คุกกี่ครั้งก็ขังไม่อยู่ : "ไนล์ เรนเจอร์" แบดบอยอันดับ 1 ของวงการฟุตบอลอังกฤษ

คุกกี่ครั้งก็ขังไม่อยู่ : "ไนล์ เรนเจอร์" แบดบอยอันดับ 1 ของวงการฟุตบอลอังกฤษ

คุกกี่ครั้งก็ขังไม่อยู่ : "ไนล์ เรนเจอร์" แบดบอยอันดับ 1 ของวงการฟุตบอลอังกฤษ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ผมตื่นมาตอนเช้าและส่องกระจกก่อนจะพูดกับตัวเองว่า นี่เอ็งโตแล้วนะเว้ย! เริ่มจับเวลาและทำงานของตัวเองซักที"  

นี่คือคำพูดของ ไนล์ เรนเจอร์ คนที่เคยมีศัยภาพพร้อมทุกด้านที่จะเป็นกองหน้าผู้สืบทอดหมายเลข 9 ของ อลัน เชียเรอร์ ตำนานดาวยิงแห่ง นิวคาสเซิล รวมถึงสื่อในประเทศที่มองว่าเขาควรจะไปได้ไกลถึงทีมชาติอังกฤษด้วยซ้ำ   

จากคุณสมบัติที่กล่าวไป คุณคิดว่าปลายทางของเขาในตอนนี้คืออะไร? ถ้าคุณเดาแค่ว่าเขาเป็นเหมือนดาวรุ่งทั่วไปที่เก่งตอนเด็กแต่พัฒนาต่อไปไม่ได้จนต้องค้าแข้งในระดับลีกรอง บอกได้เลยว่าคุณเดาผิดไปเยอะ เพราะเส้นทางของเขาจบลงด้วยการวนเวียนอยู่กับการต้องคดี ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ อย่างลักขโมย, ผิดพรบ. คอมพิวเตอร์ อีกทั้งลุกลามไปถึงเรื่องใหญ่ๆ อย่าง ยาเสพติด, ข่มขืน และ แก๊งสเตอร์ จนที่สุดเเล้วเขามีคดีติดตัวทั้งหมด 12 คดี

ทั้งหมดนี้ทำให้เขากลายเป็นแบดบอยหมายเลข 1 ของวงการฟุตบอลอังกฤษ ชนิดที่ว่าตัวเอ้ในสายตาแฟนลูกหนังอย่าง โจอี้ บาร์ตัน ยังเทียบไม่ติด … และนี่คือเรื่องราวชีวิตของผู้ทิ้งโอกาสทีเด็กหนุ่มทั่วโลกอยากจะได้ของ ไนล์ เรนเจอร์


เด็กปีศาจ...ทั้งในและนอกสนาม
พอล แกสคอยน์ อาจจะเสียคนแบบหนักๆ เอาตอนแก่ ขณะที่ โจอี้ บาร์ตัน ก็มีเรื่องเสื่อมเสียตอนมีชื่อเสียง ทว่า เรนเจอร์ แตกต่าง เขาคือเด็กแก๊งโดยกำเนิด นั่นคือเหตุผลที่ว่าเขาโดนคดีแรกตั้งแต่อายุเพียง 15 ปีเท่านั้น

เรนเจอร์ เกิดในย่านเสื่อมโทรมทางตอนเหนือของกรุงลอนดอน แต่เขาก็เก่งกาจเรื่องฟุตบอลจนมีโอกาสได้ทุนเข้าโรงเรียน อเล็กซานดรา พาร์ค สคูล ซึ่งเป็นโรงเรียนในเครือข่ายของสโมสร คริสตัล พาเลซ  ฝีเท้าที่ยอดเยี่ยมทำให้เขาถูกทีมแมวมองของ เซาธ์แฮมป์ตัน ฉกตัวไปร่วมทีม ทว่าหลังจากย้ายไปอยู่อะคาเดมี่ของนักบุญเเดนใต้เพียงแค่ 11 สัปดาห์ เขาก็ถูกจับเข้าสถานพินิจเนื่องจากไปร่วมกับแก๊งเพื่อนๆทำผิดฐานลักขโมย และการขโมยของเขามันเกินยิ่งกว่าเด็กทั่วไปเพราะเขาพกปืนและใช้ข่มขู่ในการปล้นอีกด้วย

จริงๆ ชีวิตนักฟุตบอลของเขาไม่ควรจะได้เริ่มต้นเลยด้วยซ้ำ เเต่ เซาธ์แฮมป์ตัน คงเห็นแก่ฝีเท้าและเกิดความเสียดายดาวรุ่งพรสวรรค์สูงแบบนี้ ที่สุดก็มีการช่วยเหลือเรื่องค่าสู้คดีและการว่าจ้างทนาย แม้พวกเขาหวังว่านี่จะเป็นจุดเปลี่ยนที่จะทำให้ เรนเจอร์ กลายเป็นแข้งทองราคาแพงในอนาคต ทว่า เซาธ์แฮมป์ตัน ไม่รู้เสียเเล้วว่าพวกเขากำลังปล่อยเสือเข้าป่า...

อันที่จริงช่วงแรกๆ หลังจากออกจากสถานพินิจเเล้ว เรนเจอร์ ก็เป็นเด็กดีอยู่ในกรอบในระเบียบได้พักใหญ่ๆ เพราะหลังจากขยันซ้อมได้เพียง 1 ปีด้วยความหัวไวและพัฒนาเร็ว เขาได้ไปทดสอบฝีเท้ากับทีมเยาวชนของ นิวคาสเซิล ในปี 2008 ที่ ณ เวลานั้นมีอีกหนึ่งแบดบอยตัวพ่อของวงการอย่าง เดนิส ไวส์ อดีตกัปตันทีมเชลซีนั่งแท่นประธานเทคนิคของทีมอยู่ ณ เวลานั้น ซึ่งด้วยความที่ ไวส์ เองเป็นคนที่เคยร้ายๆ มาก่อนในช่วงเป็นนักเตะ ประกอบกับตอนนั้น นิวคาสเซิล เองก็ถือว่าเข้าสู่ช่วงขาลงกับมีปัญหาเรื่องงบประมาณการซื้อแข้งชื่อดังเข้าสู่ทีม ทำให้พวกเขาตัดสินใจมอบสัญญาอาชีพฉบับแรกให้ เรนเจอร์ และหวังว่าเจ้าหนูคนนี้จะสามารถผ่านกระบวนการปั้นและกลายเป็นดาวได้ในอนาคต

ทุกอย่างดูจะเป็นไปได้ดี เรนเจอร์ เองก็เสียงอ่อนเสียงหวานเมื่อได้อยู่กับทีมมีชื่อเสียงอย่าง สาลิกาดง แม้แต่ตัวเขาเองก็เชื่อว่าการย้ายทีมหนนี้สำคัญกับชีวิตเขามาก และเขาสามารถเปลี่ยนตัวเองจากเเบดบอยกลายเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่ดีได้ไม่ยาก

mainrengers5
"ดีลนี้เยี่ยมเลย การได้เปลี่ยนบรรยากาศรอบตัวสำหรับผมคือเรื่องที่ดีมาก ผมจะได้หนีจากคนหน้าเก่าๆ ที่นำมาซึ่งปัญหาเก่าๆ เสียที" เด็กอายุ 17 รายนี้ให้สัมภาษณ์ราวกับผ่านชีวิตมามากกว่า 18 ฝนอย่างไม่น่าเชื่อ

ตอนนั้น ริชาร์ด มันนี่ ผู้อำนวยการชุดอะคาเดมี่ของ นิวคาสเซิล ดีใจมากที่ได้เสือร้ายตัวน้อยรายนี้มาร่วมทีม มันนี่ ตั้งเป้าไว้ว่าเขาจะทำให้ เรนเจอร์ กลายเป็นนักเตะสไตล์เดียวกับ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์  กล่าวคือมีทักษะการครองบอลที่คล่องแคล่วยอดเยี่ยม และยังปิดสกอร์ได้ดีอีกด้วย

เรนเจอร์ ลงเล่นให้กับทีมชุดยู 19 ของ นิวคาสเซิล ปีแรกด้วยการซัดไป 22 ลูก ไม่ว่าจะผลงานกับทีมชุดอะคาเดมี่หรือทีมชุดสำรองเขาก็ไม่เคยกลัวใคร ซึ่งจะว่าไป การดวลกับนักเตะรุ่นพี่คงไม่ได้ทำให้สั่นไหวใดๆ เพราะชีวิตที่ผ่านมาของเขา โดนปืนจ่อหัวก็เคยมาเเล้ว

ผู้จัดการทีมของ นิวคาสเซิล ในปี 2009 อย่าง เควิน คีเเกน และ โจ คินเนียร์ ชอบอกชอบใจ เรนเจอร์ เป็นอย่างมาก ทั้งสองคนแวะเวียนมาหารือกับโค้ชทีมชุดเยาวชนอยู่หลายรอบสำหรับการเตรียมผลักดันโกลเด้นบอยของพวกเขาขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ แต่น่าเสียดายที่ทั้ง คีเเกน และ คินเนียร์ มีอายุงานที่สั้นมาก เผลอแว้บเดียวทั้งสองคนก็ถูกไล่ออก แต่กระนั้น เรนเจอร์ ยังไม่ยอมหยุดยิงประตู ราวกับเป็นการเเสดงออกว่าการเล่นกับเด็กรุ่นเดียวกันคือขนมหวานที่เขาจะยิงเมื่อไหร่ก็ได้   

ข่าวลือที่ว่ามีเด็กอายุ 17 แต่มีความสูงถึง 186 เซนติเมตรกำลังไล่ยิงประตูในระดับเยาวชนอย่างถล่มทลายรู้ไปถึงหูของ อลัน เชียเรอร์ ตำนานของทีมที่ตอนนั้นถูกดึงเข้ามารับงานเฉพาะกิจพาทีมหนีตายในช่วง 6 เกมสุดท้ายของฤดูกาล แน่นอนว่าแม้แต่พระเจ้าของชาวแม็คพายอย่าง เชียเรอร์ เองก็ต้องเสี่ยงกับทุกด้าน และนักเตะฝีเท้าดีคือสิ่งที่เขาต้องการโดยไม่เกี่ยงเลยว่าอายุเท่าไหร่

"เชียเรอร์ ลงมาดูเกมสำรองหลายนัดและมอบกำลังใจให้กับผม เขาบอกผมว่า ‘ทำงานหนักต่อไปไอ้หนุ่มแล้วโอกาสของนายจะมาเอง’ ... แค่นี้ก็เหลือเชื่อแล้วที่ได้รับคำแนะนำจากตำนานอย่างเขา" เรนเจอร์ จำเรื่องวันนั้นได้ไม่มีลืม

ณ เวลานั้นเขาไม่รู้ว่าเขาจะได้ทำงานร่วมกับ เชียเรอร์ ในฐานะ เจ้านาย-ลูกน้อง ได้นานแค่ไหน แต่ที่แน่ๆคือเขาพร้อมแล้วที่จะแสดงความกตัญญูให้กับคนที่ให้คำพูดเปลี่ยนชีวิตของเขา

"ผมเปลี่ยนตัวเองเเล้ว" เขากล่าว "นี่คือโอกาสอันน่าทึ่งที่สโมสรแห่งนี้มอบให้ ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าโอกาสแบบนี้จะเกิดขึ้นกับผมอีกไหมถ้าผมไม่ย้ายมาอยู่กับนิวคาสเซิล นี่สิ่งที่ผมขอขอบคุณจากใจจริง"

เรนเจอร์ ได้สัญญา 3 ปีครึ่งจากนิวคาสเซิล ซึ่ง เชียเรอร์ เป็นคนผลักดันให้เกิดขึ้น พร้อมดัน เรนเจอร์ ขึ้นชุดใหญ่ทันทีใน 6 เกมสุดท้ายของฤดูกาล โดยอยู่ในบทบาท "อาวุธลับ" นั่นคือให้อยู่บนม้านั่งสำรองไปก่อน แม้ในที่สุดเเล้วฤดูกาล 2008-09 จบลง นิวคาสเซิล จะต้องตกชั้นด้วยปัญหาการบริหารที่ย่ำแย่ แต่ดาวรุ่งที่เขาหมายมั่นปั้นมือก็พร้อมกลายร่างเป็นอาวุธหลักแทนอาวุธลับในยามที่ทีมตกชั้นสู่ลีก เดอะ เเชมเปี้ยนชิพ ในฤดูกาล 2009-10

mainrengers2
แต่ก็ได้แค่นั้น
ชีวิตของ เรนเจอร์ จะดีอยู่เเล้วเเท้ๆ ช่วงก่อนปี 2010 ถือเป็นปีทีของเขาเลยทีเดียวเพราะ เรนเจอร์ ได้โอกาสลงเล่นชุดใหญ่ถึง 62 เกม โดยคู่หูในแนวรุกตอนนั้นของเขาคือ แอนดี้ แคร์โรลล์ หอกรุ่นพี่ที่แจ้งเกิดก่อนเขา 1 ปี ทั้งสองคนคือส่วนหนึ่งในกำลังสำคัญที่ช่วยทีมสาลิกาดงเลื่อนชั้นกลับสู่ลีกสูงสุดภายในเวลาเพียงปีเดียวเท่านั้น

แต่ถ้ามันเรียบง่ายขนาดนั้นเราก็คงไม่เรียกเขาว่าแบดบอย หลังจากนิวคาสเซิล เล่นในลีกสูงสุด เรนเจอร์ ก็ได้รับการต่อสัญญาใหม่เเละมีรายรับมากกว่าเดิม จากนั้นที่เขาเคยบอกว่าจะกตัญญูต่อผู้ให้โอกาสก็เปลี่ยนไป เงินก้อนใหญ่ปลุกปีศาจร้ายในตัวเขากลับมาอีกครั้ง

เรนเจอร์ เริ่มกลับมาคบเพื่อนกลุ่มแก๊งสเตอร์เดิมๆ เมื่อเป็นเด็กแก๊งเขาก็แสดงนิสัยเหมือนที่บุคคลจำพวกนี้ทำกัน นั่นคือการเเสดงออกถึงความรุนแรง, เก๋า และไม่กลัวใคร รู้ตัวอีกที่รอยสักประจำแก๊งก็เต็มตัวเขาไปเสียเเล้ว

ในระยะแรกเริ่มนั้น เรนเจอร์ ยังไม่ได้ทำอะไรผิดมากไปกว่าการโพสต์ภาพถือปืนลงโซเชี่ยล รูปถ่ายของเขารูปนั้นเหมือนกับหน้าปกเกมดังอย่าง GTA แต่นั่นคือภาพที่ไม่มีนักเตะอาชีพคนไหนทำกันแน่นอน

อลัน พาร์ดิว โค้ชของ นิวคาสเซิล ในปี 2010 เหนื่อยหน่ายใจกับลูกน้องตัวแสบของเขามาก เพราะนอกจากจะมีปัญหานอกสนามแล้ว วินัยแย่และทัศนคติที่ติดลบก็เริ่มเกิดบ่อยขึ้นจนน่าเป็นห่วง เรนเจอร์ คือคนที่มาสายที่สุดในการฝึกซ้อมแต่ละเซสซั่น และบางวันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย แม้ พาร์ดิว จะเป็นคนที่ให้โอกาส เรนเจอร์ เล่นชุดใหญ่ถึง 18 นัดแต่พอก่อปัญหามากๆ เข้า ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องตัดชื่อออกจากทีม

"มันยุติธรรมกับเขาที่สุดเเล้ว" พาร์ดิว กล่าว "ไอ้หนุ่มคนนี้เป็นคนที่มาทำงานสายมากที่สุด มันมากจนไม่น่าเชื่อว่าเขายังมีโอกาสได้อยู่กับทีมของเราอยู่ และมันไม่น่าเชื่อที่เราต้องพยายามทำอะไรเพื่อช่วยเขาอยู่อีก"

mainrengers4
"เขาจะไม่ได้กลับมาเล่นให้กับทีมแน่ นอกเสียจากว่า 6 สัปดาห์ต่อจากนี้เขาจะไม่มาซ้อมสายเลยแม้แต่วันเดียว แต่เชื่อผมเถอะว่ามันไม่เกิดขึ้นหรอก"

ไม่ต้องเดาก็น่าจะรู้ พาร์ดิว อ่านเกมขาดแบบคนผ่านโลกมาก่อน เรนเจอร์ ไม่เคยเปลี่ยนทัศนคติเลย สัญญาเขายังเหลืออยู่อีกหลายปีและเขาดูจะไม่เป็นเดือดเป็นร้อนเพราะทุกๆ สัปดาห์เงินเดือนจะถูกโอนเข้าบัญชี แม้ว่าจะโดนหักเงินตามกรรมที่ทำไว้บ้างก็ตาม และเมื่อไม่ใส่ใจอะไรก็ไม่แปลกที่เขาจะก่อเรื่องผิดกฎหมายแบบไม่หยุดหย่อน ราวกับว่าเขานั้นเกิดมาเพื่อเป็นอันธพาล

ในปี 2011 เขาถูกจับในข้อหาทำร้ายร่างกายและปล่อยคู่กรณีนอนหมดสติอยู่บนถนน ซึ่งพอเกิดเรื่องนี้ทาง นิวคาสเซิล ก็ลดชั้นให้เขาลงไปเล่นและซ้อมกับทีมสำรอง ขณะที่ตรงกันข้ามอดีตคู่หูของเขาอย่าง แอนดี้ แคร์โรลล์ ย้ายไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์

หลังจากคดีทำร้ายร่างกาย 2 เดือน เขาก็ถูกจับอีกครั้งจากคดีดื่มเหล้าในที่สาธารณะ ซึ่ง ณ เวลานั้นเขาเพิ่งพ้นโทษสั่งซ้อมกับทีมสำรองได้ไม่ทันไร สโมสรก็ไล่เขาไปเล่นกับทีมสำรองอีกครั้งเป็นระยะเวลา 3 เดือนโดยที่ยังไม่ทันได้ซ้อมกับทีมชุดใหญ่เลย

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เรนเจอร์ ท็อปฟอร์มต่อเนื่อง คราวนี้ถูก FA สั่งปรับเงินหลักจากใช้วาจาเหยียดเพศในทวิตเตอร์ ตามด้วยการถูกจับจากคดีถีบประตูบ้านและลักพาตัวแฟนสาวของเขาเอง ปิดท้ายปี 2012 ด้วยการโดนคดีพยายามข่มขืน ซึ่งหนนี้ยังต้องขึ้นโรงขึ้นศาลจนต้องนอนคุกไปเลยทีเดียว

ถึงตรงนี้ นิวคาสเซิล พอแล้ว ... โควต้าข้าวสุกของ เรนเจอร์ จบลงเพียงเท่านั้น เขาถูกยกเลิกสัญญาในปี 2013 และหลังจากนั้นก็ถึงช่วงตกต่ำเต็มรูปแบบ

mainrengers6
ทีมยิ่งเล็ก ชีวิตยิ่งเละ
จากพรีเมียร์ลีกดิ่งลงสู่ลีกวันอย่างรวดเร็ว แม้ฝีเท้าจะดียิงประตูได้สบายๆ เพราะระดับมันต่างกัน เขาลงสนามและยิง 8 ประตูจาก 23 นัด แต่ชีวิตนอกสนามก็เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน เขาไม่ยอมไปรายงานตัวฝึกซ้อมกับทีมให้ตรงเวลา หนำซ้ำยังก่อคดีเพิ่มอีกต่างหาก

การตกต่ำภายในเวลาอันรวดเร็วทำให้เขายิ่งเป็นคนฉุนเฉียวง่าย คำพูดอะไรที่ไม่เข้าหูก่อให้เกิดโทสะอย่าง่ายดาย ครั้งหนึ่งเขาเรียกรถแท็กซี่แต่กลับจบท้ายด้วยการชกกระจกรถจนแตกและต่อยคนขับจนร่วง โดยให้เหตุผลว่าคนขับดันเรียกว่าไอ้นักข่มขืน (จากเหตุการณ์คดีเก่า)

เรื่องราวทั้งหมดทำให้เขาถูก มาร์ค คูเปอร์ กุนซือ สวินดอน ต้นสังกัดในตอนนั้นแฉซ้ำว่า เรนเจอร์ ดูหมิ่นต่อเพื่อนร่วมทีมไม่ให้เกียรติสโมสรด้วยการ "ไม่มาซ้อมเลยเป็นเวลาหลายสัปดาห์" จนกระทั่งสุดท้ายก็นำซึ่งการถูกยกเลิกสัญญาเป็นครั้งที่ 2 ของชีวิต และครั้งที่ 3 ก็ตามมาอย่างรวดเร็วจากการโดน แบล็คพูล ยกเลิกสัญญาเพราะหนีกลับบ้านโดยไม่แจ้งก่อน นอกจากนี้ยังสวมบทนินจาหายจากการซ้อมช่วงปรีซีซั่นในฤดูกาล 2015-16 อีกต่างหาก หลังจากนั้นทุกอย่างก็จบกัน

เมื่อเห็นโลงศพก็ได้เวลาหลั่งน้ำตา เรนเจอร์ ใช้เวลาหาทีมใหม่อยู่นานแต่ก็หาไม่ได้ เขาจึงเขียนข้อความเพื่อขอโทษในสิ่งที่เขาทำกับทุกสโมสรที่ผ่านมา ตอนนี้เขารู้เเล้วว่าชีวิตกุ๊ยจบไม่สวย เขาสักชื่อตัวเองบริเวณขมับ ผิวหน้าหมองคล้ำถึงขีดสุดจาการใช้ยา เพื่อนๆ ในกลุ่มของเขาบางคนตายเพราะเสพยาเกินขนาด บ้างก็ถูกยิงตายจากสงครามแก๊ง

"ผมได้เห็นเพื่อนของผมจากไปแล้ว 2 คน ตอนนี้ผมรู้เเล้วว่าชีวิตมันสั้นมาก ผมได้รับโอกาสจากทีมอย่าง เซาธ์แฮมป์ตัน, นิวคาสเซิล, สวินดอน และเเบล็คพูล ที่ทำให้ฝันในการเป็นนักบอลอาชีพเกิดขึ้น จริงๆ ผมควรจะทำตัวให้เป็นเเบบอย่างที่ดีกว่านี้ ขอโทษเพื่อนร่วมทีมแบล็คพูลทุกคนที่ผมขาดหายจากการซ้อมไปในระยะเวลานาน ผมเป็นเด็กหนุ่มที่เดิมทางผิดพลาด ผมอยากจะกลับไปเล่นฟุตบอลอีกครั้ง ผมรู้เเล้วว่าชีวิตมันสั้นแค่ไหน"

แต่ดูเหมือนว่าความซึ้งยังไม่ทันได้หาย ความวอดวายก็เข้ามาแทรก ทุกคำที่เขากลั่นออกมาเป็นข้อความด้านบนกลายเป็นคนละอย่างกับสิ่งที่เขาทำอย่างสิ้นเชิง

เพราะเรื่องร้ายแรงที่สุดกำลังตามมา หลังจากนั้นไม่นานเขาชกหน้าผู้หญิงในย่านสวินดอนถึง 3 หมัดเน้นๆ ต่อด้วยการต้องคดีสมรู้ร่วมคิดในคดีฟอกเงินจนถูกศาลสั่งจำคุก 8 เดือน แต่ถูกขังจริงๆ เพียง 3 เดือนจากการรับสารภาพและประพฤติตัวดี

mainrengers7
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าชีวิตของเขาจะผิดพลาดเพียง 2 ครั้ง นั่นคือครั้งแล้วกับครั้งเล่า เขาว่างงานได้ไม่นานก็ได้รับสัญญาจาก เซาธ์เอนด์ ทีมในระดับลีกวัน ซึ่งการค้าแข้งหนนี้เขาต้องใส่กำไลข้อเท้าติด GPS ลงสนามด้วยเพราะยังโดนสั่งให้ติดตามพฤติกรรมอยู่

มันดูเหมือนว่าจะดี (อีกเเล้ว) เขายิงให้ เซาธ์เอนด์ 10 ประตูจาก 45 เกม แต่ก็ถูกยกเลิกสัญญาในต้นปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลทางด้าน ‘วินัย’ แม้ตอนนั้น เซาธ์เอนด์ จะมีศูนย์หน้าอาชีพเพียงคนเดียวในทีมแต่พวกเขาก็ไม่ลังเลที่จะไล่ เรนเจอร์ ออกจากสโมสร และนี่เป็นครั้งที่ 5 เเล้วที่เขาอยู่โดยไม่จบสัญญา ...

"ผมโดนไล่ออกจากทีมอยู่หลายหน ผมรู้ว่ามันไม่ดี แต่ที่เซาธ์เอนด์เนี่ยผมทำตัวมีปัญหาน้อยลงมาเเล้วนะ เพียงแต่ว่าผมไปซ้อมสายจริงๆ จุดนี้ผมยอมรับว่าผมโง่เอง การทำหน้าที่ให้ตรงเวลาคือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ ตอนนี้ผมเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเเล้ว … ผมตื่นมาตอนเช้าและส่องกระจกก่อนจะพูดกับตัวเองว่า นี่เอ็งโตแล้วนะเว้ย! เริ่มจับเวลาและทำงานของตัวเองซักที" เขาให้สัมภาษณ์ถึงตัวตนคนใหม่ในตอนนี้ ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะดูคุ้นๆ กับเรื่องเก่าแต่เขาก็ยืนยันว่าตอนนี้เขากลับมาเกิดใหม่เเล้ว

เขาเปิดหมดเปลือกถึงปัญหาเรื่องวินัยของเขา เขายอมรับว่าตัวเองเป็นพวกขี้เกียจตัวเป็นขน ทันทีที่ถึงบ้านเขาจะเล่นเกมเพลย์สเตชั่น และ ท่องโลกโซเชี่ยลจนถึงเช้า

mainrengers3
"ผมตื่นสายทุกวันเลย ดังนั้นเลยต้องแอบย่องเข้าไปในสนามซ้อมทางด้านหลัง บางครั้งผมไปช้าเป็นชั่วโมงๆ จริงๆ ผมรู้ตัวนะผมพยายามพูดกับตัวเองว่า ‘เห้ย ไนล์ แกต้องหยุดโง่ซักที’ เพราะมันกำลังทำให้เราเจอแต่เรื่องแย่ๆ หลายคนบอกหลายคนเตือนแต่ผมไม่ฟัง ผมโดนปรับเงินบ่อยมาก สโมสรเอาเงินที่ปรับจากผมนี่แหละไปจัดงานปาร์ตี้คริสต์มาสของทีม ตอนแรกก็ดูเหมือนทีมจะชอบใจ แต่ในที่สุดประธานของทีมเดินมาบอกกับผมว่าถึงเวลาพอเเล้ว ซึ่งผมเองไม่สามารถเถียงอะไรได้เลย"

"เขาทิ้งท้ายด้วยการบอกกับผมว่า ‘คนอย่างผมมีจุดจบ 2 อย่าง คือไม่รวยสุดๆ ก็จนสุดๆ ไปเลย ไม่มีทางที่ผมจะมีชีวิตอย่างคนทั่วไป’"  

ณ ปัจจุบัน เรนเจอร์ ในวัย 27 ปี ไม่มีสโมสรอยู่ การทำผิดซ้ำซากทำให้คำพูดของเขาไม่มีน้ำหนักพอที่จะทำให้ใครเชื่อใจ ตอนนี้เขาไม่ตั้งเป้าอะไรใหญ่โตอีกเเล้ว เพราะสำหรับเวทีฟุตบอลอาชีพเวลาของเขาเหลือน้อยมาก

"ตอนนี้ผมอายุ 27 ปีเเล้ว เวลาของผมเหลืออีกไม่เยอะ มีหลายครั้งที่ผมจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบแต่ผมก็บอกตัวเองว่า ไม่ดีกว่ามันทำให้ผมเสียความสามารถ ... ผมรู้ผมทำได้ สิ่งนี้มันจะทำให้ผมได้รับโอกาส และผมเชื่อจริงๆ ว่าผมจะทำได้"  เรนเจอร์ กล่าวทิ้งท้าย

เรื่องราวของเขาทั้งหมดในเวลานี้ช่วยทำให้เรารู้ว่า บางครั้งการคว้าโอกาสได้อาจจะไม่มีค่าอะไรเลย หากคุณไม่รู้ซึ้งถึงคุณค่าของโอกาสนั้น และปล่อยมันไป

การ ‘เคยมี’ คือความรู้สึกที่เจ็บปวดยิ่งกว่าสิ่งใด ณ ตอนนี้ความฝันเล่นฟุตบอลในพรีเมียร์ลีกคงจบสิ้นลงเเล้วสำหรับเขา เอาเป็นว่าสิ่งเเรกที่เขาควรทำในตอนนี้คือการเลิกสูบบุหรี่ให้ได้ก่อน นี่คือเรื่องเล็กๆ ที่สำคัญ หากเขาทำได้ มันอาจจะกลายเป็นกำลังใจที่ทำให้เขากลับมาเอาจริงเอาจังกับชีวิตอีกสักครั้งก็เป็นได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook