5 เรื่องต้องรู้กับ "เอเธอริดจ์" ว่าที่นายทวารอาเซียนคนแรกในพรีเมียร์ลีก

5 เรื่องต้องรู้กับ "เอเธอริดจ์" ว่าที่นายทวารอาเซียนคนแรกในพรีเมียร์ลีก

5 เรื่องต้องรู้กับ "เอเธอริดจ์" ว่าที่นายทวารอาเซียนคนแรกในพรีเมียร์ลีก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไม่ได้เห็นกันบ่อย ๆ ที่นักเตะจากประเทศสมาชิกอาเซียนจะได้ไปโลดแล่นในลีกระดับท็อปของยุโรป

โดยในลาลี กา สเปน เรามีโอกาสได้เห็น ธีรศิลป์ แดงดา ของไทยเราไปค้าแข่งกับ อัลเมเรีย มาแล้ว คราวนี้จะเป็นของ ฟิลิปปินส์ กันบ้าง ที่จะได้ดูนายทวารมือ 1 ของพวกเขาใน พรีเมียร์ลีก

ก่อนที่ นีล เอเธอริดจ์ จะได้ทำสถิติดังกล่าวในเกมวันเสาร์นี้ เราไปทำความรู้จักกับเขากันหน่อยดีกว่า

5. ลูกครึ่งฟิลิปปินส์-อังกฤษPete Norton/GettyImages สาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักเตะจากภูมิภาคของเราไปเล่นในลีกระดับท็อปของยุโรปยากนั่นก็คือความห่างไกล เมื่อกางแผนที่โลกออกมาดูก็จะพบว่ามีแต่เพียงชาติสมาชิกในทะเลแปซิฟิกหรือทวีปออสเตรเลียเท่านั้นที่อยู่ไกลกว่าเรา ดังนั้นการที่นักเตะจากอาเซียนจะได้ไปเล่นในยุโรปจึงถือเป็นความท้าทายแบบสุด ๆ

แต่นั่นไม่ใช่กับ นีล เอเธอร์ริดจ์ นายทวารวัย 28 ปี เป็นลูกครึ่งฟิลิปปินส์-อังกฤษ โดยที่คุณพ่อของเขาเป็นชาวอังกฤษ ส่วนคุณแม่เป็นชาวฟิลิปปินส์แท้ ๆ มาจากจังหวัดตาร์ลัก ทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ เขาเกิดที่อังกฤษและนั่นทำให้เขาถือสัญชาติอังกฤษไปด้วย 

4. เด็กปั้นของ เชลซีMatthew Ashton - AMA/GettyImages เอเธอริดจ์ เริ่มต้นเล่นฟุตบอลตอนอายุ 9 ขวบ ก่อนจะได้รับโอกาสเข้าสู่สโมสร เชลซี ในฐานะเด็กฝึกหัดของทีมในอีก 4 ปีต่อมา ในตอนนั้นเขาเริ่มจากตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้า ก่อนจะย้ายไปเป็นผู้รักษาประตูในเวลาต่อมาตามคำแนะนำของโค้ชที่ เชลซี

"ใคร ๆ ก็อยากเล่นในตำแหน่งเอาท์ฟิลด์ทั้งนั้น" เขากล่าว "แต่คุณต้องเข้าใจด้วยว่าเราเล่นฟุตบอลไม่ได้หากทีมไม่ผู้รักษาประตู"

นีล เอเธอริดจ์ ยังอยู่ในทีมชุดเดียวกันกับ เจมส์ และ ฟิล ยังฮัสแบนด์ สองพี่น้องลูกครึ่งฟิลิปปินส์-อังกฤษซึ่งรายหลังได้โอกาสติดทีมสำรองของ เชลซี มาแล้ว และมีโอกาสเล่นด้วยกันอีกครั้งในทีมชาติ ฟิลิปปินส์

ในวัย 15 ปี เอเธอริดจ์ ไปไกลถึงขนาดถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษชุดอายุไม่เกิน 16 ปีด้วย และได้โอกาสลงเล่น 1 นัดในเดือนพฤศจิกายน 2005

3. เคยลงเล่นในเกมยุโรปมาแล้วJulian Finney/GettyImages เอเธอริดจ์ ย้ายจากอคาเดมีของ เชลซี ไปอยู่กับ ฟูแลม ในปี 2006 และเซ็นสัญญาอาชีพ 2 ปีถัดมากับทีมในลอนดอนซึ่งยังอยู่บน พรีเมียร์ลีก ในขณะนั้น เขาเริ่มลงเล่นให้กับทีมสำรอง ก่อนจะถูกปล่อยยืมตัวอีกนับไม่ถ้วนกับทีมลีกรองอย่าง ชาร์ลตัน และ บริสตอล โรเวอร์ส

ตลอด 6 ปีกับ ฟูแลม เขาไม่เคยได้สัมผัสกับเกม พรีเมียร์ลีก เลยแม้แต่นัดเดียว โดยโชคดีที่สุดก็แค่นั่งในม้านั่งสำรองเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้น เขากลับได้ลงเล่น 1 นัดในเกม ยูโรป้าลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเค ในฤดูกาล 2011/12

ซึ่งเขาเสียประตูตีเสมอให้ โอเดนเซ ในช่วงทดเจ็บครึ่งหลัง ส่งผลให้ ฟูแลม กระเด็นตกรอบอย่างน่าเสียดาย (หาก ฟูแลม ชนะ พวกเขาจะเข้ารอบน็อคเอาท์ในปีนั้น)

2. มือ 1 ทีมชาติSTR/GettyImages แม้จะเคยเป็นผู้รักษาประตูให้กับทีมเยาวชนอังกฤษมาแล้ว แต่เมื่อเวลาที่เขาจะติดทีมชุดใหญ่มาถึง เขาก็เลือกที่จะเล่นให้ทีมบ้านเกิดของผู้เป็นแม่

ฟิลิปปินส์ ใช้เวลาตามตื๊อ เอเธอริดจ์ อยู่ถึง 2 ปีกว่าเขาจะตอบตกลง ตอนที่ เอเธอริดจ์ อายุ 17 ปี เขาปฏิเสธที่จะไปเล่นให้ทีม ฟิลิปปินส์ ด้วยปัญหาทางภาษาและการไม่คุ้นเคยกับผู้เล่นของ ฟิลิปปินส์ แต่ในปีถัดมา เขาก็เปลี่ยนใจ

"พวกเขาถามผมอีกครั้งในซีซั่นนี้ คราวนี้พวกเขามีผู้จัดการทีมคนใหม่ ประธานคนใหม่ และผมก็รู้จักนักเตะบางคนในชุดนี้อยู่แล้วด้วย"

ซึ่งนักเตะเหล่านั้นก็คือเหล่าลูกครึ่งฟิลิปปินส์-อังกฤษที่มีโอกาสเล่นฟุตบอลอยู่ในอังกฤษกับ เอเธอริดจ์ นั่นเอง และหนึ่งในนั้นก็คือ ฟิล ยังฮัสแบนด์ เพื่อนร่วมทีมที่ เชลซี

เอเธอริดจ์ ติดทีมชาต ฟิลิปปินสื ไปแล้วกว่า 57 นัด และล่าสุดก็เพิ่งจะลงเล่นในเกม เอเอฟซี เอเชียนคัพ รอบคัดเลือก ซึ่ง ฟิลิปปินส์ เป็นฝ่ายเอาชนะ ทาจิกิสถาน 2-1 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้พวกเขาเข้ารอบเป็นที่หนึ่งของกลุ่มเอฟ และถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกับ เกาหลีใต้, จีน และ คีร์กีซ ใน เอเชี่ยนคัพ 2019 กลุ่มซี ที่จะเริ่มเตะกันต้นปีหน้า

1. เกือบไม่ได้มาอยู่ตรงจุดนี้Justin Setterfield/GettyImages นีล เอเธอริดจ์ มีชีวิตที่ไม่ต่างจากนักฟุตบอลโนเนมคนอื่น ๆ เท่าไหร่ และก่อนที่จะมาอยู่จนถึงตรงนี้ได้ เขาเกือบจะต้องอำลาประเทสนี้ไปแบบถาวรแล้ว

หลังจบฤดูกาล 2013/14 เขาถูกปล่อยออกจากทีม ฟูแลม ด้วยวัย 24 ปี เขาตกงานอยู่ 5 เดือน ก่อนที่ โอลด์แฮม จะเซ็นเขาไปร่วมทีมในฐานะนายประตูสำรองตอนปลายเดือนตุลาคม และนั่นเป็นเหมือนระฆังที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้

"ผมขายบ้านขายรถไปหมดแล้วตอนนั้น และอีกแค่สัปดาห์เดียวก็คงจะกลับไปฟิลิปินส์แล้ว" เอเธอริดจ์ กล่าว "ผมได้รับสัญญาจาก โอลด์แฮม ให้ไปเป็นผู้รักษาประตูสำรอง ตอนนั้นผมต้องนอนบนโซฟาที่ห้องเพื่อน แล้ว ชาร์ลตัน ค่อยเอาผมไปอยู่ด้วยในเดือน มกราคม"

"ตอนที่ผมเป็นนักเตะฝึกหัด ผมต้องนั่งเป็นตัวสำรองในเกม ยูโรป้าลีก และ พรีเมียร์ลีก ผมไม่คิดว่าผมจะได้รับโอกาสแบบนี้เสียแล้ว"

เอธอร์ริดจ์ ย้ายเข้ามาเป็นนายทวารมือหนึ่งให้กับ คาร์ดิฟฟ์ ในฤดูกาลล่าสุด และเจ้าตัวไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวนานเลย เมื่อลงเล่นให้ คาร์ดิฟฟ์ ไป 45 จาก 46 นัด และช่วยให้ทีมคว้ารองแชมป์ เลื่อนชั้นสู่ พรีเมียร์ลีก สำเร็จอีกครั้ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook