เก็บตกหลังเกม ! 5 เรื่องต้องรู้ หลัง อาร์เซนอล บุกคว้า 3 แต้มที่ คาร์ดิฟฟ์
อาร์เซนอล เดินหน้าคว้าชัยชนะเป็นเกมที่ 2 ติดต่อกัน หลังบุกไปชนะ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ทีมน้องใหม่ประจำฤดูกาลนี้ 3-2 แม้ว่าจะต้องรอประตูชัยช่วง 10 นาทีสุดท้ายก็ตาม
ผลจากนัดนี้ทำให้ อาร์เซนอล ขึ้นไปอยู่อันดับ 9 โดยมีแต้มเท่ากับ เลสเตอร์ ซิตี้ และ เอฟเวอร์ตัน แต่สกอร์ได้เสียยังน้อยกว่า 1 ลูก ส่วน คาร์ดิฟฟ์ ยังหาชัยชนะไม่เจอ มี 2 คะแนน อยู่อันดับ 16 ของตาราง
ไปดูกันว่าเกม พรีเมียร์ลีก คู่แรกของคืนวันอาทิตย์มีอะไรน่าสนใจเกิดขึ้นบ้าง
5. ท่าดีใจที่เสี่ยงต่อการโดนปรับ ช่วงฟุตบอลโลกที่รัสเซียเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีเหตุการณ์อื้อฉาวเหตุการณ์หนึ่งที่จุดประเด็นการโต้เถียงในวงการฟุตบอล นั่นก็คือการแสดงท่าดีใจที่มีพื้นฐานมาจากเรื่องของการเมือง ซึ่งเกิดขึ้นในเกมระหว่าง สวิตเซอร์แลนด์ กับ เซอร์เบีย
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นที่พูดถึงเมื่อ 2 ฮีโร่ทีมชาติ สวิตเซอร์แลนด์ ที่ทำประตูได้ในเกมนั้นอย่าง กรานิต ชาก้า และ เซรอ์ดาน ชาคิรี ดันมีเชื้อสาย โคโซโว-อัลแบเนีย ชนพื้นเมืองที่กำลังมีเรื่องพิพาทกับประเทศเซอร์เบียในขณะนั้น และทั้งคู่ก็ตัดสินใจที่จะแสดงสัญลักษณ์นกอินทรี 2 หัว สัญลักษณ์ของประเทศอัลแบเนียเป็นท่าดีใจเมื่อทำประตู เซอร์เบีย ได้ ทั้งคู่โดนปรับเป็นเงินก้อนหนึ่งและรอดจากการโดนแบน
กรานิต ชาก้า น่าจะจำฝังใจแล้วว่าท่าดีใจดังกล่าวเสี่ยงต่อการโดนลงทันฑ์ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเพื่อนร่วมทีม อาร์เซนอล ของเขาอย่าง ชโคดราน มุสตาฟี จะไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เพราะกองหลังชาวเยอรมันทำท่านกอินทรี 2 หัวขณะวิ่งเข้าไปดีใจกับ กรานิต ชาก้า ในเกมกับ คาร์ดิฟฟ์ เมื่อคืนนี้
อาร์เซนอล ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ กรานิต ชาก้า เปิดลูกเตะมุมให้ ชโคดราน มุสตาฟี โถมโขกเป็นประตู ซึ่ง มุสตาฟี ก็วิ่งเข้าไปหา ชาก้า ทันทีที่ทำประตูได้ พร้อมโชว์นกอินทรี 2 หัวใส่เพื่อนร่วมทีม ซึ่งแม้ว่า ชาก้า จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่กล้องจับภาพนกอินทรี 2 หัวของ มุสตาฟี ได้เต็ม ๆ งานนี้ไม่รู้ว่า มุสตาฟี จะโดนลงโทษหรือไม่ แล้วก็โชคดีที่ไม่มีนักเตะสายเลือดเซิร์บอยู่ในทีมทั้ง 2 ฝ่ายด้วย
4. ประตูแรกของ คาร์ดิฟฟ์ หลังจากผ่านไป 3 เกม ทีมน้องใหม่อย่าง คาร์ดิฟฟ์ ยังทำประตูคู่แข่งไม่ได้เลย แม้ว่าจะเก็บไปแล้ว 2 แต้มก็ตาม จากากรเสมอ 0-0 ทั้ง 2 นัดในเกมกับ นิวคาสเซิล และ ฮัดเดอร์สฟิลด์
ในเกมกับ อาร์เซนอล พวกเขาปลดล็อคประตูแรกสำเร็จในช่วงทดเวลาครึ่งแรกจากจังหวะที่ เดวิด ฮอยเล็ตต์ เปิดบอลเข้ากลางประตู บิคตอร์ กามาราซา ทำท่าจะขึ้นโหม่งบอลกอ่นเปลี่ยนใจปล่อยบอลตกพื้นซึ่งกลายเป็นการหลอก นาโช มอนเรอัล ที่เข้าพรวดไปในตัว กามาราซา เก้บบอลได้ก่อนจะยิงผ่าน ปีเตอร์ เช็ค เข้าไป
บิคตอร์ กามาราซา เพิ่งย้ายมาร่วมทีม คาร์ดิฟฟ์ ในตลาดซื้อขายนักเตะรอบที่ผ่านมาด้วยสัญญายืมตัวมาจาก เรอัล เบติส และกลายเป็นกำลังหลักให้ คาร์ดิฟฟ์ ได้ทันที
3. ปีเตอร์ เช็ค ยังต้องฝึกอีกเยอะ ผู้รักษาประตูสมัยใหม่แทบทุกคนน่าจะผ่านการฝึกใช้เท้าเล่นบอลมาอย่างหนัก แต่กับ ปีเตอร์ เช็ค ที่อายุปาเข้าไป 36 ปีแล้ว เรื่องนี้มันใหม่กับเขามาก และออกจะมากเกินไปด้วยซ้ำ
4 เกมแล้วที่เขาได้โอกาสเป็นตัวใจ และก็เป็นเกมที่ 4 ติดต่อกันที่เขายังใช้เท้าไม่คล่องอีกตามเคย เริ่มตั้งแต่โชว์เสียวด้วยการล็อคหลบนักเตะ คาร์ดิฟฟ์ ได้หวุดหวิดบริเวณเส้นหลัง หรือการจ่ายบอลสั้นที่ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้เพื่อนร่วมทีม และที่หนักสุดคือการจ่ายบอลไปเข้าเท้า่ายตรงข้ามถึง 2 ครั้ง
โชคดีที่เป็นนักเตะ คาร์ดิฟฟ์ ไม่ใช่นักเตะ แมนฯ ซิตี้ หรือ ลิวเวอร์พูล ไม่อย่างนั้น อาร์เซนอล อาจไม่มีแต้มกลับบ้านในเกมนี้
2. ลากาแซตต์ ควรได้ลงคู่กับ โอบาเมย็อง เรื่อย ๆ โอบาเมย็อง เคยออกมาขอร้อง อูไน เอเมรี ก่อนหน้านี้ว่า เขายินดีที่จะเล่นตำแหน่งอื่นที่ไม่ใช่หน้าเป้า ขอแค่ให้เขาได้ลงเล่นร่วมกับ อเล็กซองดร์ ลากาแซตต์ ในสนาม ซึ่งก็ต้องใช้เวลา 2-3 นัดกว่า เอเมรี จะยอมใจอ่อนให้พวกเขาลงเล่นด้วยกันในเกมนี้
การทำงานของทั้งคู่ในครึ่งแรกยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางกันเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่า อาณ์เซนอล เน้นการต่อบอลสั้นที่ทำให้หลาย ๆ จังหวะ บอลจะไปกองอยู่ตรงกลางเสียมากกว่า โอบาเมย็อง ที่ประจำการทางกราบซ้ายในวันรี้จึงแทบไม่ได้โอกาสเท่าไหร่
แต่เกมในครึ่งหลังคือสิ่งที่ทำให้เราเริ่มเห็นฤทธิ์เดชของทั้งคู่มากขึ้น โอบาเมย็อง มีความเร็วและสายตาแหลมคม ในขณะที่ ลากาแซตต์ ก็มีสัญชาตญาณดาวยิงอยู่เต็มเปี่ยม เหลือแค่การต่อบอลดี ๆ เท่านั้นก็น่าจะทำให้ทั้งคู่ถล่มประตุได้ไม่ยาก
ซึ่งประตูที่ 2 ของเกมนี้ก็ถือเป็นตัวอย่างชั้นเลิศ เริ่มจากการเก็บบอลโดย เมซุต เออซิล ตรงกลางสนาม การวิ่งทำทางของ ลากาแซตต์ และ โอบาเมย็อง ที่เข้าประจำตำแหน่งกันรวดเร็ว การออกบอลเข้าเป้าของ เออซิล ไหวพริบของ ลากกาแซตต์ และสุดท้ายก็จบด้วยความคมของ โอบาเมย็อง
หากทั้งคู่ได้ลงสนามร่วมกันจนปรับจูนกันติดละก็ อาร์เซนอล จะกลายเป็นทีมที่มีเกมรุกน่ากลัวขึ้นมาทีเดียว
1. เกมรับยังเป็นปัญหาสำหรับ อาร์เซนอล ขนาดเจอกับ คาร์ดิฟฟ์ ที่ยิงใครไม่ได้มา 3 นัดติดต่อกัน อาร์เซนอล ก็ยังอุตส่าห์เสียถึง 2 ประตูในเกมนี้ และเกือบจะเสียประตูที่ 3 ช่วงท้ายเกมด้วย หากไม่ใช่ว่า มอร์ริสัน โขกออกไปเอง
ปัญหาเกมรับของ อาร์เซนอล ในวันนี้มีอยู่ 2 ประการ อย่างแรกก็คือการยืนตำแหน่งที่ไม่ได้เรื่องของฟูลแบ็คทั้ง 2 ข้าง เอคตอร์ เบเยริน มีปัญหานี้มาตั้งแต่ฤดูกาลก่อน ๆ แล้ว และมันก็ยิ่งแย่ขึ้นกว่าเดิมในฤดูกาลนี้ การบุกทางฝั่งของเขแทบทุกครั้งจะจบด้วยการเปิดเข้าเขตโทษ อาร์เซนอล ได้เสมอ ส่วนฝั่งของ มอนเรอัล อาจทำได้ดีกว่าในเรื่องการบล็อคโอกาสเปิด แต่ มอนเรอัล ประกบตำแหน่งคู่แข่งได้แย่เอามาก ๆ เริ่มจากการเสียท่าให้ กามาราซา ในครึ่งแรก และการพลาดให้ แดนนี วอร์ด ในครึ่งหลังจบด้วยการเสียประตูทั้ง 2 ครั้ง ยังไม่นับการเข้าพรวดจนโดนใบเหลืองแบบไม่จำเป็นอีก
ประการที่ 2 ก็คือการยืนตำแหน่งของ โซคราติส และ ชาก้า ยามเล่นเกมรับ เป็นที่รู้กันดีว่า กรานิต ชาก้า เล่นเกมรับได้แย่เอามาก ๆ ตั้งแต่มาอยู่กับ อาร์เซนอล เขามักยืนตำแหน่งซ้อนกับเพื่อนร่วมทีมซึ่งไม่ช่วยให้เกมรับแน่นขึ้นแต่อย่างใด หนำซ้ำจะยิ่งไปเกะกะคนอื่นเอาเปล่า ๆ ส่วน โซคราติส ก็็มักจะยืนขาตายประจำตำแหน่งตัวเอง หากมีคนยืนซ้อนตำแหน่งเขา โซคราติส ก็จะไม่ย้ายไปไหน ยืนซ้อนตำแหน่งมันอยู่อย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่ย่าจะย้ายไปประกบตัวอื่นมากกว่า อย่างเช่น การที่เขาปล่อยให้ กามาราซา หลอก มอนเรอัล ง่าย ๆ ในจังหวะประตูแรก
หาก อาร์เซนอล และ อุไน เอเมรี ยังหวังที่จะกลับไปเล่น ยูฤา แชมเปี้ยนส์ลีก ในปีนี้ พวกเขาต้องเล่นเกมรับให้เนียนกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่าอย่างน้อย 3 ใน 4 คนคือกองหลังที่ดีที่สุดของทีมแล้ว