ภารกิจคืนความสุขให้คนในชาติ

ภารกิจคืนความสุขให้คนในชาติ

ภารกิจคืนความสุขให้คนในชาติ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
การแข่งขันฟุตบอลโลก งวดเข้าไปทุกที เห็นหน้าค่าตากันไปแล้วสำหรับ 4 ว่าที่แชมป์โลก แน่นอนเจ้าภาพ บราซิล ยังสามารถตั้งความหวังจากการเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 6 ได้ แต่นั่นจะลบความบอบช้ำของคนในประเทศได้หรือไม่
หากยังจำกันได้ ก่อน ฟุตบอลโลก 2014 จะเปิดฉาก มวลมหาประชาแซมบ้า เดินหน้าก่อหวอดประท้วงไปทั่วทุกหัวระแหง ต่อรัฐบาลที่พยายามจัดทัวร์นาเมนต์ลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกด้วยงบ ประมาณมหาศาล ทั้งที่คนในประเทศยากจน ถึงขั้นไม่มีอันจะกิน คดีลักวิ่งชิงปล้นเกิดขึ้นวันละหลายสิบคดี ความเป็นอยู่หรือสาธารณูปโภคที่ดี เป็นสิ่งที่คนทั่วไปเอื้อมไม่ถึง หลายซอกหลืบของประเทศ ถูกความเป็นอยู่ระดับสลัมย้อมจนแทบมองไม่เห็นมุมอื่น แต่ผู้มีอำนาจปกครองประเทศก็ยังเอางบที่ควรมาจัดสรรปันส่วนบำรุงสังคม ไปจัดการแข่งขันที่ไม่มีทางทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ชาวบราซิลดีขึ้น 
 
 
ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนท์เจ้าภาพต้องพบอุปสรรคมากมาย
 
การประท้วง ยกระดับจากการเดินขบวน ไปสู่การก่อนจลาจล แม้รัฐบาลจะสามารถระงับทุกเหตุความรุนแรงเอาไว้ได้ แต่เรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชาติ ก็ยังไม่เห็น “สุข” อยู่ตรงหน้าอยู่ดี ไม่ใช่แค่ประชาชน แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐหลายคนก็ไม่พอใจเรื่องพวกนี้เช่นกัน เพราะมันส่งผลต่องานของตัวเองที่จะท่วมหัว แต่ค่าจ้างกลับต่ำเตี้ยเรี่ยดิน จนถึงขั้นประท้วงหยุดงานก็มีมาแล้ว นี่ยังไม่ได้รวมถึงการสร้างสนาม ที่เร่งมือสร้างด้วยแรงคนงานเยี่ยงทาส จนมีแรงงานเสียชีวิตไปหลายราย
 
แน่นอน การต่อต้านเพราะเป็นทุกข์ของประชาชนชาวบราซิล ไม่เป็นผล ฟุตบอลโลก 2014 ยังคงอุบัติขึ้นบนแดนกาแฟ พร้อมกับการที่ทีมชาติบ้านเกิดของพวกเขาจะลงเล่นในฐานะเต็ง 1 ของทัวร์นาเมนต์ ดังนั้นเมื่อหยุดให้เกิดไม่ได้ สิ่งต่อไปที่คนในประเทศจะทำต่อไปได้คือ สนุกและมีอารมณ์ร่วมไปกับมัน เอนจอยกับ ฟุตบอล กีฬาที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในประเทศต่อไป พร้อมกับซึมซับบรรยากาศแห่งชัยชนะจากทีมที่ตัวเองเชียร์ในการแข่งขัน 
 
 
สุดท้ายพอฟุตบอลโลกเริ่มขึ้นแฟนๆ แซมบ้าก็พร้อมจะสนับสนุนทีมของพวกเขา
 
ความสุขของการดูฟุตบอลของคนทั่วโลกจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทีมที่ตัวเอง เชียร์ได้รับชัยชนะ กับคนบราซิลก็ไม่ต่างกัน ถึงตรงนี้ ตรงที่ ฟุตบอลโลก ที่คนส่วนใหญ่ในประเทศไม่ต้องการมันเกิดขึ้น สิ่งเดียวที่จะเรียกรอยยิ้มเล็กๆ ให้เปื้อนไปถ้วนหน้ามวลมหาประชาแซมบ้า คือการเก็บชัยชนะได้ของทีมเจ้าภาพ ตอนนี้พลพรรค “เซเลเซา” ไม่ต่างจากทหารที่ออกรบในสมรภูมิ โดยมีความสงบกายสุขใจของคนในประเทศเป็นเดิมพัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เล็กจนสามารถแบกไว้บนบ่าของคนคนเดียวได้ ดังนั้น 23 นักเตะ กุนซือ และสต๊าฟฟ์โค้ชชุดนี้มีภารกิจร่วมกันคือการมอบความสุขเล็กๆ น้อยๆ กลับคืนสู่ประชาชนผู้ข้นแค้น และกำลังพยายามฉีกปากยิ้มทั้งที่กระเพาะกำลังส่งเสียงร้องเพราะไม่มีอะไร ยาไส้
 
ภารกิจยิ่งใหญ่นี้ทำให้พวกเขาต้องเสียสละอย่างยิ่งยวด นักเตะทุกคนพยายามเต็มที่เพื่อเก็บชนะในทุกนัดที่ลงทำการแข่งขัน แม้จะไม่ง่ายเหมือนที่หน้ากระดาษกะเก็งเอาไว้ก็ตาม ด้วยปัจจัยหลายอย่างทำให้พวกเขามาถึงรอบรองชนะเลิศได้แล้ว แต่นั่นก็ต้องแลกไปด้วยนักเตะตัวความหวังของคนทั้งชาติอย่าง เนย์มาร์ เสาหลักวัยเพียง 22 ปีที่พาเพื่อนพ้องน้องพี่ไปส่งไม่ถึงฝั่งฝัน เจ้าหนูใจแกร่งคนนี้เป็นความหวังของเพื่อนร่วมทีม เป็นความหวังคนทั้งประเทศ เป็นเจ้าของเสื้อหมายเลข 10 ที่เคยเป็นของตำนานอย่าง เปเล่, ซิโก้, กาก้า หรือ ริวัลโด้ มาแล้ว แต่กลับได้รับบาดเจ็บในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้าย ถึงขั้นกระดูกสันหลังร้าว ต้องพักยาวไปตลอดทัวร์นาเมนต์แบบไม่มีปาฏิหาริย์ใดๆ มายื้อทั้งสิ้น 
 
 
แม้จะเพิ่งเสียคุณปู่ไปแต่มาร์เซลโล่ก้ยังมีจิตใจที่แข็งแกร่งพอจะสู้ต่อ
 
อีกหนึ่งคนที่โดนมรสุมชีวิตเล่นงานคือ มาร์เซโล ที่คุณปู่อันเป็นที่รักเพิ่งด่วนจากไป และเจ้าตัวได้รับอนุญาตให้ออกจากแคมป์ซ้อมไปอยู่กับครอบครัวในช่วงที่น่าสลด ช่วงหนึ่งของชีวิต แต่เขาปฏิเสธ งานนี้เพื่อชาติ เพื่อรอยยิ้มและความสุขของชาวบราซิลต้องมาก่อน เรื่องส่วนตัวไว้ทีหลัง อยู่ในแคมป์ซ้อมหนักกับเพื่อนร่วมทีมต่อไป เพื่อที่อย่างน้อยปู่บนสวรรค์คงดีใจถ้าหลานชายหัวแก้วหัวแหวนคว้าแชมป์โลก แล้วทำให้คนทั้งประเทศจมอยู่กับความปีติยินดีได้
 
แน่นอนภารกิจสำคัญนี้หยุดไม่ได้ เพราะมีคนมากมายอยู่เบื้องหลังรอความสำเร็จ แม้ทีมจะไม่มี เนย์มาร์ แต่สิ่งที่ดาวเตะจากสโมสร บาร์เซโลน่า ทำได้ในตอนนี้คือปลุกใจแข้งอีก 22 คนที่เหลือเพื่อให้จับมือ รวมหัวจิตหัวใจให้เป็นดวงเดียว ก้าวผ่านเกมอันยากลำบาก และท้าทายอย่างการพบกับเยอรมันแชมป์โลก 3 สมัยไปให้ได้ แม้จะไม่ใช่งานง่ายแน่นอน เพราะนอกจากกองหน้าหมายเลข 10 คนนี้แล้ว “แซมบ้า” จะไม่มีกัปตันทีม ติอาโก้ ซิลวา เนื่องจากติดโทษแบนอีก ทีมชุดนี้พิกลพิการพอสมควร แต่นั่นจะเป็นความรู้สึกยิ่งใหญ่ ที่จุดไฟความมุ่งมั่นของทุกคนให้ลุกโชนได้หรือไม่ 
 
อีก เพียงแค่ 2 เกมเท่านั้น ชาวบราซิลที่เคยทนทุกทรมาน เจ็บปวด ยากจน ด่าทอ ไร้ที่พึ่งไปเพราะการดื้ออยากจัดศึก ฟุตบอลโลก ของรัฐบาล ก็จะฉีกปากยิ้มได้อย่างเต็มใจ เมื่อประเทศของพวกเขาคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 6 ได้ ภารกิจคืนความสุขอันใหญ่หลวง ขึ้นอยู่กับนักเตะทัพ “แซมบ้า” ทุกคนแล้ว
 
“มิสเตอร์ XL”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook