7 เคล็ดลับวิชาที่ "เมสซี่" จะถ่ายทอดให้ "เนย์มาร์" กลายเป็นสุดยอด
ฟุตบอล : ในตอนนี้แฟนบอลทั่วโลกต่างจับตามองการจับคู่ของ เมสซี่ และ เนย์มาร์ สองนักเตะพรสวรรค์ของโลกยุคปัจจุบัน ถึงกระนั้นกว่าที่สองคนนี้จะสามารถเล่นกันได้อย่างรู้ใจเป็นจนคู่หูตัวอันตรายนั้น พวกเขาทั้งสองจำเป็นต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกันเสียก่อน
ในฐานะที่เป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในพิภพนี้ เมสซี่ จะมีโอกาสได้ถ่ายทอดความรู้ให้กับ เนย์มาร์ ได้มากพอสมควรทั้งชีวิตในและนอกสนามฟุตบอล อาชีพค้าแข้งของ เนย์มาร์ จะถูกปลูกฝังด้วยสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ยามได้ลงเล่นร่วมกับ เมสซี่ ดังนั้นบทความนี้จึงจะวิเคราะห์หา 7 เคล็ดลับวิชาที่ เมสซี่ น่าจะสามารถถ่ายทอดให้กับ เนย์มาร์ จนกลายเป็นนักเตะระดับตำนานคนต่อไป
1.วิธีเซฟตัวเองจากการถูกรุมสกัด
ทั้ง เมสซี่ และ เนย์มาร์ ต่างมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันแน่นอนนั่นก็คือ การตกเป็นเป้าหมายของกองหลังขาโหดทั้งหลายที่จ้องจะเล่นงานทั้งคู่ยามก้าวเท้าลงสนาม เนื่องจากอยู่ค้าแข้งใน ลา ลีกา มานาน เมสซี่ จึงได้เรียนรู้แล้วว่าควรจะป้องกันตัวเองอย่างไร ใช้แผ่นหลังกำบัง การเก็บขาหลบ ยอมรับความจริงที่ตนเองจะต้องถูกเสียบเป็นประจำ รวมทั้งการดูแลสภาพร่างกายให้ดี
สิ่งหนึ่งที่เรารู้จักเกี่ยวกับตัว เมสซี่ ดีก็คือเขามักจะสามารถทนต่อการเข้าปะทะได้หลายครั้งโดยที่ไม่ล้ม เนื่องจากเจ้าตัวนั้นมีการทรงตัวที่เยี่ยมยอดและไม่ยอมฝืนล้มลงไปง่ายๆโดยเด็ดขาด ในตอนนี้ เนย์มาร์ ยังไม่มีข้อเด่นในเรื่องนี้
ถึงกระนั้นอาจมีข้อถกเถียงได้ว่า เนย์มาร์ นั้นอาจจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดการเข้าปะทะมากกว่า รวมทั้งบางคนยังกล่าวหาได้ว่า เนย์มาร์ นั้นจ้องจะพุ่งล้มอยู่ตลอดเวลาเพื่อฉกฉวยผลประโยชน์ ดังนั้นการได้เล่นร่วมกับ เมสซี่ จะช่วยทำให้ เนย์มาร์ ได้เรียนรู้การให้ความคารพต่อเกมฟุตบอลและความอดทนไม่ยอมล้มลงไปนอนกับพื้นง่ายเกินไป
2.ความอดทน
แม้ว่าตอนนี้จะถูกขนานนามว่าเป็นนักฟุตบอลที่มีพรสวรรค์ที่สุดคนหนึ่ง แต่ เนย์มาร์ นั้นก็ยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ยังต้องเรียนรู้การอดทนอดกลั้นอีกมาก เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่บอลอยู่กับเท้า เจ้าตัวก็มักจะลากขึ้นไปโดยไม่รีรอแต่ใช่ว่าการกระทำนี้จะเป็นผลดีเสมอไป
เมสซี่ ได้บรรลุถึงศิลปะการสร้างเกมรุกที่ดุดันหรือแม้แต่การผ่อนเกมแล้วค่อยเข้าทำแล้ว ถ้าหากพูดถึงแท็กติก "tiki-taka" ของ บาร์เซโลน่า แล้ว มันสำคัญที่ผู้เล่นทุกคนต้องรู้ว่าควรทำอย่างไรเมื่อบอลอยู่กับตัว ซึ่งการก้มหน้าก้มตาบุกแบบดันทุรังไม่ใช่วิถีของ บาร์ซ่า เลย ดังนั้น เนย์มาร์ ต้องพยายามปรับตัวในเรื่องนี้
การได้เล่นรวมกับ เมสซี่ จะช่วยขัดเกลาให้ เนย์มาร์ รู้ว่าสิ่งสำคัญคือไม่ใช่การใส่เกมบุกเต็มสปีดอยู่ตลอดเวลา เคล็ดลับนี้ไม่ได้เพียงแต่จะดีต่ออาชีพค้าแข้งของ เนย์มาร์ เท่านั้น แต่มันจะทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่สมบูรณ์ขึ้นอีกด้วย
3.เห็นความสำคัญของความขยัน
ความขยันนั้นไม่สามารถวัดค่าออกมาเป็นตัวเลขได้ แต่มันก็เป็นสิ่งที่มองข้ามไปไม่ได้เช่นกัน ระบบการเพรสซิ่งของ บาร์ซ่า นั้นจำเป็นต้องใช้ผู้เล่นทุกคนในทีมช่วยกันแย่งบอลกลับมาให้เร็วที่สุด และความขยันของ เมสซี่ ก็นำมาซึ่งประตูนับครั้งไม่ถ้วน
สำหรับ เนย์มาร์ นั้นเป็นคนที่ไม่เคยต้องลงหลังไปช่วยเพื่อนร่วมทีม แต่ที่ บาร์เซโลน่า เขาจำเป็นต้องช่วยเพื่อนวิ่งไล่บอล และการได้ลงเล่นร่วมกับ เมสซี่ ก็จะช่วยให้เขาเห็นความสำคัญของเกมรับ และช่วยเพิ่มทัศนคติความทุ่มเทของ เนย์มาร์ ให้เพิ่มขึ้น
มีผู้เล่นกองหน้ามากมายที่ยืนอยู่ในแดนหน้าอย่างสบาย รอเพียงให้เพื่อนร่วมทีมช่วยกันวิ่งไล่บอลคืนมาเพื่อส่งให้ตนเอง แต่ เนย์มาร์ จะทำแบบนั้นไม่ได้ ในยามที่ไม่มีบอล กองหน้าที่ดีต้องวิ่งไล่บอลช่วยเพื่อน ถึงแม้ว่ามันจะช่วยอะไรเกมรับไม่ได้มาก แต่ก็มีประโยชน์ต่อทุกคนไม่น้อย เมสซี่ จะสอนให้ เนย์มาร์ เห็นถึงความสำคัญของการทุ่มเทเพื่อทีมในการแย่งบอลกลับมา มันจะทำให้ เนย์มาร์ มีมิติเกมรูปแบบใหม่ และบทเรียนนี้สำคัญต่อเขามาก
4.การจ่ายบอลสำคัญไม่แพ้การยิงประตู
ทั้ง เมสซี่ และ เนย์มาร์ ต่างก็ถูกยกย่องในฐานะจอมยิงประตูระดับโลก แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่เหนือกว่าการเป็นคนทำประตู
ทักษะของ เมสซี่ เชื่อมโยงกับแนวทางการเล่นและการสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีม สิ่งนี้ถึงทำให้เจ้าตัวมีความอันตรายเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า จนทำให้ เมสซี่ นั้นถูกยกย่องว่าเป็นนักเตะที่จ่ายบอลได้ยอดเยี่ยมคนหนึ่งเลยทีเดียว สำหรับ เนย์มาร์ เองก็เป็นนักเตะที่จ่ายบอลได้ดีไม่แพ้กัน แต่เจ้าตัวไม่ได้มองเห็นความสำคัญของมันสักเท่าไหร่
ดังนั้น เนย์มาร์ จะได้เรียนรู้ว่าการสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีมและการทำแอสซิสต์นั้นมีความสำคัญไม่แพ้การยิงประตูด้วยตนเองเลย ลองนึกดูว่า เนย์มาร์ จะอันตรายขนาดไหนถ้ามีข้อดีตรงนี้
จากสถิติของ ESPN 4 ใน 5 ฤดูกาลที่ผ่านมา เมสซี่ ทำแอสซิสต์ได้อย่างต่ำ 18 ครั้ง ในขณะที่ เนย์มาร์ ทำได้ไม่ถึง 14 แอสซิสต์ในหนึ่งฤดูกาล เรื่องนี้คงต้องมีการปรับเปลี่ยนเป็นการใหญ่
5.รู้จักรักษาสมดุลของความทะนงตนและการถ่อมตัว
ผู้เล่นชั้นยอดทุกคนมักจะมีความผสมผสานระหว่างการทะนงตัวและการนอบน้อมถ่อมตัวอยู่ในคนเดียว แต่การมีสมดุลที่ดีของทั้งสองสิ่งนี้จะช่วยแยกระหว่างผู้เล่นชั้นยอดกับผู้เล่นที่จะถูกจดจำไปตลอดกาล
เนย์มาร์ นั้นกำลังก้าวสู่ช่วงที่สำคัญที่สุดในชีวิต เพราะเขาจะไม่ได้พัฒนาเพียงแค่ฝีเท้าเท่านั้นแต่ยังเป็นการวางตัวอีกด้วย ซึ่งไม่มีใครจะช่วย เนย์มาร์ ไปได้ดีกว่า เมสซี่ อีกแล้ว เพราะ เมสซี่ จะสอนให้ เนย์มาร์ รู้ว่าตอนไหนควรก้าวขึ้นไปสำแดงความมีเกียรติของตน เพราะศักดิ์ศรีเหล่านี้เป็นตัวที่ช่วยสร้างความมั่นใจและความเชื่อเพื่อผลักดันให้ตัวบุคคลก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดได้
แต่ดาวเตะอาร์เจนไตน์จะยังแสดงให้ เนย์มาร์ เห็นอีกว่าการอ่อนน้อมถ่อมตัวก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะสิ่งนี้จะทำให้เราได้รับความเคารพจากคู่ต่อสู้และทำให้เราภูมิใจเสมอยามได้เดินลงสนามในทุกสัปดาห์
ก็เพราะสมดุลนี้แหละที่ทำให้ เมสซี่ กลายเป็นนักฟุตบอลที่ชนะใจแฟนบอลนับล้านจากทั่วโลกมาแล้ว ส่วน เนย์มาร์ นั้นก็สามารถเอาอย่างได้เช่นกัน เพราะเจ้าตัวสามารถเรียนรู้ได้จากชีวิตประจำวันยามอยู่ในห้องแต่งตัวเพื่อพูดคุยขอคำแนะนำจาก เมสซี่
6.การทำงานเป็นทีม
หากเปิดดูในพจนานุกรม คำนี้มีความหมายว่า "การปฏิสัมพันธ์ของธาตุหลายชนิดที่ผสมรวมกันแล้วให้ผลลัพธ์ที่ทรงอานุภาพมากกว่าผลลัพธ์ของธาตุเพียงชนิดเดียว" ไม่ต้องบอกใครๆก้รู้ว่าความสำเร็จจากการทำงานเป็นทีมนั้นมีความสำคัญกว่าความสำเร็จที่โดยคนคนเดียวเสมอ ซึ่งบทเรียนนี้มีความสำคัญต่อ เนย์มาร์ อย่างมาก
หากพูดถึงฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็นสโมสรใดก็ตาม เป้าหมายของทุกทีมก็คือการคว้าชัยชนะ ฟอร์มที่โดดเด่นของผู้เล่นคนหนึ่งมักจะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จของทุกทีมเสมอ แต่มันก็ไม่มีทางสำคัญไปกว่าความสำเร็จของทั้งทีมไปได้เลย เมสซี่ คือตัวอย่างที่ดีของความหมายที่ว่า ชื่อที่หน้าอกมีความสำคัญกว่าชื่อที่อยู่หลังเสื้อ
เนย์มาร์ นั้นจะต้องเรียนรู้จาก เมสซี่ ให้เข้าใจถึงการเสียสละตัวเองเพื่อคนอื่น สิ่งนี้จะทำให้อาชีพค้าแข้งของดาวเตะบราซิเลียนเปลี่ยนจากการเป็นนักเตะฝีเท้าดีคนหนึงกลายมาเป็นตำนาน เมื่อไหร่ที่ เนย์มาร์ ได้เรียนรู้คำว่า "ทีมต้องมาก่อน" นั่นคือช่วงเวลาที่เขาเข้าใจความหมายที่แท้จริงแล้ว
7.การเป็นที่สุดของที่สุด
มีความแตกต่างอยู่ระหว่างผู้ชนะและตำนาน มีนักฟุตบอลบางคนยอมอดทนต่อบททดสอบที่มีกาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ เพราะพวกเขาไม่ได้รู้เพียงวิธีการเป็นนักกีฬาที่ดี แต่พวกเขายังรู้วิธีการถูกยกย่องไปตลอดกาล เมสซี่ อาจจะเป็นหนึ่งในนักเตะที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอล แต่สิ่งที่แยกระหว่างผู้ชนะ บัลลงดอร์ 4 สมัยคนนี้ออกจากคนอื่นๆก็คือวิธีที่เขาประสบความสำเร็จและวิธีที่เขากลายมาเป็นเบอร์หนึ่ง
ในตอนนี้ เนย์มาร์ ได้ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักเตะที่มีพรสวรรค์มากที่สุดแห่งยุค และอาจจะเป็นนักเตะรุ่นอายุ 21 ปี ที่ดีที่สุดบนโลกใบนี้เลยทีเดียว แต่พรสวรรค์เหล่านี้ไม่ได้ช่วยให้เขากลายเป็นสุดยอดไปได้
สิ่งที่ เนย์มาร์ ต้องเรียนรู้จาก เมสซี่ คือวิธีการเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมและต้องรู้ความหมายของการเป็นผู้ชนะ สิ่งเหล่านี้ต้องการวุฒิภาวะ มันคือสิ่งที่ เมสซี่ สามารถค่อยๆขัดเกลานักเตะรุ่นน้องของเขาได้ทีละเล็กทีละน้อย
ตอนนี้ เนย์มาร์ มีโอกาสที่ดีในอาชีพค้าแข้งของตัวเองแล้ว ซึ่งเจ้าตัวก็มีพรสวรรค์อยู่เป็นทุนเดิม
แต่เขาโชคดีที่ยังสามารถพัฒนาฝีเท้าของตัวเองขึ้นไปอีกระดับโดยการเรียนรู้จาก เมสซี่ ในทุกๆวัน ถ้าหากอดีตเด็กปั้นของ ซานโตส สามารถเรียนรู้จาก เมสซี่ แล้วนำมาประยุกต์ใช้ได้จริงล่ะก็ ถ้างั้นขีดจำกัดฝีเท้าของเขาก็คือเส้นขอบฟ้าเบื้องบน
ที่มา : bleaccherreport.com
บทความโดย : Tre' Atkinson
แปลและเรียบเรียง : ธนันต์ อยู่ในศิล
เครดิต - http://www.hikicker.com/