เพียงชายคนนี้.. "ดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์"

เพียงชายคนนี้.. "ดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์"

เพียงชายคนนี้.. "ดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอลโลก 2018 รูดม่านปิดฉากลงไปเป็นที่เรียบร้อยนะครับ ผู้ชายที่ชื่อ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ นั้นสร้างประวัติศาสตร์พาฝรั่งเศสเป็นแชมป์โลก แถมตัวเขาเองกลายเป็นมนุษย์คนที่ 3 บนพื้นพิภพ ที่สามารถครองถ้วยฟีฟ่าเวิลด์คัพ ได้ทั้งในฐานะนักฟุตบอลและหัวหน้าโค้ช

จะเรียกว่าหักปากกาเซียนพอสมควรก็ย่อมได้ เพราะก่อนแข่งนั้นทีม “ตราไก่” ไม่ได้เป็นเต็งในระดับต้นๆเหมือน บราซิล เยอรมนี อาร์เจนติน่า หรือ สเปน นอกจากนั้นยังไม่มีนักเตะระดับโลกอย่าง เนย์มาร์, เมสซี่ หรือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ประดับทีม แต่พวกเขามีโค้ชอย่าง “เดเด้” ที่สามารถดึงจุดแข็ง สงวนจุดด้อยในการเล่นเอาไว้ได้อย่างน่าชมเชย

การวางแทคติคเล่นด้วยความระมัดระวัง ไม่ได้เน้นรุกหวือหวาเอาใจแฟนบอล เพราะรู้ดีว่าพวกเขาไม่ได้มีศูนย์หน้าที่เฉียบขาด แถมหลายคนในทีมยังเป็นพวกวัยหนุ่มขาดประสบการณ์ การเน้นเกมรับและรอจังหวะคู่ต่อสู้เพลี่ยงพล้ำ เป็นเรื่องที่มีการวางแผนมาก่อนทั้งนั้น

desccc3
สมัยเป็นนักเตะ เดส์ชองส์ เองก็ไม่ได้เป็นผู้เล่นที่มีพรสวรรค์การเล่นอันเลอเลิศ แต่มีเกมป้องกันในแดนกลางที่ยอดเยี่ยม ใช้สมองและการยืนตำแหน่งที่ถูกต้องเข้ามาช่วย เขาคือคนที่ทำให้ทีมที่มีเทพอยู่ข้างหน้าอย่าง ซีเนอร์ดิน ซีดาน และ ยูริ จอร์เกฟฟ์ สมดุล ลงตัว แถมยังเป็นศูนย์รวมจิตใจของเพื่อนๆทุกคนในทีม

มาเที่ยวนี้ในฐานะกุนซือ ตัวเขาเองก็ทำให้ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ และ อวงตวน กรีซมันน์ ผสานกับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และ ปอล ป๊อกบาได้อย่างลงตัว และแม้จะมีศูนย์หน้าที่ทำประตูไม่ได้เลยตลอดทัวร์นาเม้นต์อย่าง โอลิวิเย่ต์ ชิรูด์ เหมือนในปี 1998 สตเฟาน กิวาร์ช แต่ฝรั่งเศสก็หาได้จำเป็นต้องแคร์ เพราะพวกเขามีคนอื่นขึ้นไปยิงแทน

การเดินทางแบบ “น้อย” แต่ “มาก” ของเดส์ชองส์ ทำให้ตัวเขาเองมีชื่อจารึกในประวัติศาสตร์ลูกหนัง เทียบเท่ากับคนอย่าง “แดร์ ไกเซอร์” ฟรานซ์ เบ็คเค่นบาวเออร์ จากเยอรมนี และ มาริโอ ซากาโล่ ของบราซิล อย่างน่ายกย่อง แม้จะมีต้นทุนมาน้อยกว่าแบบเทียบไม่ได้กับตำนานทั้งสองราย แต่นี่คืออีกหนึ่งบุคลากรอันมีค่าซึ่งทำให้ ฝรั่งเศส ได้แชมป์โลกถึงสองครั้งภายในระยะเวลาเพียง 20 ปี

desccc2
ถ้ายังจำกันได้ทีมจากเมืองน้ำหอมเคยล้มเหลวไม่เป็นท่ามาจากฟุตบอลโลกปี 2010 จอดแค่รอบแรกจนถึงขั้นทีมแตกในยุคของกุนซือ เรย์มอง โดเมอเน็ค มีปัญหาภายในทีมมากมายชนิดเรียกว่านักฟุตบอลอย่าง ปาทริค เอวร่า, เอริค อบิดาล, นิโกล่าส์ อเนลก้า และ ฟรองค์ ริเบรี่ ทะเลาะกับโค้ชและสมาคมฟุตบอลจนถึงกับต้องลงโทษแบนห้ามเล่นทีมชาติกัน

จุดเปลี่ยนสำคัญคือการที่สมาคมฟุตบอลฝรั่งเศสตัดสินใจแต่งตั้ง ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ เป็นหัวหน้าโค้ช “เลอ เบลอส์” ในปี 2012 และจากวันนั้นถึงวันนี้ระยะเวลาแค่ 6 ปี “เดเด้” ก็สามารถพาทีมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในวงการฟุตบอลได้สำเร็จ โดยมีมรดกตกทอดจากยุคล้มเหลวมาเป็นยุครุ่งเรืองเพียงหนึ่งเดียวให้เห็นเป็นประจักษ์พยานคือ ฮูโก้ โยริส ผู้รักษาประตูและกัปตันทีมนั่นเอง

คอลัมน์สนุกมือ / ธีรพัฒน์ อัครเศรณี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook