เก็บตกหลังเกม ! 6 เรื่องต้องรู้ เมื่อ ลิเวอร์พูล พลาดท่าพ่าย เชลซี คาบ้าน

เก็บตกหลังเกม ! 6 เรื่องต้องรู้ เมื่อ ลิเวอร์พูล พลาดท่าพ่าย เชลซี คาบ้าน

เก็บตกหลังเกม ! 6 เรื่องต้องรู้ เมื่อ ลิเวอร์พูล พลาดท่าพ่าย เชลซี คาบ้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม้ว่าจะได้เปรียบจากเสียงเชียร์ดังกระหึ่มของเจ้าถิ่นและประตูขึ้นนำสุดสวย แต่ ลิเอวร์พูล ก็ต้องหยุดสถิติชนะรวดไว้ที่นี่เมื่อพวกเขาโดนทีเด็ดของ เอเด็น อาซาร์ ซัดท้ายเกม กระเด็นตกรอบ คาราบาวคัพ ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไป

ในขณะที่ เชลซี ตบเท้าเข้ารอบตามหลังทีมลอนดอนใน พรีเมียร์ลีก ทีมอื่นอย่าง ฟูแลม, คริสตัล พาเลซ, อาร์เซนอล และ สเปอร์ส 

ไปดูกันว่ามีประเด็นอะไรเกิดขึ้นบ้างในเกม คาราบาวคัพ รอบ 3 ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ เชลซี 

6. เชลซี เกือบแพ้ภัยตัวเองPAUL ELLIS/GettyImages แม้ว่าจะเป็นฝ่าครองเกมได้ดีกว่าในครึ่งแรก แต่พวกเขากลับปล่อยให้ ลิเวอร์พูล ทำเกมสวนกลับน่ากลัว ๆ ได้หลายครั้ง โดยเฉพาะการพาบอลลุยขึ้นหน้าของ นาบี้ เกอิต้า และโอากสครอสของ ชากิรี ที่แม่นยำ ซึ่งต้องขอบคุณ เคฮิลล์, คริสเตนเซน และ กาบาเยโร ที่ทำได้ดี

แต่ครึ่งหลังพวกเขากลับทำได้แย่กว่าเดิมไปอีก เมื่อพวกเขาเริ่มจ่ายบอลเสียกันมากขึ้น เริ่มตั้งแต่นาทีแรกเลยที่ คริสเตนเซน ส่งบอลคืนหลังพลาดจนเกือบเสียประตู จากนั้น บาร์คลีย์ ก็โหม่งบอลคืนหลังเข้าทาง มาเน หลุดเข้าไปยิงในเขตโทษอีก ไหนจะการจ่ายบอลพลาดของ ก็องเต้ และการเสียบอลของ อาซาร์ กับ โมเสส อีก

โดยรวมแล้วพวกเขาโชคดีทีเดียวที่ ลิเวอร์พูล ใช้โอกาสเปลืองไปเอง และ กาบาเยโร สมควรจะได้เป็นแมนออฟเดอะแมตช์อีกคนนึงจากการเซฟ 3-4 ครั้งในเกมนี้

5. ลิเวอร์พูล ทีมสำรองสนิมจับPAUL ELLIS/GettyImages แม้ว่าแข้งสำรองที่ ลิเวอร์พูล ใช้วันนี้จะมีชื่อชั้นพอ ๆ กับทีมตัวหลัก แต่การไม่ค่อยได้ลงสนามของแข้งเหล่านั้นส่งผลต่อพวกเขาชัดเจน โดยเฉพาะการยืนเกมรับ

เกมในครึ่งแรกของพวกเขามีเพียง นาบี้ เกอิต้า และ ซิมง มินโญเลต์ ที่โดดเด่น นอกนั้นยังดูมีปัญหากันหมด โดยเฉพาะเกมตรงกลางที่คุมเกมไม่อยู่ในครึ่งแรก, การเซ็ตกับดักล้ำหน้าที่ไม่ค่อยได้ผลซึ่งทำให้พวกเขาต้องมาเสียประตูตีเสมอ และเกมรับของฟูแบ็คทั้งสองฝั่งที่เจอปัญหาตลอด และเป็นผลให้ทีมเสียประตูที่ 2 ให้ เอเด็น อาซาร์

ข้อดียังมีให้เห็นบ้างสำหรับเจ้าบ้าน เพราะอย่างน้อยพวกเขาก็เล่นเกมสวนกลับได้น่าตื่นตาตื่นใจ แต่เมื่อพิจารณาว่ามีแต่ เกอิต้า เท่านั้นที่ทำได้จากจังหวะสวนกลับทั้งหลายนั้น มันก็ชวนให้คิดอยู่ไม่น้อยว่าเมื่อถึงเวลาสำคัญของฤดูกาลที่แข้งสำรองเหล่านี้ต้องลงมาแทนตัวหลักแล้ว พวกเขาจะสานต่องานของทีมตัวหลักไหวหรือไม่

4. โมเสส กลับมาเป็นกองหน้าJan Kruger/GettyImages นับตั้งแต่ วิคเตอร์ โมเสส กลับมายัง เชลซี เขาแทบไม่เคยถูกจับไปเป็นกองหน้าเลยซักครั้ง โดยเฉพาะในยุคของ อันโตนิโอ คอนเต้ ที่เขาต้องลงไปเป็นวิงแบ็คและฟูลแบ็คในบางนัด และในเกมแรกของเขาภายใต้ เมาริซิโอ ซาร์รี เขาได้กลับมายืนในตำแหน่งปีกขวาอีกครั้ง

ฟอร์มของ โมเสส ค่อนข้างผสมกัน เพราะแม้ว่าเขาจะแทยทำเกมบุกไม่ได้ แต่ข้อดีของเขาคือเขาสามารถเก็บบอลไว้กับตัวได้, เรียกฟาวล์ได้ และบ่อยครั้งที่เขาลงมาช่วย อัซปิิกูเอต้า เล่นเกมรับ ซึ่งทำได้ดี

ดูเหมือนว่า โมเสส จะติดนิสัยเล่นเกมรับที่ เชลซี ไปแล้ว อละคงต้องใช้เวลาหน่อยกว่าเขาจะเรียกสัญชาตญานของกองหน้ากลับมาได้

หรือถ้าเขาจะเลือกเล่นเป็นกองหลังต่อไปก็คงไม่เลวนักนะ

3. สเตอร์ริดจ์ ไม่ธรรมดาJan Kruger/GettyImages นี่เป็นเกมที่ 3 แล้วที่ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ถูกส่งลงสนาม และเขาก็ยังสามารถทำประตูได้อีกครั้ง

สเอตร์ริดจ์ ลงมาเป็นตัวสำรองในเกมแรกของ พรีเมียร์ลีก กับ เวสต์แฮม และยิงประตูได้ทันที จากนั้นเขาได้โอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงครั้งแรกในเกมกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ใน ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก และทำประตูได้ทันทีเช่นกัน ส่วนในเกมนี้เป็นนัดแรกที่เขาได้อยู่ในสนามครบ 90 นาที และทำประตูได้อีกครั้งจากการจักรยานอากาศสุดสวย

ประตูดังกล่าวเกิดขึ้นในนาทีที่ 58 ของเกม เมื่อ ซาดิโอ มาเน ตัดบอลได้แล้วส่งให้ นาบี้ เกอิต้า ได้ยิงเต็มข้อ วิลลี กาบาเยโร พุ่งปัดไปได้ครั้งแรก แต่บอลมาเข้าทาง สเตอร์ริดจ์ ที่สัญชาตญานไว กระโดดจักรยานอากาศใส่ประตูโล่ง ๆ ไม่พลาด

จังหวะดังกล่าวถือเป็นการล้างอายในจังหวะก่อนหน้าได้เป็นอย่างดี หลังจากที่เขาตัดบอลจากการส่งคืนหลังของ คริสเตนเซน พลาดและแตะหลบ กาบาเยโร ไปแล้ว แต่ดันรีบร้อนไปหน่อยจนยิงออกข้างไปแบบไม่น่าเชื่อ

เขาเกือบยิงประตูสุดสวยอีกลูกด้วยการปั่นโค้ง ซึ่งทำได้ดีมากชนิดที่ กาบาเยโร ได้แต่ยืนมองแล้ว แต่บอลเช็ดคานออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

2. ฟาบินโญ เปิดตัวแจ่มJan Kruger/GettyImages ในที่สุดกองหลังสารพัดประโยชน์ของ ลิเวอร์พูล ก็ได้โอกาสเปิดตัวในฐานะตัวจริงกับเขาเสียที หลังอดทนนั่งสำรองมานาน และเขาก็ไม่ทำให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ ต้องผิดหวัง เมื่อสามารถยืนเกมกลางสนามอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยสกัดบอลสำเร็จ 4 ครั้ง และมีอัตราสำเร็จ 100% เต็ม

แม้ว่าทีมของเขาจะเป็นฝ่ายแพ้ แต่ ฟาบินโญ แสดงให้เห็นแล้วว่าการนั่งสำรองนาน ๆ ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา และนั่นทำให้ คล็อปป์ มั่นใจได้ว่าเขายังมีกองกลางเยี่ยม ๆ ให้เลือกใช้อยู่อีกคน


1. อาซาร์ กู้สถานการณ์Jan Kruger/GettyImages เชลซี เป็นฝ่ายทำได้เหนือกว่า ลิเวอร์พูล ในครึ่งแรก แต่หลังจากนกหวีดเริ่มเกมในครึ่งหลังดังขึ้น พวกเขากลับเสียกระบวนจนไม่สามารถตั้งเกมสู้กับ ลิเวอร์พูล ได้เลย และเสียประตูขึ้นนำในช่วง 10 นาทีแรก

ซาร์รี เห็นท่าไม่ได้และรีบส่ง เอเด็น อาซาร์ ลงมาทันที แม้ว่าช่วงแรก ๆ เขาจะไม่ค่อยมีบทบาทมากนักและทำพลาดอย่างการเสียบอล แต่เขาก็ค่อย ๆ ปรับตัวจนเข้าสู่เกมได้ และช่วยยิงประตูชัยให้กับทีมในนาทีที่ 84

นอกจากประตูสุดสวยดังกล่าวแล้ว เขาครองบอลได้ดีและกินพื้นที่ ลิเวอร์พูล ได้ด้วย ซึ่งเหยื่อของเขาส่วนใหญ่ก็เป็น จอร์ฉดน เฮนเดอร์สัน ซึ่งหัวเสียทุกครั้งที่ อาซาร์ ล้มลงต่อหน้าเขา

ถือเป็นโบนัสก้อนใหญ๋ของ เมาริซิโอ ซาร์รี ที่รั้งตัวปีกรายนี้ให้อยู่กับทีมได้

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook