เก็บตกหลังเกม! 5 ประเด็นต้องรู้ส่งท้ายพรีซีซั่นหงส์แดง
หงส์แดง ลิเวอร์พูล ทิ้งท้ายการเตะพรีซีซั่นไว้ได้อย่างน่าประทับใจ หลังทุบผู้มาเยือนจากอิตาลีอย่าง โตริโน 3-1 จากการทำประตูของ ฟีร์มิโน, ไวจ์นัลดุม และ สเตอร์ริดจ์ ในขณะที่ โตริโน ได้ประตูคืนลูกเดียวจาก อันเดรีย เบล็อตติ
ไปดูกันว่ามีอะไรที่น่าสนใจเกิดขึ้นบ้างในเกมนี้
5. การยืนตำแหน่งของสามประสาน สามประสานของ ลิเวอร์พูล นั้นพิสูจน์ตัวเองได้ในฤดูกาลที่แล้วว่าพวกเขานั้นคือของจริง แต่ คล็อปป์ ดูเหมือนจะไม่พอใจอยู่แค่นั้น เมื่อเขาลองเติมอะไรบางอย่างเข้าไปให้ ซาลาห์-ฟีร์มิโน-มาเน
การยืนตำแหน่งของพวกเขาไม่ต่างจากเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือพวกเขาขยับกันมากขึ้น ทั้งสามคนไม่ได้ยืนตำแหน่งตายตัวเหมือนเมื่อก่อน แต่วิ่งสลับตำแหน่งกันมากขึ้น ส่งผลให้เกมรุกของพวกเขาไหลลื่นขึ้นอย่างชัดเจน
สิ่งที่เห็นชัดอีกอย่างที่ตามมาก็คือการจับตายศูนย์หน้าของ ลิเวอร์พูล ทำได้ยากขึ้นมาก ๆ หลังสามตัวของ โตริโน ไม่สามารถหยุดการเคลื่อนที่ของ ซาลาห์, มาเน และ ฟีร์มิโน ได้เลย และบางครั้งตำแหน่งของพวกเขาก็เอื้อให้ 2 มิดฟิลด์อย่าง ไวจ์นัลดุม และ เกอิต้า สอดเข้าเขตโทษได้ด้วย เรียกได้ว่าน่ากลัวขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ
อย่างไรก็ตาม แผนนี้ยังพอมีจุดอ่อนอยู่บ้างนิดหน่อย นั่นก็คือการจ่ายบอลที่ยังไม่เนียนตานัก ทำให้หลาย ๆ ครั้งพวกเขาก็พลาดโอกาสดี ๆ ไปแบบน่าเสียดาย
4. บทบาทของ เกอิต้า นาบี้ เกอิต้า เคยถูกชมจาก เยอร์เก้น คล็อปป์ ว่าเขาเล่นได้หลายตำแหน่ง และในเกมวันนี้ หน้าที่ของ เกอิต้า ดูจะหลากหลายเสียเหลือเกิน
เริ่มตั้งแต่ออกสตาร์ท เขาไล่กวดบอลในแดน โตริโน แทบไม่หยุด บี้จังหวะคู่แข่งจนตั้งตัวไม่ติดในต้นครึ่งแรก เมื่อทีมได้บอล เขาจะคอยหาช่องวิ่งเขาเขตโทษเสมอ เมื่อทีมเล่นเกมรับ เขาก็จะลงต่ำไปช่วย โมเรโน และ ฟาบินโญ ดักบอลไม่ให้ไปถึงแดนสุดท้ายได้โดยง่าย
โดยรวม ๆ แล้วเขาก็ยังเป็นมิดฟิลด์แบบบ็อกซ์ทูบ็อกซ์นั่นแหละ แต่เพิ่มการกวดบอลให้มากขึ้นสมกับแรงที่เขามี แถมด้วยการวิ่งเติมเข้าเขตโทษยามที่ได้โอกาส หากเขายังรักษามาตรฐานแบบเกมนี้ได้ก็จะทำให้ ลิเวอร์พูล มีตนักเตะที่เล่นแบบนี้ได้ถึง 2 ราย (อีกคนคือ ไวจ์นัลดุม) และจะทำให้เกมรุกและรับของ ลิเวอร์พูล แข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างไม่ตองสงสัย
3. เทรนท์ ยังทำได้ดี นับเป็นก้าวกระโดดอย่างยิ่งสำหรับไอ้หนูวัย 19 ปีในฤดูกาลที่แล้ว หลังสามารถแทรกขึ้นทีมตัวจริงแบบงง ๆ ตั้งแต่ต้นซีซั่น ก่อนจะยึดตำแหน่งถาวรจนจบซีซั่น ได้เล่นนัดชิง แชมเปี้ยนส์ลีก และยังได้ไปเตะบอลโลกอีกด้วย หลาย ๆ คนกลัวว่าเขาจะรักษาฟอร์มได้แบบในฤดูกาลก่อนหรือไม่ แต่เกมในวันนี้น่าจะช่วยยืนยันได้ว่าเขาคือของจริงไม่ต้องสงสัย
แม้จะเป็นเกมกระชับมิตร แต่ เทรนท์ ยังวิ่งขึ้นลงในกราบขวาได้ดีเช่นเคย เขาเติมเกมได้ดี รู้จังหวะขึ้นเกมรุกให้ทีม และเกือบได้แอสซิสต์สวย ๆ ตั้งแต่นาทีที่ 7 ที่เขาเปิดบอลให้ ซาลาห์ ในเขตโทษได้ด้วย แต่ปีกอียิปต์จับบอลพลาดไปนิดเดียว นอกจากนั้นยังเกือบทำประตูได้ช่วงท้ายครึ่งแรก และปั่นหัว อเล็กซ์ เบเรนเกร์ ได้ตลอดเกม
นับเป็นการเสริมทีมที่ดีที่สุดคนนึงในดูกาลที่แล้วของ ลิเวอร์พูล เลยทีเดียว และปีนี้ เดอะค็อป ก็หวังว่าพวกเขาอาจได้เห็นดาวรุ่งแจ่ม ๆ อีกซักรายสองรายในทีมชุดใหญ่บ้าง อย่างเช่น เคอร์ติส โจนส์ ที่ก็ทำได้ดีในเกมนี้เหมือนกัน
2. โมเรโน ยังไม่น่าประทับใจ หลังจากเสียตำแหน่งตัวจริงไปในฤดูกาลที่แล้วเพราะอาการบาดเจ็บ อัลแบร์โต้ โมเรโน ยังทำงานหนักตลอดเวลาเพื่อโอกาสกลับมายึดตัวจริงคืนอีกครั้ง แต่ฟอร์มในวันนี้กลับไม่ช่วยอะไรเขามากนัก และอันที่จริงน่าจะยิ่งทำให้โอกาสของเขายิ่งห่างออกไปด้วยซ้ำ
โมเรโน ออกสตาร์ทเกมนี้ได้อย่างเชื่องช้า และแม้ทีมจะได้ทำเกมรุกด้านซ้ายบ่อยพอ ๆ กับด้านขวา แต่ โฒเรโน ไม่สามารถช่วยทำเกมได้อย่างที่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทำ เขาไม่เร็วเท่า เปิดบอลไม่โดดเด่นอะไร และเขาก็มีส่วนทำให้ทีมต้องเสียประตูตีไข่แตกด้วยในครึ่งแรก
ในขณะที่ โณเบิร์ตสัน ที่ลงมาในครึ่งหลังกลับมีส่วนร่วมกับเกมมากกว่าและเนียนตากว่า ทั้ง ๆ ที่เกมรุกของ ลิเวอร์พูลกลับดูแผ่วลงไปด้วยซ้ำ และเมื่อนึกถึงความไวของแบ็คซ้ายชาวสก็อตแลนด์ในเกมกับ ซิตี้ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว นั่นยิ่งทำให้ โมเรโน เตรียมโดนดองยาว ๆ ไปอีกฤดูกาลได้เลย
1. ฟาบินโญ พลาดจุดโทษ ลิเวอร์พูล ได้จุดโทษในนาทีที่ 16 ของเกม เมื่อ ซาดิโอ มาเน โดนทำฟาวล์ในเขตโทษ และแข้งตัวใหม่ของ ลิเวอร์พูล เป็นผู้รับหน้าที่สังหารในเกมนี้
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ ฟาบินโญ ได้ยิงจุดโทษก็คงเป็นเพราะว่าเขาทำสถิติอันยอดเยี่ยมไว้ที่ โมนาโก ก่อนมาที่นี่ โดยเขาทำสถิติยิงจุดโทษ 17 ครั้ง เข้าประตูทั้งหมด 17 ครั้ง หรือก็คือ 100% ไม่เคยพลาดนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม จุดโทษแรกของเขากับ ลิเวอร์พูล ก็พลาดจนได้ เมื่อเขายิงถากเสาด้านซ้ายออกไปแบบไม่มีลุ้น