แชมป์ครั้งนี้ที่รอคอย
21 ธ.ค.56 นี่คือวันที่ฟุตบอลไทยในยุคใหม่ต้องจารึกประวัติศาสตร์ไว้อีกครั้ง เพราะนี่คือวันที่ขุนพลช้างศึกรุ่นอายุต่ำกว่า 23 ปี ได้ฉลองแชมป์ซีเกมส์ที่เรารอคอย
สำหรับแชมป์ซีเกมส์ 2013 ครั้งนี้คือครั้งที่ 14 ของขุนพลทีมชาติไทย ซึ่งหากนับจริงๆ แล้วเราห่างหายจากความสำเร็จใน “อาเซียน” มาแล้ว 6 ปีเต็มๆ ไล่ตั้งแต่ที่ประเทศลาว และประเทศอินโดนีเซีย ที่ 2 ครั้งนั้นต้องบอกว่าเราสอบตกแบบเต็มๆ เพราะตกรอบแรกแบบไม่มีลุ้นอะไรเลย
ซึ่งแชมป์ซีเกมส์ครั้งสุดท้ายของเราคว้ามาได้ก็คือปี 2007 ที่เราเป็นเจ้าภาพ ในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 24 ที่จังหวัดนครราชสีมา
และถ้าย้อนกลับไปอีก ช่วงทีฟุตบอลเราพีคๆ เราเป็นแชมป์ซีเกมส์ 8 สมัยติดต่อกัน ซึ่งถ้านับแชมป์ซีเกมส์ทั้งหมดทีมชาติไทยของเราได้แชมป์มาแล้ว 14 สมัย (รวมครั้งนี้) ซึ่งถือเป็นทีมเบอร์หนึ่งแห่งอาเซียนอย่างแท้จริง แต่ช่วงที่ผ่านมาผลงานของเราตกต่ำไปพอควร ทำให้เราไม่กล้าที่จะใช้คำว่า “เบอร์ 1 อาเซียน” แบบเต็มปากสักเท่าไหร่
โดยรายชื่อรายชื่อ 20 ขุนพลนักเตะทีมชาติไทยชุดลุยศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ที่ประเทศเมียนมาร์ ภายใต้การคุมทีมของ “ฮีโร่ฟุตบอลไทย” อย่าง “โค้ชซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ประกอบด้วย
ผู้รักษาประตู : กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด), ชนินทร์ แซ่เอี๊ยะ (พัทยา ยูไนเต็ด), อุกฤษณ์ วงศ์มีมา (ราชบุรี มิตรผล)
กองหลัง : นฤบดินทร์ วีรวัฒน์โนดม (บีอีซี เทโร ศาสน), อาทิตย์ ดาวสว่าง (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด), ประวีณวัชร์ บุญยงค์ (บางกอกกล๊าส เอฟซี), สกลวัชร์ สกลหล้า (บางกอก เอฟซี), พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา (บีอีซี เทโร ศาสน), ธีราทร บุญมาทัน (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
กองกลาง : ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ชนาธิป สรงกระสินธ์ (บีอีซี เทโร ศาสน), ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ (เอสซีจี เมืองทอง), ปกเกล้า อนันต์ (อินทรีเพื่อนตำรวจ), ชุติพนธ์ ทองแท้ (ราชบุรี มิตรผล),ชาริล ชัปปุยส์ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
กองหน้า: ศราวุฒิ มาสุข (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด), เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ (ชลบุรี เอฟซี), ชนานันท์ ป้อมบุบผา (โอสถสภา), ปกรณ์เปรมภักดิ์ (อินทรีเพื่อนตำรวจ), อดิศักดิ์ไกรษร (บุรีรัมย์ยูไนเต็ด)
ซึ่งในเกมแมตช์สุดท้ายไม่ต้องพูดถึงความกดดัน เพราะนี่คือเกมนัดชิงชนะเลิศซีเกมส์ของนักเตะทุกๆ คนในสนามมีเพียงแค่บรรดาสตาฟฟ์โค้ชอย่าง ซิโก้, โชคทวีฯ เท่านั้นที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน
แต่สุดท้ายนักเตะเหล่านี้ก็สวมหัวใจเพชรพร้อมๆ กับหัวใจนักสู้ลงสนาม “ปะฉะดะ” กับแข้งอินโดฯ ตลอด 90 นาที จนประตูชัยของ “ศราวุฒิ มาสุข” ยิงตั้งแต่กลางครึ่งแรก มาสัมฤทธิ์ผลด้วยการพาทีมชาติไทยคว้าแชมป์มาได้อย่างสวยงาม
วันนี้ทั้งหมดทั้งมวลคงจะบรรยายความรู้สึกของคนที่มีส่วนร่วมกับในสนามได้ไม่หมด เอาเป็นว่าขอแสดงความดีใจกับทุกๆ คนที่เกี่ยวข้องกับความสำเร็จในครั้งทั้งทีมงาน, นักเตะ และสื่อมวลชนทั้งหมด
ขอให้เหรียญทองนี้ เป็นเหรียญแห่งความทรงจำเหมือนคำกล่าวของ “โค้ชซิโก้” ที่ว่าเราจะมาร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์พร้อมกันๆ
เรื่องโดย "เจษดาพร"