เล่าเรื่องผ่านแฟนพันธุ์แท้ NBA : เปิดที่มา "ฉายา" นักยัดห่วงแดนมะกัน

เล่าเรื่องผ่านแฟนพันธุ์แท้ NBA : เปิดที่มา "ฉายา" นักยัดห่วงแดนมะกัน

เล่าเรื่องผ่านแฟนพันธุ์แท้ NBA : เปิดที่มา "ฉายา" นักยัดห่วงแดนมะกัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“ชื่อ-นามสกุลซ้ำ” ถือว่าเป็นหนึ่งในปัญหาสามัญที่ประชากรในประเทศต่างๆ ประสบพบเจอ เพราะขนาดประเทศไทยที่มีประชากรเพียง 70 ล้านคน ยังพบคนชื่อเหมือน นามสกุลเหมือน หรือเหมือนทั้งสองอย่างทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นญาติกันมากมาย ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่า สหรัฐอเมริกาซึ่งมีประชากรมากถึง 325 ล้านคนก็เจอกับปัญหานี้ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันเลย

แน่นอนว่าเรื่องดังกล่าวได้ส่งผลกระทบถึงวงการกีฬา อย่างบาสเกตบอล NBA เช่นกัน ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะนักกีฬาในลีกนั้นมีมากมาย เอาแค่ที่มีชื่อในทีมชุดใหญ่ในแต่ละฤดูกาลก็ปาเข้าไปกว่า 400 คนแล้ว ไม่นับพวกที่เล่นในลีกรองอย่าง จีลีก หรืออดีตผู้เล่นอีก วิธีการแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุดคือการเรียกชื่อย่อ อย่าง ไมเคิ่ล จอร์แดน สุดยอดตลอดกาลที่เราคุ้นเคย เรียกให้ง่ายๆ ก็คือการเอา M ชื่อตัวหน้า และ J ชื่อสกุลมารวมกันเป็น ‘เอ็มเจ’ หรืออย่าง เทรซี่ แมคเกรดี้ ก็คล้ายๆ กันโดยเอาชื่อตัวหน้า กับนามสกุลมาผสมกัน กลายเป็น ‘ทีแม็ค’

 

“มันทำให้พวกเราไม่ต้องอ่านชื่อยาวๆ เวลาบรรยายจนพากย์ไม่ทันเกม” ชิค เฮิร์น ตำนานผู้บรรยายเกมส์ของ NBA กล่าวไว้ถึงสาเหตุที่เรียกฉายาแทนชื่อจริง ซึ่งยอดนักพากย์ผู้ล่วงลับรายนี้ก็เป็นคนที่เรียกและตั้งชื่อเล่นให้กับนักบาส NBA ในยุค 1970-80 มามากมาย ว่ากันว่าชื่อของ คารีม อับดุลจาบาร์ ที่หลายคนนั้นไม่ทราบชื่อเล่น เฮิร์นก็เป็นคนตั้งให้ โดยชื่อเล่นของคารีมนั้นคือ “เอ” หรือ “กัปตัน” เพราะจะให้อ่านเต็มๆ ว่า คารีม อับดุลจาบาร์ หรือชื่อเก่าก่อนที่จะเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม (เจ้าตัวให้เหตุผลว่าเป็นการเปลี่ยนเพื่อแสดงความเคารพต่อบรรพบุรุษ) อย่าง ลู อาซินดอร์ ก็คงจะยาวเกินไป

ชื่อเล่นนั้นสำคัญไฉน?

ชื่อเล่นนั้นถือว่าเป็นจุดขายของบรรดานักแม่นห่วงใน NBA เลย อย่างในยุค 1980 ยุคของ เออร์วิน จอห์นสัน ที่โชว์ลีลาการผ่านบอลทำแต้มจนทั้งเพื่อนร่วมทีม คู่แข่ง หรือแม้แต่คนดูยังต้องปรบมือให้ราวกับต้องมนต์สะกด และนั่นทำให้ ชิค เฮิร์น ตั้งฉายาเขาว่า ‘แมจิค’

 000_arp3637302

“เวลาผมพากย์การเล่นของเขา ลีลาการผ่านบอลนั้นน่าประทับใจมาก เหมือนมีมนต์สะกดให้เราดูการเล่นได้ไม่เบื่อ ยังกับเป็นพ่อมดมีเวทมนตร์ มันมหัศจรรย์มาก ผมเรียกเขาว่า แมจิค ละกัน”

นอกจากนั้น ไมค์ วิลบัน ผู้บรรยายกีฬาและคอลัมนิสต์ของ ESPN ก็เป็นอีกคนที่เรียก ‘แมจิค’ ออกอากาศเป็นคนแรกๆ ด้วย ซึ่งถ้าบอกว่า เออร์วิน จอห์นสัน คือใคร? หลายคนอาจจะงงปนสงสัย แต่ถ้าบอกว่านั่นคือชื่อจริงของการ์ดจ่ายระดับตำนาน แมจิค จอห์นสัน หลายคนคงร้องอ๋อ  

“จริงๆ ผมชื่อเออร์วิน แต่ไปๆ มาๆ ทุกคนเลยกลายเป็นเรียกผมว่า แมจิค จอห์นสัน จนผมแทบจะลืมไปเลยว่าเออร์วินคือชื่อจริง” แมจิคกล่าวติดตลกในชื่อเล่นของตัวเอง และชื่อแมจิคนั้นก็เป็นจุดขายของทั้งตัวเขา และสินค้าอื่นๆ อีกมากมายไปโดยปริยาย

ในยุค 1970-80 การตั้งชื่อผู้เล่นที่มีความยอดเยียมเฉพาะตัวนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ผู้บรรยายหลายคนทำ และว่ากันว่าชื่อที่ได้รับความนิยมอีกชื่อหนึ่งในยุคดังกล่าวคือ จูเลียส เออร์วิ่ง หรือ ‘ด็อกเตอร์เจ’ จอมดังค์และหนึ่งในต้นแบบการดังค์ของนักบาสยุคปัจจุบัน

 04ervingweb2-articlelarge

หลายคนคงสงสัยว่าจูเลียสนั้นไปเรียนจบปริญญาเอกมาแล้วมาเล่นบาสเกตบอลหรือเปล่าถึงได้ฉายานี้? แต่จริงๆ แล้วเรื่องดังกล่าวมีจุดเริ่มต้นในสมัยที่จูเลียสยังเรียนอยู่ระดับไฮสคูลที่โรงเรียนรูสเวลท์ในรัฐนิวยอร์ก บ้านเกิดของเขา

เรื่องมันมีอยู่ว่า จูเลียสได้ตั้งฉายาให้กับ ลีออน ซอนเดอร์ส เพื่อนร่วมทีมในสมัยนั้นว่า ‘โปรเฟสเซอร์’ หรือถ้าแปลเป็นไทยก็คือ ‘ศาสตราจารย์’ ทำให้ซอนเดอร์สเรียกจูเลียสกลับว่า ‘ด็อกเตอร์’ ก่อนที่ วิลลี่ โซยอร์เนอร์ เพื่อนร่วมทีมตอนอยู่กับ เวอร์จิเนีย สไควร์ส และ นิวยอร์ก เน็ตส์ (บรูคลิน เน็ตส์ ในปัจจุบัน) จะตบชื่อให้ใหม่กลายเป็น ‘ด็อกเตอร์เจ’ จูเลียส เออร์วิ่ง อย่างที่คุ้นเคยในปัจจุบัน

“หลายคนก็คิดนะว่าผมเป็นด็อกเตอร์หรือเปล่า แต่เปล่าเลย ผมเป็นแค่นักบาสเกตบอล” ด็อกเตอร์เจ ไอดอลการดังค์ของนักบาสยุคปัจจุบันผู้ไม่ได้จบปริญญาเอก (แต่ได้รับปริญญาเอกกิตติมศักดิ์ในเวลาต่อมา) กล่าว

จากฉายาสู่รายได้มหาศาล

ถ้าบอกว่าเครื่องหมายการค้าของ ‘ด็อกเตอร์เจ’ คือ การดังค์ที่สวยงาม ทว่าก็มีสตาร์อีกคนที่แจ้งเกิดตั้งแต่ยุค 1980 ที่ทำได้ดีไม่แพ้กัน นั่นคือ ไมเคิ่ล จอร์แดน ลีลาการดังค์ของเขาสร้างปรากฏการณ์ให้กับคนดู เลยเถิดจนทุกคนต่างหาฉายาให้กับไมเคิ่ลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ‘แอร์’, ‘เอ็มเจ’ หรือ ‘แอร์ จอร์แดน’

 michael-jordan

และชื่อต่างๆ ที่กล่าวมา ได้กลายสภาพจากการที่คนเรียกเล่นๆ จนเป็นเครื่องหมายการค้าในเวลาต่อมา ที่แม้แต่สปอนเซอร์ ผู้สนับสนุนต่างๆ ยังต้องใช้ และมันทำให้ตัวของไมเคิ่ลนั้นต่อยอดชื่อนี้ได้อย่างง่ายดาย ทว่าแม้แต่เจ้าตัวเองก็ยังไม่เข้าใจชัดเจนว่า ทำไมคนถึงให้ฉายาเขาว่า ‘แอร์’?

“คงเพราะผมลอยตัวอยู่ในอากาศได้นานมั้ง เขาเลยเรียกผมว่า ‘แอร์’” นี่คือสิ่งที่หนึ่งในนักบาสเกตบอลที่เก่งที่สุดตลอดกาลสรุป

นอกจาก ‘แอร์ จอร์แดน’ จะเป็นชื่อเล่นที่ถูกโหวตว่าคุ้นเคยกันมากที่สุดใน NBA แล้ว ทาง ไนกี้ บริษัทรองเท้าที่สนับสนุนจอร์แดนยังได้ต่อยอด ทำเป็นรองเท้า ‘แอร์ จอร์แดน’ ขึ้นมาอีกด้วย และไม่ได้ออกเพียงแค่รุ่นเดียว ออกหลายสิบรุ่น รวมถึงมีรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นที่หลายคนต่างพยายามแย่งชิง ตบตี เข้าคิวเพื่อให้ได้มันมา ไม่เพียงเท่านั้น ‘แอร์ จอร์แดน’ ยังแผ่อิทธิพลไปสู่วงการแฟชั่น รวมถึงวงการฟุตบอล จากความร่วมมือกับ เนย์มาร์ และสโมสร ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง อีกด้วย

 42600643_10157976962383298_

จากการต่อยอดชื่อเล่น ‘แอร์ จอร์แดน’ ของไมเคิ่ลกับรองเท้านี้เอง ที่ทำให้สามารถทำรายได้ให้กับเจ้าตัวจนถึงปัจจุบันกว่าพันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขึ้นแท่นนักบาสเกตบอลที่รวยทึ่สุดในโลกไปโดยปริยาย จนเจ้าตัวถึงกับกล่าวว่า “ผมภูมิใจในแบรนด์ ‘แอร์ จอร์แดน’ ที่มาจากชื่อเล่นผมมาก”

 41572301_10157939986093298_

เหตุผลสารพัดสู่ชื่อที่จดจำ

การตั้งชื่อเล่นในลีกนั้นมีมากมายตามเหตุผล ทั้งเพื่อให้มีจุดเด่น ไม่อยากอ่านยาวๆ หรือแม้กระทั่งตั้งตามความสามารถในการเล่น และปูมหลังของชีวิต ซึ่งกับกรณีหลังสุดนี้ หลายคนคงเคยได้ยินฉายา ‘ดิ แอดมิรัล’ หรือ ‘ท่านนายพล’ เวลานักพากย์พูดถึง เดวิด โรบินสัน ยอดเซ็นเตอร์ผู้นำ ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส สู่การเป็นยอดทีมในช่วงปลายยุค 1990 อยู่บ้าง

 000_apw2001011059254

แน่นอน ย่อมต้องมีคำถามกับฉายาดังกล่าวว่า เดวิดเป็นนายพล หรือนายพันในกองทัพที่มาเล่นบาสเกตบอลรึเปล่า? ซึ่งแม้เจ้าของฉายา ‘ดิ แอดมิรัล’ จะจบการศึกษาจากโรงเรียนนายเรือจริง แต่ยศตอนรับราชการในกองทัพเรือสหรัฐฯ ของเขานั้นคือ เรือโท (Lieutenant Junior Grade) เท่านั้น ทว่าด้วยบุคลิกภาพที่สุขุม นุ่มลึก และเป็นเสาหลักของทีม สื่อในเมืองซานอันโตนิโอเลยตั้งฉายาให้อย่างยิ่งใหญ่ว่า ‘ท่านนายพล’ ซึ่งเดวิดก็ภูมิใจลึกๆ กับฉายานี้เช่นกัน

ขณะเดียวกัน หลายคนมักถูกตั้งฉายามาจากรูปแบบการเล่นที่น่าตื่นเต้น จึงทำให้มีการเรียกฉายาเหล่านั้น แม้ฉายาที่ว่าดูจะยาวกว่าชื่อจริงๆ ก็ตาม อย่าง คาร์ล มาโลน ที่ได้ฉายา ‘เมลล์แมน’ จากการที่สามารถทำแต้มได้แทบทุกครั้งเวลา จอห์น สต็อคตัน การ์ดจ่ายคู่ใจส่งบอลมาให้ เหมือนกับบุรุษไปรษณีย์ที่ส่งจดหมายถึงผู้รับได้เสมอ

 000_sawh980608280510

แต่มันก็มีเรื่องน่าขำจนเขาถูกล้อเลียนมาถึงทุกวันนี้ โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเกมที่ 1 ของรอบชิงชนะเลิศปี 1997 มาโลนได้ยิงลูกโทษ ซึ่งถ้ายิงลง ทีม ยูท่าห์ แจ๊ซ ของเขาจะขึ้นนำในช่วงท้าย และมีโอกาสที่จะเอาชนะ ชิคาโก้ บูลส์ ที่มี ไมเคิ่ล จอร์แดน และ สก๊อตตี้ พิพเพ่น ได้ แต่พิพเพ่นเล่นสงครามประสาทด้วยการเดินเข้าไปบอกมาโลนว่า “เฮ้! นายรู้ไหม? บุรุษไปรษณีย์ไม่ทำงานวันอาทิตย์นะ” (เกมส์นั้นแข่งกันในวันอาทิตย์)

เท่านั้นแหละ... มาโลนยิงลูกโทษลูกนั้นไม่ลง ก่อนที่ทีมแจ๊ซจะแพ้จากการยิงลูกตัดสินเกมของ ไมเคิ่ล จอร์แดน และเป๋ยาวๆ จนชวดแชมป์ NBA ทำให้มาโลนต้องจำใจรับฉายา ‘ราชันไร้แหวน’ ไปอีกฉายาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

ฉายาราวกับเพลงแก้

บางครั้งการตั้งฉายา ชื่อเล่นของนักบาสเกตบอลนั้นก็มีการกวนประสาท ราวกับแต่งเพลงแก้อยู่เหมือนกัน เมื่อเรานึกถึง ‘แมมบ้า’ หรือ งูที่มีพิษร้ายแรงมาก ซึ่งมีถิ่นกำเนิดที่ทวีปแอฟริกา เราจะนึกถึง โคบี้ ไบรอันท์ เจ้าของฉายา ‘แบล็ค แมมบ้า’ เนื่องจากสไตล์การเล่นของโคบี้นั้นรวดเร็ว ทรงประสิทธิภาพ ทำแต้มได้มาก และมีความร้ายกาจ ทำให้ถูกเปรียบเทียบกับงูพิษแบล็คแมมบ้า ที่รวดเร็ว และมีพิษแรงมาก สมกับเป็นนักฆ่าที่ไม่ว่าสัตว์หรือมนุษย์ยังต้องขยาด

 000_apw2003042703329

แต่เรื่องมันไม่จบแค่นั้น เมื่อ ไบรอัน สคาลาบรินี่ ตัดสินใจตั้งฉายาให้กับตัวเองว่า ‘ไวท์แมมบ้า’ ในตอนที่ย้ายจาก บอสตัน เซลติกส์ ไปเล่นกับ ชิคาโก้ บูลส์ เมื่อปี 2010 หลายคนอาจจะคิดว่า เป็นการเล่นกับเรื่องสีผิว แต่อันที่จริง ‘สคาล’ มีอีกเหตุผลหนึ่งที่เรียกเสียงฮาได้แบบสุดๆ

“อ่ะ! ทุกคนรู้ว่าเจ้างู แบล็ก แมมบ้า เนี่ยมันเป็นงูพิษที่อันตรายที่สุดใช่มะ? แต่ ไวท์ แมมบ้า เนี่ยก็เป็นที่สุดเหมือนกัน เพราะมันเป็นงูที่สงบเงียบที่สุด สิ่งที่มันทำก็คือ นอนดูอยู่เฉยๆ ชิลๆ นั่นแหละ” ซึ่งมันดันไปตรงกับชีวิตจริงที่เจ้าตัวมักได้โอกาสลงสนามเป็นตัวสำรอง โดยมีสถิติการลงเล่นเฉลี่ยตลอดอาชีพเพียง 10 กว่านาทีต่อเกมเท่านั้นเสียอีก

ด้วยความที่นิสัยจริงๆ ของตัวของไบรอันนั้นเป็นคนขี้เล่น และรักสนุก เรียกได้ว่าเป็นตัวโจ๊กประจำทีม เจ้าตัวจึงปลื้มกับฉายานี้เอามากๆ และ ไวท์ แมมบ้า ก็ถูกสื่อนำมาล้อเปรียบเทียบกับโคบี้ค่อนข้างเยอะ ซึ่งเจ้าตัวนั้นไม่เคยโกรธเลยแม้ว่าสื่อจะแซวว่า ทำได้ร้อยแต้มต่อเกมส์ หรือรีบาวด์ได้แปดสิบครั้งต่อเกมส์ (สถิติจะดูเวอร์ๆ หน่อย เพราะสื่อนั้นเล่นสายฮากับไบรอัน จนกลายเป็นมีมที่เอาไปล้อเลียนทั้งวงการแม่นห่วง) แต่ไบรอัน ผู้เคยได้แหวนแชมป์ 1 วงเมื่อปี 2008 สมัยอยู่กับทีมเซลติกส์ก็ไม่ได้สนใจ แถมบอกว่า “แม่งโคตรเจ๋ง” อีกต่างหาก

 f82fb960093726d617f6870e6ee

ตระกูลแมมบ้ายังไม่ได้หมดเพียงเท่านั้น มี ‘แบล็ค แมมบ้า’ กับ ‘ไวท์ แมมบ้า’ แล้วก็ต้องมี ‘เร้ด แมมบ้า’ ซึ่งฉายานี้ ‘แบล็ค แมมบ้า’ โคบี้ ไบรอันท์นั้นเป็นคนตั้งให้กับ แมท บอร์นเนอร์ จากตอนที่ทั้งคู่มีโอกาสดวลกันในสนาม ด้วยความมุ่งมั่น และตั้งใจของบอร์นเนอร์ หลังเกมส์โคบี้ได้ให้สัมภาษณ์และให้เครดิตกับบอร์นเนอร์ที่มีผมสีแดงว่า มีความร้ายกาจมาก “เขามีความมุ่งมั่นมาก มีการป้องกันที่เยี่ยม และบุกที่ดีเลย ผมเรียกเขาว่า “เร้ด แมมบ้า” เพราะผมเขาก็สีออกแดงๆ ด้วย” โคบี้กล่าว ซึ่งนั่นทำให้ตระกูลแมมบ้านั้นมีถึง 3 เฉดสีด้วยกันตั้งแต่ แบล็ค, ไวท์ และเร้ด

สารพันฉายา และฉายาเฉพาะท้องที่

ใน NBA นั้นเมื่อนับกันจริงๆ มีฉายาของผู้เล่นเป็นร้อยฉายา และหลายคนก็มีมากกว่า 1 ฉายา อาทิ เลบรอน เจมส์ ที่มีฉายาเยอะมาก ต้ังแต่ ‘The King’, ‘King James’ (เจ้าตัวใช้ชื่อนี้ในโซเชี่ยลมีเดีย), ‘(The) L-Train’, ‘LBJ’ (อักษรแรกจากชื่อและนามสกุล), ‘The Chosen One’ (นิตยสาร Sport Illustrated ใช้คำนี้ขึ้นพาดหัวตอนลงบทความเกี่ยวกับเขาเมื่อปี 2002 จนเจ้าตัวเอาไปสักในเวลาต่อมา), ‘The Akron Hammer’ รวมถึง ‘Bron Bron’

 000_19e4jh

แต่ของเลบรอนที่ว่าเยอะแล้ว คงไม่เยอะเท่า เดิร์ก โนวิทซ์กี้ ที่ว่ากันว่ามีฉายามากที่สุดใน NBA เพราะเดิร์กนั้นมีถึง 10 ฉายา ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักสะท้อนความเป็นคนเยอรมัน ไม่ก็ชื่อ เดิร์ก ของเขาทั้งสิ้น อย่าง ‘Tall Baller From The G’, ‘Dirty’, ‘The German Racecar’, ‘Bavarian Bomber’, ‘Dirk Diggler’, ‘The Berlin Tall’, ‘German Wunderkind’, ‘Dirk Savage’, ‘The Germinator’ และ ‘The Big German’ เรียกได้ว่าไล่ฉายาทีก็เหนื่อยแล้ว

dirk-nowitzki-points-home

สารพัดฉายาที่กล่าวไปข้างต้นยังไม่น่าแปลกใจเท่าไร เพราะว่าเป็นฉายาที่เรียกกันใน NBA อยู่แล้ว แต่ที่น่าตกใจคือ ในประเทศจีน ซึ่งเป็นฐานตลาดที่สำคัญของ NBA นั้น ก็มีการตั้งฉายาให้กับผู้เล่น NBA ที่เขารักและชื่นชอบมากๆ ด้วย แล้วทำไมเป็นเช่นนั้น?

ประเด็นก็คือ NBA ได้ไปเปิดตลาดที่จีน และมีการจัดให้นักบาสไปมีตติ้ง แข่งขันกระชับมิตร และเปิดคลีนิคสอนกีฬาแม่นห่วงให้กับเยาวชนอย่างต่อเนื่อง ทำให้วัฒนธรรมของ NBA รวมถึงผู้เล่นมีความผูกพันกับจีนเป็นอย่างมาก จนไม่แปลกที่ NBA จะเป็นลีกในดวงใจของผู้คนในแดนมังกร แม้ว่า CBA จะเป็นลีกเบอร์ 1 ของประเทศที่มีผู้เล่นต่างชาติเข้ามาหากินไม่น้อยก็ตาม การตั้งชื่อเล่น ฉายาให้กับนักบาสที่ตัวเองรัก จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวด้วยเช่นกัน

ชาวจีนนั้นได้ตั้งฉายาให้กับนักบาสหลายคน ซึ่งถือว่าน่ารักมากๆ เลบรอน เจมส์ มีฉายาในเมืองจีนว่า ‘Xiao Huang Di’ ซึ่งหมายความว่า ‘Little Emperor’ ซึ่งคนจีนนั้นให้เป็นคำที่ใกล้เคียงกับคำว่า ‘King James’ ฉายาที่เราคุ้นเคยกับเลบรอน หรือ ‘แบล็ค แมมบ้า’ โคบี้ ไบรอันท์ ที่นอกจากจะมีอนุสาวรีย์ให้กับโคบี้ที่เมืองกว่างโจว ประเทศจีนแล้ว ยังได้ตั้งฉายา Xiao Fei Xia หรือแปลว่า Little Flying Warrior ให้อีกด้วย ซึ่งเหตุผลเพราะว่าโคบี้นั้นเป็นผู้เล่นที่ดังค์มัน และกระโดดสูงมากในสายตาคนจีนนั่นเอง

แต่สำหรับผู้เล่นที่ชื่อยาวๆ และอ่านออกเสียงยากๆ นั้น ผู้บรรยายจะตัด ไม่พูดชื่อนั้นไปเลย และจะเรียกแค่ชื่อเล่น หรือฉายามากกว่าชื่อยาวๆ อย่างเช่นฟอร์เวิร์ดของ มิลวอกี้ บัคส์ ยานนิส อันทูเทคูมโป ที่ผู้บรรยายจะเรียกไปเลยว่า จีเอ หรือ กรีก ฟรีค ฉายาของเขา ซึ่งเมื่อดูจากนามสกุลแล้ว เราเชื่อว่าทุกคนคงเข้าใจว่าทำไมถึงต้องทำเช่นนี้

แต่บางครั้งผู้เล่นที่ไม่ต้องการจะมีฉายาก็ดันมีฉายา เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นตอนที่ ชาคีล โอนีล หรือ ‘แชค’ อยู่กับทีม ไมอามี่ ฮีต โดยในช่วงซ้อม เจ้าตัวโดน ดเวย์น เหวด หรือที่หลายคนเรียกแบบย่อๆ ว่า ‘ดี-เหวด’ ไดร์ฟเข้าในไปทำแต้มแบบไวมากจนแทบมองไม่เห็น ทำให้แชคไปบอกกับสื่อว่า “ต่อไปคุณเรียกเขาว่า แฟลช นะเพราะเขาไวมากจนเราแทบมองไม่ทัน” ซึ่งพอเหวดรู้เข้าก็บอกกับสื่ออย่างติดตลกว่า “แชคว่าไงก็ว่าตามกัน เขาเป็นประเภทชอบตั้งฉายาให้กับเพื่อนๆ อยู่แล้ว”

 000_was425478

ยังดีที่ ‘ดี-เหวด’ เป็นแค่มนุษย์เดินดินไม่ได้มีพลังพิเศษ เพราะหากเจ้าตัวเป็นซูเปอร์ฮีโร่ขึ้นมา อาจจะไปป่วนไทม์ไลน์จนวงการแม่นห่วงปั่นป่วนกว่านี้ก็เป็นได้ ใครจะรู้?

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook