หมู ต้องสลัดคราบ หมู

หมู ต้องสลัดคราบ หมู

หมู ต้องสลัดคราบ หมู
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จั่วหัวมาแบบนี้อย่าเพิ่งนึกว่า ผมพามาเดินตลาดยามเช้าหรือสอนวิธีในการเลือกซื้อ "หมู" ให้ได้คุณภาพนะครับ แต่หากเป็น "หมูรูน" ซึ่งจะเป็นพระเอกของผมในบทความวันนี้

เวย์น รูนี่ย์ เป็นดาวยิงที่มีรูปร่างท้วม และนั่นอาจจะเป็นที่มาของฉายาที่คนไทยให้นิยามกันว่า "หมูรูน"
 
ย้อนไปเมื่อประมาณปี 2002-2004 รูนี่ย์ เป็นดาวรุ่งที่ถูกจับตามองมากที่สุดในวงการฟุตบอลเกาะอังกฤษ หากใครยังจำกันได้ รูนี่ย์ ขณะนั้น 17 ปี เคยซัลโวระยะกว่า 30 หลา ใส่ อาร์เซน่อล พา "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ไล่ถล่มไป 3-0 พร้อมหยุดสถิติของทัพ "ปืนใหญ่" ที่ไม่แพ้ใครมา 30 เกม ได้สำเร็จ

หมูรูนฉายแววเก่งตั้งแต่นัดเจออาร์เซน่อลเมื่อปี 2002

ด้วยฟอร์มขณะนั้น ส่งผลให้ รูนี่ย์ ถูกเรียกมาติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ เป็นครั้งแรกด้วยวัย 17 ปี เกมอุ่นเครื่องกับทีมชาติออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2003 พร้อมทำสถิติเป็นผู้เล่นทีมชาติอังกฤษที่อายุน้อยที่สุดด้วย (แต่มาถูก ธีโอ วัลค็อตต์ ทำลายลงในปี 2006)
 
โดย "หมูรูน" มาโด่งดังเป็นพลุแตก เมื่อปี 2004 เขาถูก สเวน-โกรัน อีริคส์สัน กุนซือทีมชาติอังกฤษ ขณะนั้น หนีบตัวไปลุยศึก ยูโร 2004 ด้วย และ รูนี่ย์ ก็ตอบแทนความไว้วางใจ แบบเดินความคาดหมาย เขาซัลโวในรายการนี้ไปถึง 4 ประตู พา "สิงโตคำราม" เข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่สุดท้ายเจ้าตัวมาได้รับบาดเจ็บ และส่งผลให้ทีมบ้านเกิด ต้องหยุดอยู่แค่รอบนี้ หลังแพ้จุดโทษต่อ โปรตุเกส

เป็นปีที่รูนี่ย์พีคที่สุด แต่หลังกระดูกเท้าร้าวก็ปิดฉากยูโร 2004 ไปอย่างน่าเสียดาย

ด้วยสไตล์การเล่นแบบดุดัน กล้าหาญ และเต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ ในศึก ยูโร 2004 เรียกว่ากลบรัศมีดาวเด่นอย่าง ไมเคิ่ล โอเว่น ได้อย่างสนิท ทำให้ รูนี่ย์ กลายเป็นนักเตะเนื้อหอมทันที ในตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์
 
ก่อนจะเป็น "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าตัวไปร่วมทัพได้สำเร็จ ด้วยการทุ่มเงินสูงถึง 25.6 ล้านปอนด์ (ราว 1,400 ล้านบาท) เพื่อดึงตัวนักเตะวัย 18 ปี มาร่วมทัพ
 
ซึ่ง รูนี่ย์ ก็แจ้งเกิดสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นนักเตะระดับโลกได้อย่างเต็มตัวกับ "ปีศาจแดง" เขาสามารถครองแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ถึง 5 สมัย ( 2006–07, 2007–08, 2008–09, 2010–11, 2012–13), ลีก คัพ 2 สมัย (2005–06, 2009–10), ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย (2007-2008) และ แชมป์ สโมสรโลก อีก 1 สมัย (2008)
 
ยังไม่รวมเกียรติประวัติส่วนตัว ทั้งเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี,  ประตูยอดเยี่ยมแห่งซีซั่น และรางวัลอื่นๆอีกมากมาย เรียกได้ว่าบรรยายกันไม่หวัดไม่ไหว

ฟอร์มตกจนน่าใจหาย ขนาดไปถามแฟนผียังตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "กากหมู"

แต่แล้วสิ่งที่เขาเคยทำได้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ต้องมาดับสนิทลงทุกครั้ง เมื่อต้องพาทัพ "สิงโตคำราม" ลงเล่นในมหกรรมลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก อย่าง "เวิลด์ คัพ"
 
รูนี่ย์ ได้เล่น ฟุตบอลโลก ครั้งแรก เมื่อปี 2006 แต่แล้วผลงานก็ต้องดับสนิท หากใช้คำว่ามีฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่ ก็คงจะไม่เคอะเขินอะไร หากเทียบกับผลงานกับสโมสร เขาไม่สามารถทำประตูได้เลย ในรายการนี้ และ อังกฤษ ก็ต้องกระเด็นตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย
 
"เวิลด์ คัพ 2006" ครั้งนั้น ก็พอจะเข้าใจได้ว่า บางทีอาจเป็นผลพวงมาจากที่เจ้าตัว มีปัญหาบาดเจ็บกระดูกเท้าแตก ก่อนแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2 เดือน และต้องเร่งรักษาตัวเพื่อให้หายทันลงสนาม
 
แต่กระนั้น เมื่อถึงฟุตบอลโลก 2010 ที่ รูนี่ย์ พกดีกรีเป็นตัวความหวังของทัพ "สิงโตคำราม" ติดตัวมาด้วย เขายิ่งทำผลงานได้น่าผิดหวัง เขาทำประตูไม่ได้เช่นเดิม แถม อังกฤษ ยังผ่านเข้ารอบแบบเลือดตาแทบกระเด็น ก่อนจะไปโดน เยอรมัน ไล่ถลุง 4-1 ในรอบน็อคเอาท์ แม้จะมีจังปัญหาของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ก็ตาม
 
จนเรื่อยมาถึง ฟุตบอลโลก ครั้งล่าสุด 2014 ที่ประเทศบราซิล อังกฤษ มาพร้อมสายเลือดใหม่เกือบครึ่งทีม  จัดอยู่มาอยู่ใน 'กรุ๊ป ออฟ เดธ' ร่วมกับ อิตาลี, อุรุกวัย และ คอสตาริก้า ดังนั้นคงปฏิเสธไม่ได้ว่า รูนี่ย์ ผู้เป็นซีเนียร์ในทีมชาติ ต้องคอยประคองรุ่นน้องและเป็นตัวความหวังให้กับทีมชาติ
 
แต่แล้ว นัดที่ อังกฤษ ต้องแพ้ อิตาลี 1-2 หากไม่นับจังหวะที่ รูนี่ย์ แอสซิสต์ ให้ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ตามตีเสมอเป็น 1-1 เขาแทบทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้เลย

ถ้าเป็นช่วงท็อปฟอร์มลูกนี้ต้องเป็นประตูตีเสมออิตาลีแน่นอน

ใช่! หลายคนอาจจะพูดว่า ก็ รอย ฮ็อดจ์สัน (กุนซือทีมชาติอังกฤษ) จับ รูนี่ย์ ไปยืนปีกซ้าย ทำให้ประสิทธิภาพของ รูนี่ย์ ลดลงไปด้วย เพราะที่จริงแล้วนักเตะรายนี้ ต้องยืนเป็นหน้าเป้าคอยสลุตตาข่ายให้กับทีม หรือไม่ก็เป็นหน้าต่ำ เพราะน่าจะทำประโยชน์ให้กับทีมได้มากกว่า
 
แต่ในความรู้สึกของผมแล้ว ! ผมว่า รูนี่ย์ ต้องป่วนกองหลังคู่แข่งให้มากกว่านี้ ให้คู่แข่งคิดต้องคอยกังวลในการตามประกบทั้งเกม ซึ่งหากเจ้าตัว ได้เล่นหน้าเป้าหรือหน้ำต่ำจริงๆ ใครจะการันตีได้ว่า รูนี่ย์ จะยิงเป็นกอบเป็นกำ เพื่อพา อังกฤษ เก็บ 3 คะแนน เพื่อผ่านเข้ารอบ
 
ผมออกตัวขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าผมเกลียดอังกฤษนะครับ ผมเนี่ยเชียร์ อังกฤษ มาตั้งแต่จำความได้ ผมอยากให้พวกเขาประสบความสำเร็จ ในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆบ้าง !
 
ดังนั้นปัจจัยสำคัญคือ "หมูรูน" ต้องสลัดคำว่า "หมู" ออกไปเสียที ในศึก "เวิลด์ คัพ 2014" เพื่อโอกาสในการพาทีมชาติประสบความสำเร็จ อย่างน้อยขอสัก 1 ประตู และเป็นประตูชัยให้กับทีม
 
เกมที่จะพบกับ อุรุกวัย ในแมตช์ที่ 2 จะเป็นเกมที่เป็นชี้ตายของทั้ง "สิงโตคำราม" และ "จอมโหด" ใครแพ้โอกาสตกรอบสูงมาก ! ผมจึงหวังไว้ในใจว่า รูนี่ย์ กลับสู่ร่างเทพเหมือนที่ทำไว้กับ "ปีศาจแดง" ทีเถิด เพราะมันจะเป็นอีก 1 หนทาง ในการ อังกฤษ ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป เอาใจช่วยนะ จะรอใช้คำว่า "เทพรูน" อยู่
 

HaiiHowdy-


ติดตามข่าวบอลโลก 2014 โปรแกรมบอลโลก ผลบอลโลก ได้ที่
http://sport.sanook.com/worldcup

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook