คืนผีหอนบ๊อคซิ่งเดย์
ฟุตบอล : ค่ำคืนที่ดุเดือดของเกม บ๊อคซิ่ง เดย์ ได้ผ่านพ้นไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยนะครับ
หลากหลายเรื่องราว , หลากหลายความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ทั้งหมดล้วนมาพร้อมกับเครื่องหมายคำถามที่น่าสนใจว่า.....อะไรจะเกิดขึ้นอีกหลังจากนี้ ดราม่าของ พรีเมียร์ลีก ประจำฤดูกาล 2013-2014 จะปิดฉากลงแบบไหน ?
ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงขีดไฮไลท์สำคัญไปที่คู่บิ๊กแมตช์ระหว่าง แมนฯ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล แต่ในเมื่อมันดูจะเป็นเกมที่ถูกพูดถึงเยอะแล้ว ฉะนั้น ผมจะขอเลือกไปพูดถึงเหตุการณ์ช่วงหัวค่ำของวันพฤหัสบดีที่ เคซี สเตเดี้ยม ดีกว่า!
เมื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จัดการเดินหน้าเก็บชัยชนะนัดที่ 5 ด้วยการเชือด ฮัลล์ ซิตี้ ไป 3-2 แบบใจหายใจคว่ำ แต่มันคือ 3 แต้มที่ทำให้พวกเขาค่อยๆ ขยับตัวเองขึ้นไปอยู่ในจุดที่พวดเขาควรจะอยู่อีกครั้งหนึ่ง
กระแสตอบรับหลังจบเกมมีค่อนข้างหลากหลายนะครับ แต่ที่สิ่งที่เรียกความสนใจจากผมมากที่สุดก็คือเสียงกระแนะกระแหนจากแฟนบอลทั้งของ "ปีศาจแดง" และทีมอื่นๆ นั่นก็คือประเด็นที่ว่า....แมนฯ ยู ยังคงเล่นไม่น่าประทับใจ
เรียกว่าถึงชนะ....แต่ก็ยังไม่สมราคาอดีตทีมผู้ยิ่งใหญ่ดีกรีเจ้าของแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษ หลายๆ คนว่าไว้อย่างนั้น
การโดนทีมท้ายตารางนำก่อนถึง 2-0 ก่อนที่จะมาตีเสมอ พร้อมยิงแซงไปได้ 3-2 แต่ก็ต้องมาโดนพับสนามบุกเป็นพายุในช่วงท้ายๆ ของเกมการแข่งขัน.....บ้างก็บอกว่าทีมระดับศักดินาอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ควรจะเหนื่อยขนาดนี้ในการเจอกับทีมอย่าง ฮัลล์ ซิตี้
ประตูเซพชีวิตของยูไนเต็ด
หากกล่าวในสไตล์ โน๊ต อุดม ผมอาจต้องพูดประโยคในทำนองว่า....ก็ไม่รู้ซินะ! เกมล่าสุดของ แมนฯ ยู ทำให้ผมนึกถึง แมนฯ ยู ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ทำไมอย่างนั้นอ่ะ ฮ๊ะ! Slur ได้กล่าวเอาไว้ด้วยความฉงนสงสัยในประโยคถัดมา
คำตอบของผมนั้นไม่ยากครับ....เพราะลายเซ็นของ แมนฯ ยู ในยุค "เฟอร์กี้" นั้นเป็นอะไรที่ชัดเจนมาก....ใจสู้ , ชนะในเกมที่เล่นดี เช่นเดียวกับจัดช่องน้อยแต่พอตัว เอาตัวรอดได้ในเกมที่อาจจะเล่นได้แย่
ทีมของ เดวิด มอยส์ เมื่อคืนวันพฤหัส อาจไม่ได้เป็นแบบที่ว่านี้เป๊ะ แต่มันก็มีคาแร็คเตอร์ที่น่าสนใจอะไรบางอย่างซ่อนอยู่
ความพิเศษของผีแดงต่อให้ไม่ชอบขี้หน้ามอยส์ยังไง หรือมีกระแสแอนตี้แค่ไหน
แต่ฟอร์มของแมนฯยูฯดูยังไงพวกเขาก็ไม่เล่นไล่โค้ช
ผมไม่เคยสงสัยในสปิริตของ แมนฯ ยู ในยุคของ มอยส์ นะครับ....แม้กระทั่งในช่วงเวลาอันแสนยากลำบาก ผมก็เชื่อเสมอว่าทีมชุดนี้ยังไม่มีท่าทีเล่นบอลเพื่อล้มโค้ช ถึงตอนนี้หลายๆ คนเริ่มพอที่จะคาดเดา 11 ผู้เล่นตัวจริงของ แมนฯ ยู ได้บ้างแล้ว ซึ่งนับเป็นนิมิตหมายที่ดีเอามากๆ
เพราะมันหมายความว่า มอยส์ เริ่มจะมี 11 ผู้เล่นตัวหลักที่ชัดเจน
โกล์ยืนพื้นที่ ดาบิด เด เคอา แนวรับมีตัวหลักแน่ๆ 3 คนคือ จอนนี่ อีแวนส์ , ราฟาเอล ดา ซิลวา และ ปาทริซ เอวร่า ขณะที่กองกลางยืนพื้นกันที่ ทอม เคลเวอร์ลี่ย์ , ฟิล โจนส์ , อันโตนิโอ วาเลนเซีย และ อัดนาน ยานาไซ พร้อมปล่อยให้ เวย์น รูนี่ย์ เป็นตัวฟรี คอยประสานงานกับ แดนนี่ เวลเบ็ค
ริโอ เฟอร์ดินานด์ บ่อน้ำมันตัวจริงในยุคของมอยส์ เมื่อกล้าดร็อปทำให้สปีดของทีมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เชื่อว่าหาก ไมเคิ่ล คาร์ริค และ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ กลับมา แมนฯ ยู น่าจะดีกว่านี้ได้อีกด้วยซ้ำ จากช่องว่างที่เคยห่างไกลจากหัวตารางเหลือเกิน....วันนี้มันถูกบีบให้แคบลงมาแล้วเป็นที่เรียบร้อย อย่างน้อยก็ในแง่ของความรู้สึกของทุกคน
โชคดีอีกอย่างของผีแดงคือได้ เฟล็ทเชอร์ มาช่วยตัดเกมแดนกลางแทน คาร์ริค ที่โดนอาการบาดเจ็บลักพาตัว
ตอนนี้ มอยส์ ยังอาจจะโดนวิจารณ์ตามล้างตามเช็ดอยู่บ้าง แต่ถ้าหากเกมนัดหน้าพวกเขาสามารถเก็บชัยชนะเหนือ นอริช ได้อีก....ผมก็เชื่อเหลือเกินครับว่าเสียงก่นด่าต่างๆ ที่เคยมี มันน่าจะค่อยๆ ลดทอนลงไปพอสมควร
หลังจบเกมนัดหน้าที่ แคร์โรล โร้ด เราคงจะได้เห็นกันว่าฤดูกาลนี้ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ออกสตาร์ทขึ้นอย่างเป็นทางการแล้วเรียบร้อยครับ
"ยอดขวัญ"