เก็บตกหลังเกม ! 5 ประเด็นที่คุณควรรู้ในเกม คอมมิวนิตี้ชิลด์
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นทีมแชมป์ พรีเมียร์ลีก ทีมแรกในรอบ 5 ปีที่สามารถเอาชนะทีมแชมป์ เอฟเอคัพ ในเกม คอมมิวนิตี้ชิลด์ หลังได้ 2 ประตูจาก เซร์คิโอ อเกวโณ พาทีมคว้าชัยเหนือ เชลซี ในเกมนี้
ไปดูกันว่ามีประเด็นอะไรที่น่าสนใจเกิดขึ้นบ้างในเกมนี้
5. ประตูที่ 200 ของ อเกวโร แมนฯ ซิตี้ นับตั้งแต่ย้ายเข้ามาในฤดูกาล 2011/12 เซร์คิโอ อเกวโร สถาปนาตัวเองให้กลายเป็นหนึ่งในกองหน้าที่อันตรายของ พรีเมียร์ลีก ไปแล้วเรียบร้อย และจนถึงตอนนี้ เขาก็กลายเป็นนักเตะ แมนฯ ซิตี้ คนแรกที่ทำได้ถึง 200 ประตูไปแล้ว
กุน เพิ่งจะทำลายสถิติเป็นนักเตะของ แมนฯ ซิตี้ ที่ทำประตูให้ทีมมากที่สุดในทุกรายการไปเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แซงสถิติเก่าของ เอริค บรูคส์ ที่ 177 ประตู และในตอนนี้เขาก็ยิงเพิ่มเป็นประตูที่ 200 สำเร็จก่อนฤดูกาลใหม่จะเริ่มขึ้น
กุน ยังเป็นนักเตะของ แมนฯ ซิตี้ ที่ยิงได้เยอะที่สุดใน แชมเปี้ยนส์ลีก ที่ 29 ประตู ยิงมากที่สุดในเกมยุโรปทุกรายการที่ 33 ประตู และน่าจะเหลืออีก 2 รายการที่เขาตามล่าอยู่ในตอนนี้ นั่นก็คือดาวยิงสูงสุดของ แมนฯ ซิตี้ ในเกม เอฟเอคัพ ซึ่งเขาตามสถิติสูงสุดของ เฟร็ด ทิลสัน อยู่ 6 ประตู และดาวซัลโวบนลีกสูงสุดอังกฤษ ซึ่งตามหลังสถิติของ เอริค บรูคส์ กับ ทอมมี จอห์นสัน อีก 15 ลูกเท่านั้น
4. ริยาด มาห์เรซ จะช่วยเติมความสดในแนวรุกของ ซิตี้ ได้แน่ เป็นเรื่องธรรมชาติที่ทีมที่ได้แชมป์มาในฤดูกาลที่แล้วมักจะผ่อนคันเร่งในปีถัดมา โดยเฉพาะพวกดาวรุ่งทั้งหลายที่ไม่มีประสบการณ์ ยิ่งถ้าแพ้ในเกมแรก ๆ จะยิ่งมีผลต่อความมั่นใจอยู่มากที่เดียว และแนวรุกของ ซิตี้ ส่วนใหญ่ก็อยู่ในข่ายนั้นเสียด้วย
นั่นทำให้ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ถึงกับต้องออกมาพูดล่วงหน้าเลยว่าเขายังอยากได้แชมป์ แต่ไม่รู้เด็ก ๆ ของพวกเขาจะยังอยากได้มั้ย อย่างไรก็ตาม การดึงตัว มาห์เรซ เข้ามาในช่วงเวลานี้ถือว่าเป็นอะไรที่ประจวบเหมาะที่สุดกับ ซิตี้ เพราะ มาห์เรซ นั้นร้างถ้วย พรีเมียร์ลีก มา 2 ปีแล้ว และนี่ยังเป็นฤดูกาลแรกที่เขาได้ลงเล่นให้ ซิตี้ จึงทำให้เขาต้องใส่สุดแม็กในทุก ๆ นัดเสมอ
ในเกมนี้ยังพอเห็นอยู่ว่าเขาไม่ได้จัดเต็มเท่าไหร่ แต่แค่นี้ก็พอจะรู้แล้วว่าเขายังอันตรายเหมือนทุก ๆ ฤดูกาลที่่านมา ความเร็วของเขานั้นล้นเหลือ โดยเฉพาะการตัดเข้าในที่ทำได้อันตรายสุด ๆ และที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเขาแล้วว่าจะทำให้ เป๊ป พอใจได้หรือไม่
3. ฮัดสัน-โอดอย ควรได้โอกาสใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล นี้ เชลซี รู้อยู่แล้วว่าไอ้หนูนี่มีของ แต่จากเกมพรีซีซั่นที่ผ่านมาทั้ง 3 นัดและฟอร์มในเกมนี้ก็ควรทำให้เขาได้โอกาสลงอย่างต่อเนื่องในฐานะนักเตะชุดใหญ่ได้แล้ว
ฮัดสัน-โอดอย เป็นคนที่ทำได้ดีที่สุดในทีมเกมรุกของ เชลซี ในครึ่งแรก เขาทำเกมรุกด้านซ้ายได้น่ากลัว จับบอลได้ดี และมีความเร็วที่ปั่นหัวคู่แข่งได้ 2-3 ครั้งที่ ไคล์ วอล์กเกอร์ โดนเขาแตะหนีดื้อ ๆ และยังเป็นโชคดีของ ซิตี้ ที่ยังไม่เสียประตูให้ ฮัดสัน-โอดอย ในครึ่งแรก และเมื่อเขาถูกเปลี่ยนออกไป เกมรุกด้านซ้ายของ เชลซี ก็ตื้อไปเลย
2. เชลซี ยังไม่รู้ใจกันเท่าไหร่ จริง ๆ แล้ว เชลซี ทำเกมได้น่ากลัวอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่จังหวะสุดท้ายพวกเขากลับทำได้ไม่ดีพอ ไม่ว่าจะเกมรุกหรือเกมรับ
พวกเขาเสียประตูจากจังหวะผิดพลาดกันกลางสนาม ในขณะที่การสวนกลับที่น่าจะทำได้ดีหลาย ๆ ครั้งก็ดันจ่ายไม่แม่น การจ่ายทะลุช่องแทบไม่มีให้เห็นแบบฝั่งของ ซิตี้ เลย ส่วนเกมรับก็ให้สัญญาณกันไม่ดีทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ได้แปลกหน้าอะไรกัน เช็คล้ำหน้าพลาดบ่อย โดยเฉพาะ ดาวิด หลุยส์ กับ รือดิเกอร์ ที่เล่นเหมือนไม่เคยคุยกันมาก่อน
หากพวกเขาหวังจะกลับไปลุ้นท็อปโฟร์ในปีนี้ อย่างน้อยพวกเขาต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อน ไม่ใช่แค่เก็บ อาซาร์ กับ กูร์ตัวส์ ไว้ได้แล้วจะช่วยให้ทีมดีขึ้นทันตาแต่อย่างใด
1. บราโบ ยังยากที่จะแทรก เอแดร์ซอน เป็นตัวจริง แม้ว่านายทวารชาวชิลีจะได้โอกาสออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมนี้ แต่เขาก็ยังไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นได้เท่าที่ควร และนั่นทำให้ เอแดร์ซอน จะได้มือ 1 ของทีมต่อไปแบบไม่ต้องโ๙ว์ออฟเลยในพรีซีซั่น
แม้การยืนตำแหน่งของเขาจะทำได้ดีมาก ๆ แต่ บราโบ ตัดสินใจในหลาย ๆ จังหวะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ การจ่ายบอลกับเพื่อนกองหลังยามโดนกดดันหลาย ๆ ครั้งชวนให้แฟนบอล แมนฯ ซิตี้ หัวใจจะวายทุกครั้ง แถมท้ายครึ่งแรกยังปล่อยบอลข้ามหัวจนเกือบจะเสียประตูอยู่แล้ว