ม้ามืดตัวจริง

ม้ามืดตัวจริง

ม้ามืดตัวจริง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ลูกหนังโลก เรามีหลายคำถามที่พบบ่อย หนึ่งในคำถามที่มักจะได้ยินกันเสมอก็คือ "คุณคิดว่าใครเป็นม้ามืด" ซึ่งใน เวิลด์ คัพ 2014 นี้ ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า เบลเยี่ยม

เบลเยี่ยม ไม่ใช่ม้ามืดเอาเท่าไร ทำไปทำมา กลายเป็นว่าโดนคาดหวังในระดับหนึ่งเลย โทษฐานที่มีดาวดังเต็มทีมใน 11 ผู้เล่นตัวจริง ขาดไปอย่างเดียวก็คือกุนซือมือฉกาจที่จะบริหารนักเตะ เพราะ มาร์ค วิลม็อตส์ ทำให้เราเห็นในนัดแรกแล้วว่า กึ๋นยังไม่ถึง แต่นั่นก็เป็นเรื่องของเบลเยี่ยม

หลังผ่านทัวร์นาเมนต์ไป เกือบจะครบ 2 นัดแรกในทุกกลุ่ม หลายคนคงมองฟุตบอลโลกครั้งนี้ด้วยสายตาอีกแบบหนึ่ง เพราะเห็นแล้วว่าม้ามืดตัวจริงไม่ใช่ใครนอกจาก "กล้วยหอม" จอมซน คอสตา ริก้า! ที่ผ่านเข้ารอบไปเรียบร้อย แถมยังจะเป็นแชมป์กลุ่ม ดี กรุ๊ป ออฟ เดธ ที่มีอดีตแชมป์โลกทั้ง อิตาลี อังกฤษ และ อุรุกวัย พวกเขาทำให้คนทั้งโลกช็อกของจริง!!

ไบรอัน รุยซ์ รับรางวัลตอบแทนในฐานะโขกดับอิตาลี

จากนัดแรกที่เอาชนะ อุรุกวัย 3-1 ทุกคนคิดว่ามันคงเป็นแค่เรื่องพลิกล็อค เพราะทัพ "จอมโหด" ถือว่าไม่เปลี่ยนแปลงมากมายจาก 4 ปีก่อนที่ทะลุเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ แม้ ดิเอโก้ ฟอร์ลัน ร่วงโรยแต่ หลุยส์ ซัวเรซ ที่พีคขึ้นมาแจ๋วครบเครื่อง นัดที่ 2 ทุกคนก็คิดอีกว่า อิตาลี เพิ่งบดเอาชนะอังกฤษมาได้ สภาพจิตใจเยี่ยม ตบเพื่อนร่วมทวีปแล้ว ม้านอกสายตาน่าโดนเคี้ยวสบาย แต่เปล่าเลย "กล้วยหอม" ติดคอ "อัซซูรี่" เกือบตายด้วยสกอร์ 1-0  

และนี่คือ 5 สาเหตุที่ทำให้ คอสตา ริก้า เป็นม้ามืดตัวจริง

1. โจเอล แคมป์เบลล์


สื่อหลายสำนักชื่นชมการหาช่องว่างของ แคมป์เบลล์ ที่เป็นประโยชน์ต่อทีม

แฟนๆ อาร์เซน่อล น่าจะรู้จักเขาบ้างแล้ว เพราะเขาเป็นแข้งในสังกัด แต่ก็ยังไม่ได้โชว์ฝีเท้าจริงจัง เพราะไม่มี เวิร์ค เพอร์มิต โดนส่งตัวไปให้ ลอริยองต์ และ โอลิมเปียกอส ยืม แต่ตอนนี้ อาร์แซน เวนเกอร์ ประกาศแล้วว่า ซีซั่นหน้าเจอกัน

ด้วยวัย 21 ปีถือว่า แคมป์เบลล์ ทำได้ดี เขาสามารถเล่นตรงไหนก็ได้ในแผน 3 แนวรุก ซ้าย ขวา กลาง ไม่มีปัญหาเลย สปีดดี รู้จักวิ่งหาพื้นที่ ไม่ใช่แค่วิ่งเร็วแต่ไม่มีสมอง จ่ายบอลก็ได้ แถมยังเรียกฟาวล์จาก จอร์โจ้ คิเอลลินี่ แต่น่าเสียดาย กรรมการเป็นคนเดียวที่ไม่เห็น!

2. แนวรับมีวินัย


ทีม "กล้วยหอม" มองเห็นถึงความสำคัญของปีร์โล่สั่งตามประกบแบบไม่ปล่อย

นอกจาก โจเอล แคมป์เบลล์ คอสตา ริ้า มีคนที่เราคุ้นชื่อคือ ไบรอัน รุยซ์ ซึ่งเคยอยู่ ฟูแล่ม และ เคย์เลอร์ นาบาส มือกาวของ เลบานเต้ ซึ่งทั้ง ฟูแล่ม และ เลบานเต้ แม้จะอยู่ในลีกระดับท็อป แต่ก็ไม่ใช่ทีมดัง ไม่ได้ไป ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ในความธรรมดาก็มีสิ่งที่ดีคือ ไม่มีสตาร์ ไม่มีคนเด่นดัง และสามารถควบคุมทีมให้เล่นเป็นระบบได้

ด้วยระบบ 5-4-1 หลายคนอาจจะมองว่าบ้ามาก เพราะเล่นอุดอย่างนี้ จะหวังทำประตูคู่แข่งได้อย่างไร แต่ในฐานะทีมรอง เชื่อว่าทุกคนต้องคิดเหมือนกันว่า รอโอกาสสวนกลับโป้งเดียวจอดก็พอ แม้จะขัดใจคนทั้งโลกที่อยากเห็นเกมเอ็นเตอร์เทน แต่เราเห็นมานักต่อนักแล้วว่าหลายครั้ง แอนตี้ ฟุตบอล ก็ชนะ โมเดิร์น ฟุตบอล

3. โฆเซ่ หลุยส์ ปินโต้


การวางแท็คติกของปินโต้จะปรับไปในแต่ละเกม

กุนซือชาวโคลอมเบียรู้ดีว่า ต้องทำอย่างไร ก็เหมือนที่บอกไปในข้อที่แล้ว เขารู้ว่าการเป็นทีมรองต้องใจเย็น ปล่อยให้คู่แข่งเหนื่อยและท้อไปเอง โอกาสมีแค่ครั้งเดียว แต่ถ้าเป็นประตูที่ตัดสินเกมแล้วเก็บชัยได้ ทำไมจะไม่เอาล่ะ?

และเชื่อว่าจากแอ็คชั่นข้างสนาม ถ้าได้ชมเกมถ่ายทอดสด ก็น่าจะเห็นลีลาของกุนซือคนนี้ว่า รีแอ็คชั่นเพียบ เป็นกุนซือที่สนุกคนหนึ่งเลยทีเดียว และมีฝีมือเรื่องระบบ แท็คติก ไม่เลว

4. ไร้ความกดดัน


ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ไม่มีใครจับตามอง ทำให้พวกเขาเล่นได้อย่างไม่ต้องเกร็ง

ในฐานะม้านอกสายตาที่นอกสายตาจริงๆ ทันทีที่ผลการจับสลากแบ่งสายออกมา ทุกคนคิดเหมือนกันว่า นี่คือทีมแจกแต้ม (แต่ทุกอย่างสุดจะตรงกันข้าม) ดังนั้นต่อให้แพ้รวด พวกเขาก็ยังกลับบ้านแบบไม่เสียอะไร และภาคภูมิใจได้ว่า ครั้งหนึ่งเคยเจอกับยอดทีม

ทว่า เมื่อไม่มีอะไรต้องกดดัน ไม่ได้รับความคาดหวัง ไม่มีอะไรต้องแบก ไหล่ของพวกเขาเบากว่าอีก 3 ยักษ์ในกลุ่มเดียวกันมากมาย ส่วนพวกที่แบกความกดดันของทั้งชาติ (แถมยังได้รับการยกย่องเกินจริง) อย่างอังกฤษ ประเทศที่มวลประชาคลั่งไคล้เกมลูกหนังก็เป็นอย่างที่เห็นนั่นล่ะ

อิตาลี พวกเขาแค่หวังจะกู้ศรัทธากลับมาบ้าง หลังจากผิดหวังสุดขีดจาก 4 ปีที่แล้ว แต่หลังจากเข้าถึงชิงดำ ยูโร 2012 ถึงจะแพ้สเปนยับ แต่ก็ทำให้คนในชาติเริ่มหวังเล็กๆ น้อยๆ กันว่าจะเข้ารอบลึกๆ หน่อย ส่วนอุรุกวัย พวกเขามากับดีกรีแชมป์อเมริกาใต้ ฉะนั้น 3 พี่บิ๊กโดนความกดดันเล่นงานมากน้อยต่างกันไป

5. ได้เปรียบเรื่องสภาพอากาศ


สภาพอากาศร้อนแบบนี้ อิตาลี บอลขี้เกียจเสียเปรียบแน่ๆ

คอสตา ริก้า มาจากโซน คอนคาเคฟ ประเทศนี้อยู่อเมริกากลางค่อนมาทางล่าง ไม่ห่างเส้นศูนย์สูตรมาก เรื่องความร้อนพอๆ กับไทยเรา และระดับน้ำทะเลไม่มีผล พวกเขาชินกับอากาศแบบนี้อยู่แล้ว แถมการเดินทางจาก คอสตา ริก้า มาบราซิลก็ไม่ไกลมาก มีปานามากับโคลอมเบียคั่นไว้ 2 ประเทศ

เกม 2 กับอิตาลีที่ เรซิเฟ่ ระยะห่างจากเมืองนั้นไป คอสตา ริก้า วัดได้ 5,700 กิโลเมตร เรียกว่าเสมือนเล่นในบ้าน เช่นเดียวกันกับที่กองเชียร์โคลอมเบีย อาร์เจนติน่า และอุรุกวัยเดินทางมาบราซิลให้เพียบเพราะอาณาเขตติดกัน

สุดท้ายนี้ ถ้า คอสตา ริก้า ผ่านรอบแรกไปได้ในฐานะแชมป์กลุ่ม ดี จริง งานช้างรออยู่ โอกาสจะได้เจอ "ช้างดำ" ไอเวอรี่ โคสต์ ซึ่งน่าจะเป็นที่ 2 กลุ่ม ซี เป็นไปได้สูง และถ้ายังพิสูจน์ให้คนทั้งโลกเห็นว่าที่ผ่านมาไม่ใช่โชคช่วย ม้ามืดอาจกลายเป็นดาวจรัสแสงก็ได้

เนซึมิ หอยทะเลคุง

ติดตามข่าวบอลโลก 2014 โปรแกรมบอลโลก ผลบอลโลก ได้ที่
http://sport.sanook.com/worldcup

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook