"5 เรื่องหลังเกม" อาร์เจนติน่า ไม่ดีพอตกรอบ 16 ทีมฟุตบอลโลก 2018
เกมที่สนามคาซาน อารีน่า จบลงไปแบบสุดมันส์ เมื่อ ฝรั่งเศส ต้องมาเจอกับ อาร์เจนติน่า ตั้งแต่รอบ 16 ทีมสุดท้าย
ก่อนที่จะเป็นลูกทีมของ ดิดิเย่ร์ เดชองส์ ที่ทำได้ดีกว่า ได้ประตูจาก คีเลียน เอ็มบัปเป้, อองตวน กรีซมันน์ และ แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์ด ทะลุเข้าสู่รอบ 8 ทีมได้ในที่สุด ส่วน อาร์เจนติน่า ต้องกลับบ้านไป
ไปดูกันว่ามีเรื่องอะไรที่น่าสนใจเกิดขึ้นบ้างหลังเกมที่ยิงรวมกันไป 7 ประตู และเป็นสถิติที่มากที่สุดในทัวร์นาเมนต์ปีนี้
5. ฝรั่งเศส ยังเล่นไม่เป็นระบบ
แม้จะยิง อาร์เจนติน่า ได้ถึง 4 ประตู แต่ ฝรั่งเศส ของ เดส์ชองส์ ยังห่างไกลจากคำว่าชนะเพราะเล่นเป็นทีมมากนัก
ประตูแรกของพวกเขามาจากความไวล้วนๆของ เอ็มบัปเป้ ที่เรียกจุดโทษได้ ก่อนที่จะเป็นความเฉียบขาดของ กรีซมันน์ ที่ซัดจุดโทษเข้าไป ประตูที่สองของพวกเขามาจากการเปิดพลาดของ ลูกัส แอร์กน็องเดซ ที่ดันโค้งมาเข้าทาง ปาวาร์ด และการยืนตำแหน่งพลาดของแนวรับอาร์เจนติน่า ประตูที่สามก็เป็นความสามารถเฉพาะตัวของ เอ็มบัปเป้ มีเพียงลูกที่สี่ที่พอให้เห็นความเป็นทีมเวิร์กหน่อย
ทั้ง 4 ประตูในเกมนี้ของฝรั่งเศส เป็นเพียงการยิงตรงกรอบแค่ 4 ครั้งเท่านั้น นอกจากนั้นพวกเขาไม่มีโอกาสจะๆจังๆเลย หรือไม่งั้นก็ทำออกกันไปเองแบบไม่มีลุ้น หากลูกทีมของ เดส์ชองส์ ยังหวังจะไปให้ลึกกว่านี้ พวกเขาต้องเตรียมรับมือกับทีมที่มีแนวรับที่เป็นระบบมากกว่าอาร์เจนตินา ที่อ่อนยวบยาบมาตั้งแต่เกมรอบแบ่งกลุ่มแล้ว หรือไม่งั้นก็ต้องหวังให้แต่ละคนกดท่าไม้ตายให้ติดแบบเกมนี้
4. เมสซี่ ปิดฉากไม่สวย
เปเล่ และ มาราโดน่า ต่างมีช่วงเวลาที่ได้ชูถ้วยบอลโลกซักครั้งหรือมากกว่านั้น และต่างมีภาพให้ชนรุ่นหลังได้จำ ทั้งน้ำตาของเปเล่ หรือหัตถ์พระเจ้าของเสือเตี้ย แต่กับ ลิโอเนล เมสซี่ แล้ว เขากำลังจะหมดโอกาสที่จะได้ทำแบบนั้น
เมสซี่ เพิ่งจะอายุ 31 ปี ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และนั่นหมายความว่าเขาจะอายุ 35 ปีเข้าไปแล้วในฟุตบอลโลกที่กาตาร์ ซึ่งเมื่อเทียบกับทีมชุดนี้แล้ว จะมีแค่ กาบาเยโร่ ที่อายุมากกว่าเขาเท่านั้น
การตกรอบของเมสซี่ครั้งนี้ จึงแทบจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตค้าแข้งของเขาก็ว่าได้ และถึงกระนั้น เขาก็ดันตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายโดยที่ไม่ได้ฝากอะไรไว้ให้เป็นที่จดจำเลย ไม่แม้แต่จะยิงลูกยิงมหัศจรรย์อะไร หรือเปิดบอลให้เพื่อนตีเสมอนาทีสุดท้ายก็ทำไม่ได้
เอาจริง มาราโดน่า มาดู อาร์เจนติน่า ในฐานะกองเชียร์ปีนี้ยังน่าสนใจกว่า เมสซี่ กับเพื่อนทั้งทีมด้วยซ้ำ
3. แนวรับไร้ประสิทธิภาพ
อาร์เจนติน่า เป็นทีมที่มีแนวรุกอันตรายที่สุดทีมนึงในอเมริกาใต้ แต่เมื่อพูดถึงแนวรับแล้ว พวกเขาก็ขึ้นชื่อในเรื่องความเละเทะอยู่เหมือนกัน
เมื่อ ฝรั่งเศส ทำเกมสวนกลับขึ้นมา มันดูเหมือนว่ากองหลังอาร์เจนติน่าแต่ละคนไม่รู้ว่าควรวิ่งไปทางไหนหรือประกบใคร พวกเขาไม่มีสิ่งที่เรียกว่าผู้นำในแนวรับ แม้แต่ นิโกลัส โอตาเมนดี้ ก็ทำไม่ได้ มาร์กอส โรโฮ เหรอ? อย่าหวังเลย แถมยิ่งไปกันใหญ่เมื่อส่ง เฟเดริโก้ ฟาซิโอ ลงมาในสนามอีกต่างหาก
2. คีเลียน เอ็มบัปเป้ แจ้งเกิดเต็มตัวในเกมระดับโลก
ก่อนหน้านี้ เอ็มบัปเป้ อาจถูกโจมตีบ่อยครั้งว่าเขายังไม่ดีพอกับป้ายราคา 180 ล้านยูโร ค่าตัวแพงที่สุดอันดับ 2 ของโลกในตอนนี้ แต่ไม่แน่ว่าหลังจบฟุตบอลโลกคราวนี้ ค่าตัวเขาอาจเพิ่มมากขึ้นอีกก้ได้
เอ็มบัปเป้ โชว์ให้เห็นถึงความอันตรายของเขาในการเล่นเกมสวนกลับ และเพียงครั้งแรก เขาก็เรียกฟรีคิกในระยะอันตรายได้ทันที เท่านั้นไม่พอ เขายังวิ่งตะบึงตั้งแต่แดนตัวเองจนเข้าเขตโทษอาร์เจนติน่าได้ชนิดที่ว่าไม่มีนักเตะอาร์เจนติน่า คนไหนหยุดเขาได้เลย ก่อนจะโดน โรโฮ ทำฟาวล์ในเขตโทษนั่นแหละ
เอ็มบัปเป้ ยังทำแบบนี้ได้อีกหลังจากนั้น และรวมๆแล้วยังเรียกใบเหลืองจากนักเตะอาร์เจนติน่าได้อีก 3 ใบด้วย
นอกจากความเร็วแล้ว การทำประตูของเขาก็ยอดเยี่ยม เขาเก็บบอลได้ในเขตโทษ ก่อนจะหาช่องยิงได้ดี และเลือกยิงยัดมุมอับของ ฟรังโก้ อาร์มานี่ ได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนลูกสุดท้ายเขาก็เหมือนเป็นการสรุปทุกอย่าง เมื่อเขาใช้ความเร็วสปีดหนีกองหลังมารับบอลจาก โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ และใช้ความคมยิงบอลผ่าน อาร์มานี่ เข้าไป
1. มาทำไม?
ประโยคนี้ไม่ได้มีไว้ถามเวลาใครแต่งตัวเต็มยศไปถ้ำ แต่ยังหมายถึงเหล่ายอดดาวยิงก้นด้านของอาร์เจนติน่า ในทัวร์นาเมนต์นี้ด้วย
เป็นเกมที่ 4 แล้วที่ ฮอร์เก้ ซามเปาลี ส่งทีมแนวรุกลงมาไม่ซ้ำหน้า คนที่ได้ลงตลอดนั่นก็คือ เมสซี่ ในขณะที่ เซร์คิโอ อเกวโร่ ได้โอกาส 2 ครั้ง, กอนซาโล่ อิกวาอิน 1 ครั้ง และ เปาโล ดีบาล่า ไม่ได้ลงเป็นตัวจริงเลย ทั้งๆที่ในเกมระดับสโมสร ทั้ง 3 คนไม่ได้แย่กว่าเมสซี่อะไรขนาดนั้น โดย อเกวโร่ ยิงไป 30, ดีบาล่า 26 และ อิกวาอิน 23 ในฤดูกาลล่าสุด ซึ่งแค่นี้ก็ถือว่าเยอะแล้วในเกมระดับสโมสร
เมื่อเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่แพ้แล้วหมายถึงการตกรอบ ซามเปาลียังลองของแปลกด้วยการส่งแค่ เมสซี่ คนเดียวลงสนาม ทั้งๆที่ก็รู้ว่าเกมนี้มีความสำคัญขนาดไหน เขาสามารถส่งทั้ง 4 คนลงสนามพร้อมกันก็ยังได้ แต่ดันเลือก คริสเตียน ปาบอน ลงมาแทน และเมื่อถึงคราวที่ตามหลัง 2 ลูก เขาก็ยังรอจนกระทั่งนาทีที่ 75 ถึงค่อยส่งเอา มักซิมิเลียโน่ เมซ่า ลงมาแทน ปาบอน ที่ควรถูกเปลี่ยนตัวตั้งนานแล้ว
สรุปในทัวร์นาเมนต์ 2018 นี้ อเกวโร่ 174 นาที ยิงได้ 2 ประตู, อิกวาอิน ลงเล่นไป 120 นาที ยิงประตูไม่ได้ และ เปาโล ดีบาล่า ลงเล่นไป 22 นาที ยิงประตูไม่ได้
ถ้ารู้แบบนี้ ดีบาล่า อาจนั่งดูบอลทางทีวีกับ เมาโร อิคาร์ดี้ ที่บ้านไปแล้ว
อัลบั้มภาพ 8 ภาพ