท้ายที่เข้ารอบน็อกเอาต์ไปได้ด้วยการเสมอกับ เยอรมนี 2-2 เก็บเพิ่มเป็น 7 คะแนนเท่า ฝรั่งเศส แต่เฮดทูเฮดดีกว่า (ชนะ 3-2) ตามหลังทีมจากกลุ่มอื่น ๆ ได้แก่ โปรตุเกส อังกฤษ และ สวิตเซอร์แลนด์
ด้าน เยอรมนี เป็น 1 ใน 4 ทีมที่ต้องตกชั้นจากลีกเอไปลีกบีในการแข่งขัน ยูฟา เนชันส์ลีก ครั้งหน้า ซึ่งอีก 3 ทีมประกอบไปด้วย โครเอเชีย, ไอซ์แลนด์ และ โปแลนด์
นอกจากทีมที่เข้ารอบและตกชั้นแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ใช้อันดับของลีกเอในการตัดสินก็คือการจัดอันดับมือวางต่าง ๆ ในแต่ละโถเพื่อทำการจับฉลากแบ่งกลุ่มรอบคัดเลือก ยูโร 2020 โดยที่ในโถ 1 จะมีทั้งหมด 10 ทีมด้วยกัน เพื่อที่จะแบ่งเป็น 10 กลุ่ม โดย 2 ทีมบ๊วยจากลีกเอ ยูฟา เนชันส์ลีก ที่มีผลงานแย่ที่สุดจะต้องลงไปอยู่ในโถ 2 ซึ่งในปัจจุบันมี 1 ทีมแล้วคือ ไอซ์แลนด์
ส่วนผลจากการเสมอของ เยอรมนี ก็ทำให้ โครเอเชีย การันตีพื้นที่โถ 1 ไปแล้วเป็นทีมที่ 9 ต่อจาก อังกฤษ, โปรตุเกส, เนเธอร์แลนด์, สวิสตเซอร์แลนด์, เบลเยียม, ฝรั่งเศส, สเปน และ อิตาลี ส่วนอีกที่นึงจะต้องลุ้นระหว่าง เยอรมนี กับ โปแลนด์ ซึ่งตอนนี้ เยอรมนี มี 2 แต้ม ผลต่างประตู -4 ส่วน โปแลนด์ มี 1 แต้ม ผลต่างประตู -2 นั่นหมายความว่า โปแลนด์ ขอแค่เสมอกับ โปรตุเกส ก็จะยึดพื้นที่โถ 1 ทันที
5. ผลคู่อื่นที่น่าสนใจ ผลการแข่งขันคู่อื่นที่น่าสนใจมีดังนี้
ยูฟา เนชันส์ลีก
ลีกเอ กลุ่ม 1
เยอรมนี 2-2 เนเธอร์แลนด์ (แวร์เนอร์ 9', ซาเน 18', โพรเมส 85', ฟาน ไดค์ 90')
ลีกบี กลุ่ม 1
เช็ค 1-0 สโลวาเกีย (ชิค 32')
ลีกบี กลุ่ม 4
เดนมาร์ค 0-0 ไอร์แลนด์
ลีกซี กลุ่ม 3
บัลแกเรีย 1-1 สโลวีเนีย (อิวานอฟ 68', ไซซ์ 75')
ไซปรัส 0-2 นอร์เวย์ (กามารา 36', 48')
ลีกดี กลุ่ม 1
อันดอร์รา 0-0 ลัตเวีย
จอร์เจีย 2-1 คาซัคสถาน (เมเรบัชวิลี 59', ชาเควทัดเซ 84', โอมีร์ตาเยฟ 90')
ลีกดี กลุ่ม 4
มาเซโดเนีย 4-0 ยิบรอลตาร์ (บาร์ดี 27', เนสโตรอฟสกี้ 67', 80', ไตรคอฟสกี้ 90')
ลิกเตนสไตน์ 2-2 อาร์เมเนีย (อดาเมียน 9', บือเชล 44', ฮัสเลอร์ 47', คาราเปเตียน 85')