เก็บตก 5 เรื่องต้องรู้! เบลเยียม ทุบ อังกฤษ 2-0 ซิวที่ 3 บอลโลก

เก็บตก 5 เรื่องต้องรู้! เบลเยียม ทุบ อังกฤษ 2-0 ซิวที่ 3 บอลโลก

เก็บตก 5 เรื่องต้องรู้! เบลเยียม ทุบ อังกฤษ 2-0 ซิวที่ 3 บอลโลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม้จะไม่ได้เหนือกว่ามากนัก แต่ 2 ประตูที่ เบลเยียม ได้มากับการเก็บคลีนชีตทำให้พวกเขาจบอันดับ 3 ในฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งแรกอย่างเต็มภาคภูมิ ในขณะที่ อังกฤษ อาจจะต้องไปลุ้นความหวังที่จะพาฟุตบอลกลับบ้านอีกครั้งใน 4 ปีถัดไป

ไปดูกันว่ามีอะไรที่น่าสนใจในเกมชิงอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2018 เกิดขึ้นบ้าง

5. ปัญหาของ เคน และ ลูกากูClive Rose/GettyImages
แม้จะยิงไป 6 ประตูแล้ว แต่รองดาวซัลโวจาก พรีเมียร์ลีก กลับไม่สามารถยิงประตูจากโอเพนเพลย์ได้เลยตลอดรายการนี้ เคน ทำประตูจากลูกเตะมุม 2 ครั้งในเกมกับ ตูนิเซีย 2 จุดโทษในเกมกับ ปานามา 1 ลูกโทษกับ โคลอมเบีย และ 1 ลูกแฉลบที่เขาไม่ได้ตั้งใจในเกมกับ ปานามา ส่วนในเกมสำคัญที่จะช่วยให้พวกเขาได้เหรียญติดมือกลับบ้านปลอบใจนี้ เคน มีโอกาสยิงแค่ 2 ครั้ง และไม่ตรงกรอบซักลูก รวมถึงโอกาสยิงโล่ง ๆ ในครึ่งแรกที่ดันลื่นจังหวะวางเท้าด้วย

ส่วน ลูกากู อาจทำได้ดีกว่า เคน เล็กน้อย ตรงที่เขายังพักบอลให้นักเตะคนอื่นได้ และคอยเป็นตัวป่วนในเขตโทษของ อังกฤษ ตลอดเวลา แต่ศูนย์หน้าจาก แมนฯ ยู มีโอกาสยิงในเกมนี้แค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ผ่านบล็อคแนวรับ อังกฤษ ส่วนโอกาสที่ใกล้เคียงกว่าอย่างการจ่ายทะลุช่องของ เดอ บอรยน์ ให้เขาหลุดเดี่ยวในเขตโทษ ลูกากู ก็จับบอลลั่นไปเองถึง 2 ครั้ง

ฟอร์มของทั้งคู่ในฤดูกาลที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขาคือกองหน้าระดับท็อปของลีก แต่จากผลลัพธ์ในทัวร์นามเนท์นี้ทำให้เราได้เห็นว่าพวกเขายังห่างไกลจากกองหน้าระดับโลกผู้เปลี่ยนเกมมากนัก พวกเขายังต้องพึ่งสิ่งที่เรียกว่าทีมเวิร์คเป็นส่วนใหญ่ทั้งในเกมระดับสโมสรและทีมชาติ ซึ่งหากมันไม่เวิร์คเมื่อไหร่ พวกเขาก็พร้อมเปลี่ยนจากกองหน้าจอมถล่มประตูกลายเป็นกองหน้าตีนบอดได้เสมอ

4. โจนส์ พลาดอีกแล้วOLGA MALTSEVA/GettyImages
ในยามที่ทีมต้องแข่งเกมนัดตัดสินระหว่างกลับบ้านมือเปล่ากับการมีเหรียญทองแดงปลอบใจ เซาธ์เกต กลับเลือกคนที่มีประวัติในการเล่นเกมรับไม่ค่อยดีที่สุดของทีมอย่าง ฟิล โจนส์ ลงสนาม 

เท่านั้นไม่พอ ยิ่ง เอเด็น อาซาร์ ของ เบลยียม นี่แหละที่เคยทำ ฟิล โจนส์ พังไม่เป็นท่าในเกมนัดชิง เฟเอคัพ ฤดูกาลล่าสุดมาแล้ว ซึ่งนั่นมันแค่ 2 เดือนที่แล้วนี่เอง 

ดูเหมือน อาซาร์ จะยังเล่นงาน โจนส์ ในนัดชิง เอฟเอคัพ ไม่หนำใจ เพราะเขาแทบจะทำสิ่งเดียวกันในเกมชิงที่ 3 ฟุตบอลโลกด้วย อาซาร์ มีความไวและไหวพริบอันยอดเยี่ยม เยี่ยมพอที่วิ่งตัดหน้า โจนส์ ไปเสียดื้อ ๆ โดยที่ โจนส์ ได้แต่มองเท่านั้น เพราะเขาไม่อยากจะทำทีมเสียจุดโทษอีกแล้ว และผลก็คือ อังกฤษ เสียประตูที่ 2 ให้ อาซาร์ นั่นเอง

3. ตัวสำรองทำพังPAUL ELLIS/GettyImages
ตามปกติแล้ว เกมที่สำคัญมาก ๆ อย่างการลุ้นทำสถิติที่ดีที่สุดของชาติในรอบ 52 ปี ไม่ว่าโค้ชคนไหนก็อยากจะส่งชุดที่ดีที่สุดของเขาลงทั้งนั้น แม้กระทั่งนักเตะเองก็อยากจะลงเล่นแน่ ๆ เพราะมันเป็นเกมนัดสุดท้ายแล้วในการแข่งขันครั้งนี้ 

ถึงอย่างนั้น เซาธ์เกต ก็ยังตัดสินใจเปลี่ยนนักเตะตัวหลักออกถึง 5 คน ซึ่ง 2 จาก 5 ที่ลงมาใหม่อย่าง โรส และ โจนส์ ก็ทำให้ทีมเสีย 2 ประตูเกมนี้เสียด้วย 

2. คนนอกสายตาGIUSEPPE CACACE/GettyImages
รูเบน ลอฟตัส-ชีค และ เฟเบียน เดลฟ์ มาฟุตบอลโลกครั้งนี้ในฐานะตัวประกอบที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้มา   แต่ถึงอย่างนั้น ทั้งคู่กลับโชว์ฟอร์มได้เกินมาตรฐานไปมาก โดยเฉพาะในเกมนี้ที่ รูเบน อันตรายยิ่งกว่า เคน ผสมกับ สเตอร์ลิง ด้วยซ้ำ ในขณะที่ เดลฟ์ สามารถปั่นป่วน วิตเซล ได้บ่อย ๆ ในครึ่งแรก ก่อนที่จะลงไปทำหน้าที่วิงแบ็คซ้ายซึ่งก็ยังดีกว่า โรส ที่ถูกถอดออกไปอีก

ทางฝั่ง เบลเยียม ก็ไม่ต่างกัน เมื่อนักเตะที่ได้ลงเล่นในตำแหน่งวิงแบ็คซ้ายอย่าง นาแซร์ ชาดลี กลับทำได้ดีเกินคาดจนเขาได้ตำแหน่งตัวจริงไปในรอบน็อคเอาท์ ทำประตูชัยในรอบ 16 ทีม แถมยังทำได้อีก 1 แอสซิสต์ในเกมนี้ด้วย

ทั้ง 3 คนอาจไม่ใช่ดาวเด่นในฤดูกาลที่ผ่านมา ชาดลี เป็นตัวสำรองที่ เวสต์บรอมฯ และตกชั้นไปพร้อม ๆ กับสโมสร เดลฟ์ เป็นตัวสำรองที่อดทนของ ซิตี้ ที่ถูกโยกตำแหน่งไปมา และ ลอฟตัส-ชีค คือคนที่ถูกสโมสรปล่อยยืมตัวให้กับทีมหนีตกชั้นในลีก แต่พวกเขาล้วนโชว์ฟอร์มได้ดีล้ำหน้ายิ่งกว่าดาวเด่นคนอื่น ๆ ในทัวร์นาเมนท์หลายเท่านัก

1. เบลเยียม คว้าที่ 3 ครั้งแรกPAUL ELLIS/GettyImages
อาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรมาก แต่อันดับ 3 กลายเป็นสถิติที่ดีที่สุดของพวกเขาไปแล้วในฟุตบอลโลก

ก่อนหน้านี้ เบลเยียม ได้อันดับสูงสุดแค่อันดับ 4 ในปี 1986 ที่เม็กซิโก และนั่นยังเป็นการผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้เพียงครั้งเดียวของพวกเขาด้วย จนกระทั่งทำได้อีกครั้งในปีนี้ที่ รัสเซีย

มันยิ่งพิเศษสุด ๆ ไปอีก เพราะมันเป็นการยัดเยียดความปราชัยให้ อังกฤษ ในเกมที่ 100 ของแข้งผู้ดีในเกมระดับเมเจอร์อีกด้วย 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook