นาฬิกาของ มอยส์
นาฬิกาของคนเราไม่เท่ากันจริงๆ นะครับ อย่างน้อยก็ในความรู้สึก
บทสรุปของการแข่งขัน แคปปิตอล วัน คัพ เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา อาจเป็นสิ่งที่บอกเราได้กลายๆ ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จำเป็นต้องมองศึกฟุตบอลถ้วยที่พวกเขาเคยหมางเมินรายการนี้เป็นภารกิจที่ต้องทำให้สำเร็จเข้าเป้าเสียแล้ว
ชัยชนะเหนือ สโต๊ค 2-0 ช่วยส่งให้ "ปีศาจแดง" ทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ....เหลืออีกเพียงแค่ด่านเดียวเท่านั้นพวกเขาก็จะเข้าสู่แมตช์ชิงดำ ซึ่งมีแนวโน้มค่อนข้างสูงที่มันจะเป็นดาร์บี้แมตช์ร่วมเมืองกับคู่อริอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้!
ในห้วงยามที่ผลการแข่งขันเกมลีกไม่เป็นใจ, ฟอร์มการเล่นโดยรวมยังดูไม่เป็นทรง ขณะที่นักเตะหน้าใหม่อย่าง มารูยาน เฟลไลนี่ ก็เริ่มถูกตั้งคำถามแล้วว่าจะเป็นการซื้อตัวที่ผิดพลาดหรือไม่ นั้นคือเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลที่ทำให้ แมนฯ ยู อาจจำเป็นต้องเน้นจริงๆ ในรายการนี้
แม้สภาพอากาศจะเลวร้าย แต่มอยส์ก็ยิ้มออกอย่างง่ายได้เนื่องลูกทีมของเขาทำผลงานได้เข้าเป้า
เพราะมันอาจเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยต่อลมหายใจให้ เดวิด มอยส์ ได้นั่งแท่นเป็นนายใหญ่ของ "ปีศาจแดง" ต่อ! เหมือนกับที่ครั้งหนึ่ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็เคยใช้ศึกฟุตบอลถ้วยต่ออายุการทำงานของตัวเองมาแล้ว
คำถามที่น่าสนใจก็คือ หากบทสรุปในซีซั่นนี้ของ แมนฯ ยู จบลงด้วยการเป็นแชมป์ ลีก คัพ 1 รายการ พร้อมกับชวดโควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลหน้า....บอร์ดบริหารของ "อสูรแดง" จะยังให้โอกาส มอยส์ ในการทำทีมต่ออยู่หรือไม่
ผมเชื่อนะครับว่าหาก มอยส์ พา แมนฯ ยู ติดโควต้า 4 อันดับแรก เขาจะได้อยู่คุมทีมต่อในซีซั่นหน้าอย่างแน่นอน ผมเชื่อเสมอว่าบอร์ดบริหารของ "เร้ด เดวิลส์" ถือเป็นกลุ่มคนที่มีน้ำอดน้ำทนและพร้อมจะให้โอกาสบุคลากรของตัวเองได้พิสูจน์ฝีมืออยู่พอสมควร
หากยูไนเต็ดไม่สามารถติด 1 ใน 4 ทีมเข้าไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีกได้ ภาพนี้ของมอยส์น่าจะได้เห็นแน่ๆ
แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่รั้งอยู่อันดับ 8 ของตาราง โดยมีแต้มตามหลังทีมอันดับ 4 อย่าง เรือใบสีฟ้า อยู่ 7 คะแนน เราคงต้องยอมรับว่ามันเป็นภารกิจที่หนักหนาพอตัวในการที่ มอยส์ จะพา "ผีแดง" แซงทางโค้งไปติดท๊อปโฟร์ได้สำเร็จ
และถ้ามันไม่เกิดขึ้น เราก็คงต้องรอดูกันต่อว่าอันดับที่ไม่ใช่ท๊อปโฟร์ของ แมนฯ ยู ที่ว่านี้....มันคืออันดับเท่าไหร่กันแน่ ?
เพราะถ้ามันคืออันดับ 12 หรือ 13 บางทีแค่แชมป์ ลีก คัพ อาจเป็นไม้กันสุนัขต่ออายุออกไปอีกไม่ไหวเหมือนกัน
ผมมั่นใจอยู่เสมอนะครับว่า มอยส์ จะได้อยู่ทำหน้าที่ของตัวเองไปจนควรซีซั่นนี้เป็นอย่างน้อย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม....ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับอดีตกุนซือคนเก่งของ เอฟเวอร์ตัน ว่าเขาจะต่อยอดไปได้อีกมากน้อยขนาดไหน
ฤดูกาลแห่งการแก้ปัญหาแบบนี้ หากปิดฉากได้แบบไม่เลวร้ายเกินไป ยังไง มอยส์ ก็น่าจะได้อยู่ต่ออย่างแน่นอน....แฟนๆ แมนฯ ยู เองต่อให้ด่าสาดเสียเทเสียยังไง ผมก็เชื่อนะครับว่าในท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็พร้อมที่จะให้โอกาสเสมอ
อีกมุมหนึ่งหากมอยส์พาทีมไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกได้จริง แต่ฤดูกาลต่อมาผลงานไม่ดีอาจจะกระเด็นตกเก้าอี้แบบเอวีบีก็เป็นได้
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ใช้เวลาอยู่หลายปีกว่าจะมีแชมป์แรกที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มีฤดูกาลที่ว่างเปล่ากับ ลิเวอร์พูล เมื่อซีซั่นที่แล้ว ก่อนจะใช้เวลาปรับจูนจนมาลงตัวได้ในตอนนี้
คงไม่ใช่ทุกคนที่เหมือน โชเซ่ มูรินโญ่ ที่จะการันตีแชมป์แบบทันทีทันใจแบบฟาสต์ฟู้ดตลอดเวลา สำหรับผมแล้ว ฤดูกาลหน้าต่างหากถึงจะเป็นช่วงเวลาตัดสินเก้าอี้ของ มอยส์ อย่างแท้จริง
เริ่มจากฟุตบอล ลีก คัพ ด้วยมโนภาพที่ว่า มอยส์ จะพา แมนฯ ยู คว้าชัยเหนือ ซิตี้ คู่ปรับตลอดกาลในนัดชิงดำ พร้อมจบอันดับด้วยเลขตัวเดียว และอาจทิ้งทวนด้วยการชนะ ลิเวอร์พูล สักเล็กน้อยในเกมลีกที่ โอล แทร็ฟฟอร์ด
เพียงเท่านี้....มีเหรอที่แฟนๆ จะไม่อดทนกับ มอยส์ อีกสักหน่อย ?
"ยอดขวัญ"