มวยปล้ำนิ้วเท้า : กีฬาดังในหลืบโลก...ที่มีต้นกำเนิดจากแก๊งขี้เมา

มวยปล้ำนิ้วเท้า : กีฬาดังในหลืบโลก...ที่มีต้นกำเนิดจากแก๊งขี้เมา

มวยปล้ำนิ้วเท้า : กีฬาดังในหลืบโลก...ที่มีต้นกำเนิดจากแก๊งขี้เมา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คุณเคยเมาเเล้วคุยเรื่องไร้สาระในวงเหล้ากับเพื่อนหรือเปล่า? ... เราเชื่อว่าทุกคนเคยแน่นอน

เราอยากให้คุณหวนรำลึกถึงในช่วงเวลา ณ ตอนนั้น ไอเดียเปิดธุรกิจโน่นนี่นั่น, แข่งกันทำอะไรแปลกๆที่ชาวบ้านชาวช่องไม่ทำ หรือกระทั่งคุยถึงเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมากในชีวิตจริง

บทสนทนาเหล่านั้นมักจะถูกลืมไปทันทีหลังจากหมดฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ แต่ถ้าคุณคือ “คนจริง” แล้วล่ะก็ คุณจะเอาเรื่องบ้าๆสติแตกเหล่านั้นมาคิดและลงมือทำจริงๆ …. ซึ่งนี่แหละคือจุดกำเนิดของ มวยปล้ำนิ้วเท้า กีฬาสุดแปลกที่เริ่มจากกลุ่มคนขี้เมากลุ่มเล็กๆ ที่มีอุมการณ์ที่ยิ่งใหญ่



ความเมานำทาง

จุดเริ่มต้นของกีฬาบ้าๆบอๆแบบนี้เกิดจากคนเพียงกลุ่มเดียว นั่นคือกลุ่มเพื่อนพ้องในย่าน เยโอด์ รอยัลโอร์ค  4 หัวหอกแห่งกีฬาชนิดนี้คือ พืท ชีธแฮม, เอ็ดดี้ สแตนฟิลด์, พีท ดีน และ “มิค ดอว์สัน” (จำชื่อเขาให้ดี) 4 สมาชิกกลุ่มขี้เมาประจำซอยที่คุยกันในวงเหล้าถึงเรื่องกีฬา ซึ่งพวกเขารู้สึกเบื่อมากกับนักกีฬาจากสหราชณาจักรแข่งขันกับนักกีฬาจากประเทศอื่นแล้วไม่ค่อยประสบความสำเร็จหรือเป็นฝ่ายเอาชนะได้ แชมป์โลกทั้งมวย, กอล์ฟ เทนนิส หรือแม้กระทั่งฟุตบอล ไม่มีชนิดใดเลยที่ตัวแทนประเทศพวกเขาเป็นแชมป์

ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการกีฬาที่แสดงตัวตนของชาวบริติชขนานแท้ จากการขบคิดกันเป็นเวลากว่า 1 วันถ้วน พวกเขาก็ได้คิดค้นกีฬาออกมาได้ 3 ชนิด นั่นคือ "มวยปล้ำหู(!?)" "สงครามแห่งการดัน (Push of War)" และสุดท้ายคือ "มวยปล้ำนิ้วเท้า" จนสุดท้ายก็ตกผลึกออกมาเป็นการใช้นิ้วเท้าสู้กัน น่าจะเป็นกีฬาที่จับต้องได้มากที่สุด พวกเขาคิดค้น มวยปล้ำนิ้วเท้า ขึ้นมาเเละเชื่อว่าหากผลักดันกีฬาชนิดนี้เข้าสู่กีฬาโอลิมปิกส์ได้ก็คงไม่แคล้วที่นักกีฬาจาก “เกรท บริเตน” จะสามารถผงาดคว้าเหรียญทองได้แน่ๆ เผลอๆ คงอยากจะไปแข่งเองให้รู้เเล้วรู้รอดเลยด้วยซ้ำ

banddd7
กลุ่ม 4 สหายจอมยกซดเอาจริงเอาจังจากเรื่องนี้มากถึงขั้นจ้างนักเขียนของสำนักข่าวยอร์คเชียร์ อีฟนิ่งส์ ร่างกฎขึ้นมาแบบเป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งจริงๆแล้วนักเขียนคนนั้นที่ร่างกฎก็เป็นพ่อตาของ มิค ดอว์สัน หนึ่งในกลุ่ม 4 สหายนั่นแหละ

แม้จะคิดชนิดกีฬาได้ และมั่นใจว่าคือเบอร์ 1 แต่เอาเข้าใจจริงแค่นั้นมันไม่พอที่ทั่วโลกจะยอมรับ การยื่น มวยปล้ำนิ้วเท้าให้คณกรรมการโอลิมปิกสากลพิจารณา ผลออกมาก็คือ "ไม่ผ่าน (แน่ล่ะ)" แต่ถึงอย่างนั้นโลกเราก็มีคนแปลกๆ จำนวนไม่น้อยที่คลั่งไคล้อะไรไม่เหมือนกับคนอื่น  

"โอลิมปิก ไม่รับเราจัดเเข่งเองก็ได้วะ" เวนดี้ ลิฟวิงส์ตัน หนึ่งในเเกนนำ "มวยปล้ำนิ้วเท้า" และดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของวงการนี้ เริ่มประชาสัมพันธ์กีฬาดังกล่าว จากนั้นมันก็กลายเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจจากเหล่า "คนแปลก" ทั่วโลกให้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาดวลกันถึงอังกฤษในชื่อรายการ Toe Wrestling Championship ณ เมือง เบนทลี่ย์ บรู้ก อินน์ ในปี 1975 และเเชมป์ก็คือ มิค ดอว์สัน (...อีกเเล้วครับท่าน) เรียกได้การเเข่งปีแรกเขาคือ MVP ของจริงเป็นทั้งคนคิดค้น คนก่อตั้ง, คน(จ้าง) ร่างกฎ และ เป็นคนคว้าแชมป์ แต่ในปีต่อๆมาก็เริ่มมีเเชมป์เป็นชาวต่างชาติมากขึ้นตามความนิยมที่เพิ่มจำนวนผู้เข้าเเข่งขันมากขึ้นในทุกๆปี

การแข่งขันได้รับการสนใจจากสื่อทางประเทศเป็นอย่างมาก กลายเป็นว่ายิ่งเเข่งก็ยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีนี่ก็ผ่านมาเเล้วมากกว่า 40 ปีที่ศึก "นิ้ว ชน นิ้ว" อยู่เป็นโลกคู่ขนานกับ โอลิมปิกส์ ฤดูร้อน

banddd2
แข่งขันกันอย่างไร?

เราเชื่อว่าคุณเองก็คงอาจจะนึกภาพออกแหละว่าการเอานิ้วเท้ามางัดๆกันคือวิธีการแข่งขัน อย่างไรก็ตามเมื่อจ้างนักเขียนมาร่างกฎทั้งทีก็ต้องมีอะไรให้ยิบย่อยเสียหน่อย

กฎง่ายๆที่ไม่รู้จะจ้างคนร่างทำไมมีอยู่ว่าผู้เข้าแข่งขันต้องถอดรองเท้าก่อนเป็นอันดับแรก(ห๊ะ!) ขั้นตอนจากนั้นคือเท้าทุกข้างที่เข้าแข่งขันจะต้องได้รับการตรวจละเอียดจากพยาบาลก่อนเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากโรคติดต่อและเชื้อโรคต่างๆ

จากนั้นก็เอาเท้าสองข้างขึ้นมาวางบนเวทีที่ผู้จัดเตรียมไว้ให้ ก่อนจะเอาหัวนิ้วโป้งมากอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน หากนิ้วเท้าของฝ่ายใดถูกคู่ต่อสู้กดจนกระดิกไปไหนไม่ได้เป็นเวลา 3 วินาทีเท่ากับว่าจะเป็นฝ่ายแพ้ในทันที โดยการแข่งขันจะแบ่งเป็นทั้งหมด 3 ยก  ยกแรกเท้าขวา ยกที่สองเท้าซ้าย และหากเสมอกันก็จะตัดสินกันด้วยเท้าขวาเพื่อชี้ขาด โดยระหว่างแข่งนั้นเท้าที่ไม่ได้ใช้ต้องยกขึ้นมาจากพื้นด้วยเพื่อป้องกันการใช้แรงส่งจากเท้าอีกข้าง

banddd8
กระบี่มือหนึ่ง

ในการเเข่งขันชนิดนี้มียอดฝีมือผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาคว้าแชมป์หลายต่อหลายคน แต่ไม่มีใครจะเป็น "ราชาแห่งนิ้วเท้า" เท่ากับ อลัน แนช หนุ่มใหญ่ชาวอังกฤษที่เอาชนะและคว้าแชมป์โลกมาครองคนเดียวถึง 14 สมัย

แนช เป็นที่รู้จักในฐานะ "ไอ้จอมล่ำ" เรียกได้ว่าทุกส่วนของร่างกายของเขาถูกฝึกฝนมาอย่างดีจากการเข้าเวทเทรนนิ่ง แน่นอนรวมถึงนิ้วเท้าของเขาด้วย เขามีหัวแม่เท้าที่ใหญ่โตมโหฬารชนิดที่ว่าแค่เอาเท้าวางไว้บนเวทีแข่งขันแล้ว คู่แข่งก็แทบยอมแพ้ และถอนตัวจากการเเข่งขันเลยทีเดียว  

ชัยชนะครั้งแรกของเขาเกิดขึ้นในการเเข่งขันปี 1994 หลังจากนั้นเขาก็คว้าแชมป์รวดเดียวถึง 6 ปีซ้อน "ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก พวกคู่แข่งของผมนิ้วเท้าสั้นแถมยังนิ้วอ้วนด้วย แบบนี้ก็เสร็จผมง่ายๆ เพราะพวกพวกเขาหนีนิ้วยักษ์ของผมไม่ออกแน่นอน" นี่คือสิ่งที่เขากล่าวอย่างภูมิใจ

เขาไม่เคยหวงเคล็ดลับของชัยชนะที่ยากต่อการต้านทาน "เทคนิคของผมคือใครแหย่นิ้วเท้าเข้ามาผมจะกดให้ยับเลย เอาให้พวกเขารู้สึกเจ็บปวดจนหน้าบูดเบี้ยว ทุกคนจะโดนแบบนี้หมดไม่ว่าใครหน้าไหน"

ไม่มีสิ่งใดที่จะเก่งกาจได้หากไร้การฝึกฝน กลุ่มผู้จัดที่อยู่คู่กับรายการนี้มายาวนานก็ยอมรับว่าถึงแม้ แนช จะเป็นคนบ้า แต่เขาก็บ้าจนขีดสุด และบ้าจนเป็นแชมป์ สิ่งที่เขาเห็นจาก เเนช ในวัย 55 ปีเป็นประจำคือแชมป์คนนี้มักจะอยู่ว่างไม่ได้ เขาจะเอาเครื่องช่วยออกกำลังนิ้วเท้าที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง ออกมาพันที่หัวแม่เท้าทั้งสองข้างและดึงให้ยืดเข้ายืดออกเหมือนกับเหล่านักกีฬาระดับโลกเข้าเวทเทรนนิ่งเลยทีเดียว

banddd6
"แนสตี้ เเนช แชมป์ของเราคิดค้นอุปกรณ์บางชนิดขึ้นมา เขาเรียกมันว่า เครื่องออกกำลังกายนิ้วเท้า('toe exerciser') เพื่อทำให้นิ้วที่เเกร่งอยู่เเล้วเเกร่งขึ้นอีกหลายเท่า" เวนดี้ กล่าวถึงแชมป์ของเขา

ข้อมูลโฆษณาของทวิตเตอร์และความเป็นส่วนตัว
"คุณต้องเอาตัวเองให้นั่งติดพื้นตลอด มือก็ต้องเเตะพื้นด้วย ขาของคุณที่ไม่ได้ใช้ก็ต้องยกขึ้น" สิ่งที่ แนช บอกอาจจะดูเหมือนว่าง่ายๆ แต่การเเข่งขันมวยปล้ำนิ้วเท้านี้ทำให้เขาเจ็บตัวมากกว่าที่คิด ครั้งหนึ่งเขาเคยนิ้วเท้า 4 นิ้วหักพร้อมๆกันในรอบตัดเชือก ดูเหมือนว่าสถานการณ์นี้จะทำให้เขาแพ้ใช่ไหม? เปล่าเลย แนช ใช้หัวแม่เท้าเพียวๆส่งตัวเองจนกลายเป็นแชมป์ในที่สุด

"ตอนนั้นผมชนะรอบตัดเชือกเเล้วก็รีบสับเท้าออกจากการเเข่งขันเลย เห็นได้เลยว่านิ้วเท้าของผมหักบิดไปคนละด้าน แต่ผมไม่สนใจผมเอาเท้าแช่น้ำเเข็งเพื่อลดอาการปวดบวม หลังจากนั้นผมกลับไปเล่นรอบชิงชนะเลิศและคว้าแชมป์มาครอง" แนช เล่าถึงความหลังที่ฟังเเล้วเจ็บตาม

"หลังจากการเเข่งครั้งนั้นผมก็เข้าไปหาหมอที่โรงพยาบาล การรักษาตอนนั้น คือ การถอดขยับกระดูกออก จากนั้นจึงเอามาต่อกันใหม่ หนนั้นผมพักนานเลยล่ะทำเอาอดไปป้องกันเเชมป์ในปีต่อไปเลยทีเดียว"

นอกจากจะโหดดิบในกีฬาชนิดนี้แล้ว แนช ยังเป็นเจ้าของสถิติกินเนสส์บุ๊คใช้นิ้วเท้าหนีบไข่ไก่แตก 60 ฟองภายใน 1 นาที ซึ่งความสามารถนี้เคยถูกเชิญไปออกรายการ Britain's Got Talent ในปี 2009 อีกด้วย

banddd5
ปณิธานถูกสานต่อ

อลัน 'แนสตี้' แนช คือชาวอังกฤษเต็มตัวไม่มีเชื้อใดผสม ดังนั้นเมื่อเขาคือแชมป์ที่เก่งที่สุดในโลกย่อมทำให้ปณิธานของ 4 สหายขี้เมาที่คิดค้นกีฬา มวยปล้ำนิ้วเท้า เมื่อปี 1974 ภาคภูมิใจเพราะนี่คือกีฬาที่ชาวเกรท บริเตน คืออันดับหนึ่งที่ไม่มีใครสู้ได้ ตามที่พวกเขาหวังไว้ในวงเหล้า

ตัวของ แนช เองดูจะภูมิใจกับการทำหน้าที่ของเขาเป็นอย่างมากทุกครั้งที่ลงเเข่งขันเขาจะเอาธงของสหราชอณาจักรคลุมตัวด้วยเสมอ การภูมิใจในชาติกำเนิดและความเป็นชาว บริเตน ทำให้ถึงแม้เขาจะอายุ 55 ปี เเล้วเขาก็ยังไม่คิดจะวางมือ เหตุผลก็เพราะเขากลัวว่าจะโดนชาวต่างชาติจะมายึดความยิ่งใหญ่นี้นั่นเอง

"ผมมันเป็นพวกรักชาติ ผมอยากจะแน่ใจก่อนว่าถ้าผมเลิกแข่งขันมวยปล้ำนิ้วเท้าจะมีชาวอังกฤษเข้ามาสืบสานต่อ ต้องเป็นคนอังกฤษที่ชนะผมได้เท่านั้น"

"ตราบใดที่ยังไม่มีใครทำได้ผมไม่มีทางเลิกในปีนี้แน่นอน ดังนั้นปีหน้าเราคงต้องคอยดูกันว่าจะมีคนที่เจ๋งจริงๆมาเอาชนะผมได้หรือเปล่า....แต่ก็นั่นล่ะนะที่ผมสงสัย"  แนชทิ้งท้าย

ทุกเรื่องเล็กๆมีเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่เสมอ หากว่าวันหนึ่งคุณอยากจะสร้างชื่อว่าเป็นคนไทยที่ทำลายปณิธานของเหล่าขี้เมาทั้ง 4 ได้ล่ะก็จงเตรียมตัวให้พร้อมไว้เลย เพราะการเเข่งขันมวยปล้ำนิ้วเท้าจะเเข่งขันกันในช่วงเดือนสิงหาคมของทุกปี ณ ประเทศอังกฤษ  ส่วนเวทีที่ใช้แข่งขันคือ รอยัล โอ๊ก อินน์ บ้านเกิดของเหล่า 4 ขี้เมานั่นเอง ไปประกาศศักดากันหน่อยไหมล่ะชาวไทย?

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook