เก็บตก 5 ประเด็นหลังเกม โปรตุเกส เข่น โมร็อกโก 1-0
การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มบี นัดที่สอง หลัง โปรตุเกส เฉือนชนะ โมร็อกโก 1 - 0 เมื่อคืนวันพุธที่ 20 มิถุนายน 2561 และนี่คือเรื่องราวที่น่าสนใจจากเกมที่ผ่านมา
5. ความไม่เฉียบขาดของ โมร็อกโก
โมร็อกโก เป็นทีมที่มีโอกาสในการทำประตูมากกว่าอย่างชัดเจนในเกมนี้ พวกเขาสามารถสร้างจังหวะทำประตูได้มากถึง 16 ครั้ง!
ขณะที่ โปรตุเกส ยิงได้ 10 ครั้ง ทว่าในจำนวนทั้งหมดของ โมร็อกโก พวกเขายิงตรงกรอบแค่เพียง 4 ครั้งเท่านั้น เรียกว่าไม่ถึง 1 ใน 3 ด้วยซ้ำ
นอกจากนั้นการเสียประตูในเกมนั้นยังทำให้พวกเขามีสถิติเก็บคลีนชีทได้เพียง 3 เกมเท่านั้นจาก 15 เกมทั้งหมดที่ลงเล่นใน ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย
4. ดาบสองคมของการมี โรนัลโด้ อยู่ในทีม นอกจากจังหวะทำประตูให้กับทีมได้แล้วเรียกได้ว่า โรนัลโด้ แทบจะไม่มีโอกาสเหน่งๆ นับจากนั้นเลย เป็นอีกเกมหนึ่งที่สตาร์ชาว โปรตุเกส เงียบหายไปจากเกมอยู่นานทีเดียว
ทัพฝอยทอง โชคดีมากที่มีนักเตะอย่าง โรนัลโด้ คอยสร้างทีเด็ดและเป็นตัวจบสกอร์ให้กับทีม ทว่าปัญหาจะเกิดขึ้นทันทีเมื่อตัวเขามีเกมที่เล่นไม่ออก และเมื่อดูจากรูปเกมในวันนี้แล้วเชื่อเหลือเกินว่านี่อาจเป็นระเบิดเวลาในรอบลึกๆ สำหรับทัพฝอยทอง ต่อไป
3. VAR ยังคงเป็นเครื่องหมายคำถาม
หลายจังหวะใน ฟุตบอลโลก หนนี้ได้รับการตัดสินอย่างเที่ยงธรรมภายใต้การใช้งาน VAR จนไร้ข้อกังขาในจังหวะที่อาจเกิดเป็นข้อถกเถียง แต่สำหรับเกมระหว่าง โปรตุเกส กับ โมร็อกโก เป็นอีกครั้งที่เราเห็นว่ามันยังมีจุดที่ต้องปรับปรุงอยู่อีก
การให้อำนาจผู้ตัดสินในสนามเด็ดขาดว่าจะใช้คำแนะนำจาก VAR หรือไม่นั้นส่งผลกับจังหวะที่น่าจะได้ฟาวล์ของ โมร็อกโก เมื่อกรรมการปฎิเสธการใช้วิดีโอช่วยและทำให้ โมร็อกโก เป็นฝ่ายที่น่าจะเคลือบแคลงใจอยู่ไม่มากก็น้อย
2. การกระเด็นตกรอบก่อนกำหนดอย่างน่าเสียดายของ โมร็อกโก
โมร็อกโก กลายเป็นทีมที่สองที่ตกรอบใน ฟุตบอลโลก ครั้งนี้ก่อนที่การแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มนัดที่ 3 จะเริ่มต้นขึ้น หากแต่ว่าทั้งสองเกมที่ผ่านไปมาตรฐานของพวกเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าทีมใดๆ ใน เวิลด์คัพ ครั้งนี้เลย มันจึงเป็นสิ่งที่น่าเสียดายเมื่อต้องเห็นพวกเขาตกรอบ
การประเดิมสนามนัดแรกกับ อิหร่าน นั้นพวกเขาทำได้ดีก่อนจะพลาดกันเองช่วงท้ายเกม ขณะที่เกมที่สองกับ ฝอยทอง พวกเขาก็มีโอกาสที่จะจบสกอร์ได้เยอะกว่าอย่างเห็นได้ชัด
แม้จะต้องเจอกับคู่ต่อสู้ที่มี โรนัลโด้ อยู่ในทีมแต่พวกเขาก็ยังไม่กลัวที่จะตั้งหน้าเปิดเกมรุกเข้าใส่ ทว่าน่าเสียดายที่ความเฉียบขาดของ โมร็อกโก นั้นไม่ดีพอ
1. นักเตะยุโรปผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
โรนัลโด้ ทำประตูได้ตั้งแต่นาทีที่ 4 ของเกมนี้เมื่อโหม่งลูกเปิดจากริมเส้นของ ชูเอา มูตินโญ เข้าประตู นับเป็นลูกที่ 85 ของเขาในนามทีมชาติ โปรตุเกส และส่งให้เจ้าตัวทำสถิติก้าวข้าม เฟเรนซ์ ปุสกัส ในฐานะนักเตะยุโรปที่ยิงประตูได้มากที่สุดกับทีมชาติ
โดยที่บันไดขั้นต่อไปของสตาร์ โปรตุเกส รายนี้ก็คือสถิติสูงสุดของโลกที่ อาลี ดาอี ทำไว้ที่ 109 ประตู และเชื่อเหลือเกินว่าเจ้าตัวจะทำสถิติขยับเข้าใกล้ตัวเลขดังกล่าวเข้าไปอีกก่อนจบ ฟุตบอลโลก ครั้งนี้